#รีวิวอัลบั้ม Beauty Behind The Madness-The Weeknd

6 ก.ย. 58 01:18 น. / ดู 967 ครั้ง / 4 ความเห็น / 1 ชอบจัง / แชร์
ความป็อบที่ซ่อนไว้ในความดาร์ก


เดือนสิงหาคมที่ผ่านมามันเป็นช่วงที่ข้าพเจ้ามีความสุขมากๆ เป็นเดือนของการเสพผลงานใหม่ของศิลปินที่ข้าพเจ้าชื่นชอบอย่างแท้จริง ต้นเดือนผมได้ฟัง Compton ผลงานชุดสุดท้ายสั่งลาการเป็นแร็พเปอร์ของ Dr.Dre อัลบั้มเพลงป็อบของศิลปินหญิงคุณภาพ Carly Rae Jepsen อย่าง EMOTION  และในที่สุด ข้าพเจ้าก็ได้เสพผลงานชุดใหม่ของ The Weeknd ซักที เวลาผ่านไปไวมากจริงๆ

เข้าเรื่องของเราเลย Beauty Behind The Madness สตูดิโออัลบั้มชุดที่ 2 ของนักร้องหนุ่มฮิปสเตอร์อาร์แอนด์บีชาวแคนาเดียน The Weeknd ชื่อจริง Abel Testfaye เป็นอีกหนึ่งนักร้องที่น่าจับตามองมากๆในยุคนี้ ด้วยน้ำเสียงแหลมบาดใจคนฟังเทียบเคียงได้กับราชาเพลงป็อป Michael Jackson สไตล์เพลงสุดดาร์กล้ำลึกถึงด้านมืดของมนุษย์จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ติดตัวของหมอนี่ไปซะแล้ว ถ้าได้ยินชื่อนายสุดสัปดาห์ สันนิษฐานได้เลยว่า ความดาร์กมาตั้งแต่ไกลแน่นอน ผลงานรีมาสเตอร์มิกซ์เทป 3 แผ่น Trilogy (Chapter 1 ตามที่นายเอเบลบอก) หนังตอนแรกตอนนี้เปรียบเสมือนหนังฟิล์มนัวร์ภาพขาวดำ ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความดาร์กและแรงแบบสุดตรีนนนน ไม่มี Bright Side หลงเหลืออยู่แม้แต่นิดเดียว เพลงของเอเบลว่าด้วยเรื่องกิเลสตัณหา ไลฟ์สไตล์สุดแสนอันตราย เมายา ปาร์ตี้ เคล้านารี ตัดพ้อหญิงแบบไร้ปราณี Trilogy จึงเป็นซิกเนอเจอร์ของนายสุดสัปดาห์ไปโดยปริยาย ถ้าอยากรู้ว่าผมพูดถึงอัลบั้มชุดนี้อย่างไร

ไปลองอ่านดูก่อนแล้วค่อยกลับมาได้ครับ >>>> http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=4069026

หลังจากที่ชีวิตวัยรุ่นเมายาเคล้านารีใช้ชีวิตอย่างหนักหน่วงที่บ้านเกิด Toronto แล้ว ตอนต่อมา Kiss Land (Chapter 2) ออกไปเปิดหูเปิดตาท่องเที่ยวราตรีในเมืองอื่นบ้าง ตอนนี้ลดความดาร์กลงมานิดนึง ลดจนทำให้ผมรู้สึกว่ามันยังขาดอะไรไปบางอย่างอยู่ หนังตอนนี้จึงเปรียบเสมือนหนังเรต NC-17 ถึงแม้ว่าดาร์กน้อยลง แต่ความยั่วยวนของเพลงดูไม่ลดลงเลย ไม่ต่างอะไรกับหนังเอวี ลดเลี่ยนจากความดาร์กลงได้บ้าง แต่หนังตอนนี้ดำเนินเรื่องอืดจนผมเกือบหลับเหมือนกันครับ เผื่อใครที่ตามไม่ทันไปดูในลิ้งค์นี้ได้เลย >>> http://fungpaifungmabyistyle.blogsp.........-weeknd-18.html

มาถึงตอนสุดท้ายปิดท้าย Chapter 3 :  Beauty Behind The Madness หนังตอนนี้ก็เพิ่มความดาร์กจาก Kiss Land มานิดนึง เพิ่มสาระเข้าไปบ้าง หลังจากที่พี่แกวนเวียนอยู่กับหญิงยาปาร์ตี้มาสองอัลบั้ม คราวนี้พี่แกคงตรัสรู้แล้วล่ะว่า Lifestyle อันตรายแบบนี้ อาจจะมาทำร้ายตัวเองได้ในไม่ช้า ในอัลบั้มชุดนี้เราจะได้เห็นนายสุดสัปดาห์ในมุมที่แตกต่างออกไป มีความเป็น positive thinking หลงเหลืออยู่บ้าง ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาพี่แกเคยมีไลฟ์สไตล์ที่ยุ่งเหยิง ใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องผิดบาปมาเยอะ แต่พี่ก็มีหัวใจที่จะรักใครซักคนได้เช่นกัน นี่แหละครับคือคอนเซปต์ของอัลบั้มชุดนี้ แน่นอนครับว่าอัลบั้มชุดนี้นายสุดสัปดาห์เบนเข็มสู่เมนสตรีมอย่างแน่นอน

สังเกตได้จากเพลงเปิดตัวแทร็คแรก Real Life ที่นายเอเบลได้เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่แท้ๆที่คอยเตือนให้นายเอเบลหลีกเลี่ยงไลฟ์สไตล์สุดแสนอันตรายเหล่านั้น ก่อนที่จะมาทำร้ายตัวเองในภายหลัง ใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง อินโทรเปิดเพลงโคตรพีค แต่น่าเสียด่ายตรงท่อนฮุกที่น่าจะทำได้พีคมากกว่านี้ มันดูดรอปๆไปหน่อย


https://www.youtube.com/watch?v=nd2.........KeU&index=4


Losers มาแนวป็อบเพลงแรกประจำชุดนี้ เจือด้วยอิเล็กโทรนิกส์ป็อบสุดล้ำ ไม่โหลซักทีเดียว ได้ Labrinth นักร้องหนุ่มอาร์แอนด์บีอิเล็กโทรนิกส์ชาวอังกฤษ เล่าเรื่องถึงชีวิตวัยรุ่นในอดีตของเอเบลที่ดรอปเรียนตอนอายุ 17 เพื่อมาทำงานเพลงผลักดันตัวเองให้จงได้ สุดท้ายฝันก็เป็นจริงจนได้

https://www.youtube.com/watch?v=j1ngEIxopUU


https://www.youtube.com/watch?v=3Yb.........t=RDCRvAEic_KeU


แฉตัวเองแบบหมดเปลือกในแบบสบายๆดูเป็นกันเองในเพลง Tell Your Friends ที่ได้ Kanye West มาเป็นโปรดิวเซอร์เพลงนี้ด้วย จะเห็นได้ว่าคานเยคงติดสไตล์มาจากอัลบั้ม My Beautiful Dark Twisted Fantasy มาแน่ๆ เปิดอินโทรร็อคเข้มๆ แล้วตบด้วยซาวน์ดออโต็จูนอันบิดๆเบี้ยวๆกลางเพลง ปิดท้ายด้วยริฟกีตาร์เจ๋งๆอีกที


https://www.youtube.com/watch?v=JPI.........t=RDCRvAEic_KeU


Often Lead Single เก่ามากตั้งแต่ปีที่แล้ว จำได้พี่แกใจดีมากปล่อยให้ดาวน์โหลดฟรีผ่าน soundcloud  ข้าพเจ้าแอบภูมิใจนิดๆที่ได้ดาวน์โหลดมาเก็บไว้ทัน เพลง**เจ๋งจริงๆ มาแบบดาร์กๆยั่วยวนใช่ย่อย ทำให้นึกถึง Trilogy อยู่ไม่น้อย เพลงนี้ถูกขนานนามให้เป็นเพลงที่เจ๋งที่สุดประจำปีที่แล้วซะด้วย หน้าปกซิงเกิ้ลโคตรแรง

คลิ๊กดูได้ >>> http://images.rapgenius.com/d80e4b8.........1000x1000x1.jpg


https://www.youtube.com/watch?v=yzTuBuRdAyA

ดาร์กต่อเนื่องด้วยเพลง The Hills ซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการของชุดนี้ (ชื่อเก่าว่า Mood Music) เปิดด้วยบีทแรงๆกระแทกหูใช่เล่น เพลงนี้มีประเด็นให้ซุบซิปเยอะพอสมควร ไม่ใช่เพราะเนื้อหาแรงเพียงอย่างเดียว แต่ท่อนแรกของเพลงนี้โยงไปถึงสาวผู้ต้องสงสัยสองรายอย่าง Ariana Grande ที่เคยร่วมงานกันในเพลง Love Me Harder กับ นางแบบสาว Bella Hadid  ที่มีข่าวลือเดตกันลับๆด้วย


https://www.youtube.com/watch?v=B3HQuDBZuts

Acquainted ลดความดาร์กลงจากเพลงที่แล้ว เป็นการบอกตรงๆว่า ไม่อยากผูกมัดกับใคร พี่เป็นผู้ชายลั๊ลลา รักสนุกไปวันๆ เพลงนี้ไม่มีอะไรมาก ไม่ต่างจากเพลงอาร์แอนด์บีทั่วๆไป


https://www.youtube.com/watch?v=KEI4qSrkPAs

Can't Feel My Face เพลงอินเลิฟสไตล์นายสุดสัปดาห์ ที่ทำให้คนฟังได้เห็นมุมอ่อนโยนของหนุ่มคนนี้ ได้ Max Martin มาช่วยโปรดิวซ์ให้ ถือเป็นเพลงป็อบฟังก์ชั้นเยี่ยมที่ทุกๆคนสามารถโยกย้ายส่ายสะบัดได้ เป็นมิตรกับวิทยุ ไม่แปลกใจที่เพลงนี้ได้ขึ้นอันดับหนึ่งบิลบอร์ดชาร์ต แทร็คนี้เมนสตรีมและ Bright Side ที่สุดในชุดนี้

เบรคเพลงหนักๆด้วย Shameless มาในแนวอคลูสติกสบายๆ ป็อปจ๋าสุดๆเลยล่ะครับ ทำให้นึกถึง Rolling Stones อยู่ไม่น้อย แต่เพลงนี้ทำได้ดีกว่าครับ Earned It เพลงประกอบหนัง 50 Shades Of Grey ก็เอามารวมชุดนี้จนได้ หลายคนคงรู้แล้ว ละไว้ในฐานที่เข้าใจก็แล้วกัน


https://www.youtube.com/watch?v=jUkxG9VUk_0

In The Night สไตล์คล้ายๆ Micheal Jackson ชัดๆ เพลงนี้โคตรชอบ เสียงสูงๆมันคล้อยตามจังหวะเพลงลงตัวมากๆ ถึงเพลงจะมีจังหวะสนุกๆก็จริง แต่เนื้อหาแรงได้โล่ห์เลยล่ะครับ ข้าพเจ้าขอเรียกเพลงนี้ว่า ซิลเดอเรล่า เวอร์ชั่นนังโสก็แล้วกันครับ As You Are นี่ก็โดน จังหวะช้าๆน้ำเสียงละเมียดละไม ว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์แบบวัน ไนท์ แสตนด์ ที่จบได้ไม่สวยเท่าไหร่นัก



สามแทร็คสุดท้ายเป็นแทร็คที่หลายคนรอคอยแน่ๆ เริ่มจาก Dark Times ที่ได้ Ed Sheeran มาร่วมแจมด้วย เป็นอะไรที่เซอร์ไพร์สข้าพเจ้าอย่างแรก ดูเหมือนว่าสไตล์ของทั้งคู่ต่างกันสุดขั้ว  เจ้าของเพลงมาแบบดาร์กไซด์ ส่วนแขกที่มาฟีทก็ดูป็อบๆไม่แบดบอยเหมือนเจ้าของเพลง แต่กลับกลายเป็นว่า แทร็คนี้มันลงตัวอย่างน่าแปลกประหลาด สามารถหยิบจุดแข็งของทั้งคู่มาประสานเป็นหนึ่งได้  ไม่ว่าจะเป็นการดีดคอร์ดของเอ็ดตอนเปิดเพลงบวกกับเอคโค่หลอนๆของเอเบลมันสามารถทำให้เพลงอคูลสติกใสๆกลายเป็นเพลงดาร์กได้  ทักษะการแต่งเพลงของทั้งคู่ก็ถือว่าใช่ เอ็ดแต่งเพลงได้ฉลาดมากๆโดยใช้เรื่องราวของเจ้าของเพลง แทนที่จะเป็นเรื่องราวของตนเอง (ว่าง่ายๆแต่งเพลงด้วยกันนั่นแหละ) อีกอย่างนึงท่อนฮุกเนื้อหาก็ดี แม่ของเราเนี่ยแหละจะคอยปลอบประโลมให้เราผ่านช่วงเวลาอันมืดมิดได้ โอ้โห โดน**เฮ้ย ถือเป็นการร่วมงานครั้งสำคัญที่ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่แย่งซีนกันไปกันมา นี่แหละที่โคตรชอบ


Prisoner อันนี้ก็ตื่นเต้นสุดๆ เพราะได้ Lana Del Ray มาแจมด้วย ทำไมถึงตื่นเต้น ก็เพราะว่า เพลงนี้เป็นเพลงในอุดมคติของข้าพเจ้าเลยล่ะครับ นักร้องสาวที่สามารถไปอยู่ในเพลงของ The Weeknd ได้คือเธอคนนี้เท่านั้น เพลงนี้ตอกย้ำช่วงชีวิตมืดแปดด้านของแทร็คที่แล้วได้เป็นอย่างดี เพลงที่แล้วใช้แขกคุ้ม เพลงนี้ก็เช่นกัน ทั้งคู่ต่างแชร์ชีวิตในอดีตที่เสพติด ยา ชื่อเสียง เซ็กส์ จนเกือบถลำตัวเองไปอยู่ในคุกแห่งกิเลสตัณหาจนถอนตัวไม่ขึ้น ถึงเพลงจะดูป็อบซอฟต์ๆนิดนึง แต่ก็ดีระดับนึงครับ ถ้าแม่นางลานนาไปแจมกับเอเบลในสมัย Trilogy เพลงออกมาจะเพอร์เฟ็คกว่านี้


ปิดท้ายด้วย Angel อีพิคแทร็คยาวมากสุดถึง 6 นาทีกว่า เปิดด้วยซาวน์ดป็อบยุค 80 ให้ฟิลวินเทจ เท่ห์ใช่เล่น เป็นแทร็คปิดที่ positive thinking อยู่เหมือนกัน เป็นเพลงอกหักที่ไม่ใช่การด่าตัดพ้อเหมือนเพลงก่อนๆ แต่เป็นการชื่นชมว่าเธอคนนี้ดีดุจเหมือนนางฟ้า แต่ถ้าจะมาคบพี่ซึ่งเป็นคนที่ทำบาปมาทั้งชีวิตก็ไม่ดีพอสำหรับเธอ ขอให้เธอเจอคนที่ดีกว่าน่าจะดีกว่า โอ้โห ซึ้งสวดยอด ปิดอัลบั้มได้สมศักดิ์ศรี


จบไปแล้วสำหรับการรีวิว 14 แทร็คเต็มๆที่ข้าพเจ้านั่งพิมพ์อย่างเมามันส์ สรุปคร่าวๆว่าหนังตอนที่สาม ปิดไตรภาคชุดนี้ยังคงรักษาคุณภาพความเป็นฮิปสเตอร์อาร์แอนด์บีได้ดี นายสุดสัปดาห์สามารถทำให้คนฟังคล้อยตามได้ตั้งแต่ต้นจนจบ ซาวน์ดเพลงอย่างที่บอกไว้ข้างต้น เพิ่มความดาร์กจาก Kiss Land มานิดหน่อย เพิ่มความเป็นป็อบเข้าไปให้ดูกลมกลืนกับตลาด เนื้อหาก็เพราๆ ลดความแรงลงเยอะ ถ้าไม่ติดใจเรื่องเนื้อหา ไม่จำเป็นต้องติด explicit ทุกแทร็คก็ได้ เพราะเพลงไม่มีคำหยาบคายให้เห็นเลย และเพลงบางเพลงก็ดูเป็นมิตรกับวิทยุด้วยซ้ำ ถ้าหากเปรียบ Trilogy เป็นหนังฟิล์มนัวร์ Kiss Land หนังเอวี ส่วนหนังตอนที่สามตอนนี้เปรียบเสมือนหนังเรต R ซะมากกว่า มีคำหยาบคายบางเพลง เป็นเพลงดาร์กทำออกมาได้ซอฟต์ลงเอาใจตลาด เข้าถึงง่ายมากขึ้น ไม่เลี่ยนจนเกินไป ฟังได้เรื่อยๆในภายภาคหน้า อาจจะไม่ถูกใจกับสาวกเดนตายที่เคยยกย่อง Trilogy ว่าดีที่สุด แต่นี่คือการเปลี่ยนแปลง ความคิดของคนโตขึ้น เนื้อหาเพลงก็ต้องเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตามนายสุดสัปดาห์ได้ฐานแฟนเพลงที่เพิ่มขึ้น มากกว่าเสียฐานแฟนเพลงซักด้วยซ้ำ


ความสามารถของ The Weeknd ยังคงขายได้อยู่ดี


Top Track : Often ,  In The Night ,  Dark Times , As You Are , Angel


Give 8/10 [ (Trilogy + Kiss Land) / 2 = BBTM]




FB>>>> https://www.facebook.com/fungpaifungma ไปกด Like กันได้นะครับ
แก้ไขล่าสุด 20 พ.ย. 58 00:00 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 7

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | Cr!/\/\iN@l_฿ | 6 ก.ย. 58 20:22 น.

อยู่ในช่วงซึมซับอยู่ครับ
เพลงที่ตัดมาโอเคเลยนะ ฟังได้อยู่
ชอบ2แทรคสุดท้ายเวลาฟังต่อกันด้วย

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 8.1

#2 | IamIstyle | 6 ก.ย. 58 21:18 น.

@Cr!/\/\iN@l_฿ รอวันกลับมา

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 7

#3 | -VivaLaVida. | 26 ก.ย. 58 19:57 น.

เราชอบเพลงของ The Weeknd ตรงที่เพลงจะซาวด์หนัก เสียงเป็นเอกลักษณ์ดี
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆนะคะ อยากถ่ายทอดภาษารีวิวแบบนี้ได้บ้างจัง 55555

ไอพี: ไม่แสดง | โดย MacOS

#4 | IamIstyle | 26 ก.ย. 58 20:43 น.

@3 ตอนแรกผมก็เขียนสะเปะสะปะบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง  ของแบบนี้ต้องค่อยๆเรียนรู้กันไปครับ ฝึกเขียนบ่อยๆ อ่านรีวิวท่านอื่น ภาษาคำศัพท์แปลกใหม่ก็มาเอง สกิลการเขียนจะพัฒนาขึ้นเองลำดับครับ ผมยังไม่เก่งมาก แต่ก็พยายามเขียนให้ได้เนื้อหาสาระให้มากที่สุด

แต้งกิ้วที่ชมนะครับ ถ้าอยากได้คำแนะนำหลังไมค์ได้ครับ >>>> https://www.facebook.com/fungpaifungma

ไอพี: ไม่แสดง | โดย MacOS

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google