-Crimson Peak- (2015) ภูสีเลือดที่เข้มข้นมากกว่า "ผี"
17 ต.ค. 58 19:12 น. /
ดู 1,467 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
"Where I come from, ghosts are not to be taken lightly."
-Crimson Peak- (2015) A-
เรื่องของ Edith Cushing นักเขียนหญิงผู้ซึ่งกำลังไต่เต้าคนหนึ่งได้แต่งงานกับ Thomas Sharpe บารอนจากตระกูลสูงศักดิ์ผู้ซึ่งกำลังตกอับและเป็นเจ้าของคฤหาสน์ "ภูสีเลือด" อันผุพังและเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ ถ้าจะพูดกันตามตรงแล้ว Crimson Peak (2015) ไม่เชิงเป็นหนังผี แต่เรียกว่าเป็นหนังดราม่า-ระทึกขวัญที่มี "ผี" เป็นองค์ประกอบ และเป็นอุปมาถึงการพังทลายภายในชีวิตมนุษย์มากกว่าจะทำให้หวาดกลัว ซึ่งถือเป็นแนวทางที่พลิกขั้วกับหนังสยองขวัญประเภท found footage จากกล้องวิดิโอที่นิยมกันในทุกวันนี้
ตามธรรมเนียมของหนังสยองขวัญ แน่นอนว่าผีเหล่านั้นทำให้เกิดฉากชวนขนหัวลุกอย่างมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้ คือการสร้างบรรยากาศ "ไม่น่าวางใจ" ภายในคฤหาสน์มืดสลัวและคับแคบมากกว่าจะให้ผีปรากฎตัวอย่างซ้ำซาก ตัวหนังสื่อถึง "ด้านมืด" ในจิตใจมนุษย์มากกว่าจะเน้นความหลอนระทึก จนทำให้บางจุดของเรื่องมีจังหวะที่หน่วงนาน เนิบช้า และรุนแรงเกินไปบ้าง ตัวพล็อตเรื่องไม่ถึงขนาดว่าแหวกแนวหักมุม แต่ด้วยฉากที่ทั้งสวยงามและชวนสะพรึง (ตามแบบฉบับของ ผกก. Guillermo del Toro) ก็ชวนให้เราติดตามต่อไปจนจบว่าปริศนาใน "ภูสีเลือด" คืออะไรกันแน่
สุดท้ายแล้ว Crimson Peak (2015) ไม่ได้แตกต่างจากสูตรสำเร็จของหนังเรื่องอื่นนัก จังหวะการเดินเรื่องและพล็อตไม่ได้แปลกใหม่ แต่หากใครเป็นแฟนหนังของผกก.คนนี้คงได้รับความประทับใจไม่มากก็น้อยในแง่ของ "แฟนตาซีอันมืดหม่นและรุนแรง" เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำไว้ใน Pan's Labyrinth (2006) ถึงแม้ว่าจะไม่ทรงพลังเท่าก็ตาม
#isaracinema
-Crimson Peak- (2015) A-
เรื่องของ Edith Cushing นักเขียนหญิงผู้ซึ่งกำลังไต่เต้าคนหนึ่งได้แต่งงานกับ Thomas Sharpe บารอนจากตระกูลสูงศักดิ์ผู้ซึ่งกำลังตกอับและเป็นเจ้าของคฤหาสน์ "ภูสีเลือด" อันผุพังและเต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับ ถ้าจะพูดกันตามตรงแล้ว Crimson Peak (2015) ไม่เชิงเป็นหนังผี แต่เรียกว่าเป็นหนังดราม่า-ระทึกขวัญที่มี "ผี" เป็นองค์ประกอบ และเป็นอุปมาถึงการพังทลายภายในชีวิตมนุษย์มากกว่าจะทำให้หวาดกลัว ซึ่งถือเป็นแนวทางที่พลิกขั้วกับหนังสยองขวัญประเภท found footage จากกล้องวิดิโอที่นิยมกันในทุกวันนี้
ตามธรรมเนียมของหนังสยองขวัญ แน่นอนว่าผีเหล่านั้นทำให้เกิดฉากชวนขนหัวลุกอย่างมากมาย แต่สิ่งสำคัญที่สุดในเรื่องนี้ คือการสร้างบรรยากาศ "ไม่น่าวางใจ" ภายในคฤหาสน์มืดสลัวและคับแคบมากกว่าจะให้ผีปรากฎตัวอย่างซ้ำซาก ตัวหนังสื่อถึง "ด้านมืด" ในจิตใจมนุษย์มากกว่าจะเน้นความหลอนระทึก จนทำให้บางจุดของเรื่องมีจังหวะที่หน่วงนาน เนิบช้า และรุนแรงเกินไปบ้าง ตัวพล็อตเรื่องไม่ถึงขนาดว่าแหวกแนวหักมุม แต่ด้วยฉากที่ทั้งสวยงามและชวนสะพรึง (ตามแบบฉบับของ ผกก. Guillermo del Toro) ก็ชวนให้เราติดตามต่อไปจนจบว่าปริศนาใน "ภูสีเลือด" คืออะไรกันแน่
สุดท้ายแล้ว Crimson Peak (2015) ไม่ได้แตกต่างจากสูตรสำเร็จของหนังเรื่องอื่นนัก จังหวะการเดินเรื่องและพล็อตไม่ได้แปลกใหม่ แต่หากใครเป็นแฟนหนังของผกก.คนนี้คงได้รับความประทับใจไม่มากก็น้อยในแง่ของ "แฟนตาซีอันมืดหม่นและรุนแรง" เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำไว้ใน Pan's Labyrinth (2006) ถึงแม้ว่าจะไม่ทรงพลังเท่าก็ตาม
#isaracinema
แก้ไขล่าสุด 17 ต.ค. 58 19:16 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google