รีวิว(?)สมัครทุนเกาป.ตรี2016
22 ต.ค. 58 20:28 น. /
ดู 1,149 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ต้องบอกก่อนคือเรา"ไม่ติด"ทุนนี้นะคะ
แต่อยากจะมารีวิว(?)ประสบการณ์เกี่ยวกับการสมัครเล็กๆน้อยๆ ตามสไตล์เด็กเกรดกากๆที่ฝันสูง
คือไม่อยากให้คนอื่นมาผิดพลาดเหมือนเรา ขอเกริ่นก่อนว่าเราอยากได้ทุนนี้ เพราะติ่งและเป็นทุนให้เปล่า
ไม่ต้องใช้ทุนคืนแถมมีเงินเดือนให้ ดีงามระดับสิบ
รายละเอียดเกี่ยวกับทุนต่างๆอยู่ในกระทู้ของพี่แพรวาข้างล่างนี้แล้ว กดเข้าไปอ่านได้เลยจ้า
http://sz4m.com/b3957328
แต่สิ่งที่เราอยากจะบอกคือ
คงมีคนเคยตั้งคำถามในใจ เกรดไม่ดีสมัครได้มั้ยคะ ใช้ผลสอบไรบ้างคะ บลาบลาห์ เราจะมาตอบให้ในกระทู้นี้ เริ่มกันเลยดีกว่า
1. เกรดนั้นสำคัญไฉน
เราคิดว่าเกรดเป็นหน้าตาของนักเรียนเลยนะ(คหสต.) เวลาสมัครอะไรเค้าจะดูที่เกรดก่อนเลย
เราได้มีโอกาสคุยกับคนที่ได้รับทุนป.ตรี2016 หรือคนที่ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์
คือเกรดดีมากจริงๆ(3.7x-3.9x)ไรงี้ เยอะมากกกกกก
พอกลับมามองของเรา ..เอิ่ม แพ้ตั้งแต่เกรดเลยค่ะยิ่งกว่าคำว่าเทียบไม่ติด
เวลาเรียนอยากให้น้องๆตั้งใจ ท่องไว้ว่าเกรดคือหน้าตาของเรา ตั้งใจเรียนนะทุกคน
(อันนี้แนะนำเพิ่มเติม เวลาเลือกคณะสำหรับสมัครทุนนี้ เราว่าเลือกสิ่งที่เราถนัด(เกรดดี)น่าจะทำให้มีโอกาสถูกคัดเลือกเข้ารอบสัมภาษณ์ได้มากกว่า เช่น สมมติจขกท.ง่อยเลขแต่ว่าเลือกบัญชีที่ต้องใช้เลขในการเรียนเป็นส่วนใหญ่ กรรมการก็คงจะคิดแบบ แกจะเรียนไหวเหรออะไรแบบนี้แล้วก็ไม่เลือกเรา แต่ถ้าเราเก่งอิ้งเลือกอักษรไรเงี้ย ทุกอย่างมันดูไปทางเดียวกัน แล้วมีเกรดมายื่นยันด้วยว่าเราทำสิ่งนี้ได้ดีจริงๆ โอกาสจะตกเป็นของเรา *ฉะนั้นใครอยากเรียนในสิ่งที่เราไม่ถนัดแต่ชอบ อาศัยโอกาสที่เราชอบมัน มาพัฒนาตัวเองนะคะยังมีเวลาเยอะแยะ*)
2. ภาษาก็สำคัญนะจ๊ะ
ในการสมัครทุน(อะไรก็ช่าง) เราควรมีผลการทดสอบทางภาษาอังกฤษไปยื่นประกอบด้วยเพื่อเป็นหลักฐานว่าฉันอ่านออกฟังออกพูดได้เขียนได้นะจ๊ะไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ ยิ่งได้คะแนนเยอะโอกาสยิ่งมาก ลองนึกภาพดูว่าถ้าเราเป็นกรรมการคัดเลือก เราจะเลือกใครระหว่างคะแนนน้อยกับคะแนนมาก เราต้องเลือกคะแนนมากอยู่แล้วแบบไม่ต้องสงสัยใช่ป่ะ ฉะนั้นเตรียมตัวเรื่องภาษาให้ดีนะจ๊ะ (สำหรับทุนเกาหลีนี้ ไม่ต้องมีความรู้ภาษาเกาหลีก็สมัครได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องมีผลสอบTOPIKก็ได้)
ส่วนตัวเอกสารทั้งหมดต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษนะคะ แต่ใครที่มีความสามารถด้านภาษาเกาหลีก็กรอกเป็นเกาหลีได้เลยค่ะ
เรื่องการเขียนSOPและStudyplan ไม่มีคำแนะนำอะไรเป็นพิเศษ เพราะเราเขียนไม่เป็นอ่ะค่ะบ่องตง (เอ่า แล้วคนอ่านจะเชื่ออะไรได้จากกระทู้นี้) สิ่งที่อยากแนะนำคือ พยามยามใส่ความตั้งใจของเราถ่ายทอดออกไปเป็นตัวอักษรเลยค่ะ สำหรับคนที่เกรดไม่ค่อยดีเราคิดว่าส่วนนี้แหละจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเราได้ อย่างSOP ก็เขียนเหมือนแนะนำตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักเรามาก่อน เขียนว่าเราเคยไปทำอะไรมาบ้าง(ยิ่งเกี่ยวกับคณะที่เราเลือกยิ่งดี) ภูมิหลังเกี่ยวกับตัวเราทำนองนี้ ส่วนStudyplan ก็ตามหัวข้อเลย เป็นแพลนการเรียน แต่ทุนนี้มีสองพาร์ท อันแรกคือแผนพัฒนาภาษากับแพลนการเรียนในอนาคต เราก็โซโล่เลยค่ะ ทำไมอยากเรียนคณะนี้ โตไปอยากเป็นอะไรบลาบลา สำหรับตัวอย่างสามารถหาอ่านได้ตามอินเตอร์เน็ตนะคะ เข้ากูเกิ้ลหาเอาโลดค่ะ
(อันนี้แนะนำเพิ่มเติม สำหรับคนที่คิดจะยื่นTOEICนะคะ ควรได้คะแนน800ขึ้นไป จากคะแนนเต็ม990คะแนนนะคะ โทอิคเป็นข้อสอบที่ไม่ยากมากจริงๆ ต้องทำให้ทันแค่นั้นแหละ ใครเคยสอบแลกเปลี่ยนจะประมาณนั้นเลย แต่ถึงข้อสอบจะไม่ยากก็ใช่ว่าจะได้คะแนนง่ายๆ น้องๆม.5 เริ่มไปสอบไว้ตอนปิดเทอมขึ้นม.6เลยก็ดี เผื่อคะแนนไม่ดีจะได้มีเวลาอ่านหนังสือไปสอบรอบใหม่ แล้วก็จะได้ไม่ต้องมากังวลว่าจะต้องส่งใบสมัครแล้วแต่ฉันยังไม่มีผลสอบอะไรเลย แต่ถ้าไปสอบแล้วคะแนนน่าพอใจก็จะได้ไม่ต้องไปสอบอีก ผลสอบเก็บได้สองปีค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องไปสอบเร็วผลจะหมดอายุรึเปล่า)
3. Letter of recommendation
ส่วนของจดหมายแนะนำ อันนี้เราอยากแนะนำว่าควรให้อ.ที่เราสนิทเขียนน่าจะดีกว่า อย่างแรกเลยคือเราจะได้จดหมายที่ยาว แถมอ.ที่เราสนิทยังรู้นิสัยใจคอ ข้อดีข้อเสียของเรา อวยเราได้แบบสนิทใจ(?) คือเรียกง่ายๆว่ามีอะไรให้เขียนเยอะนั่นแหละ ไม่ต้องกลัวด้วยว่าครูจะเขียนไม่ดีเพราะเราคิดว่า อ.ที่เราสนิทจะสวมวิญญาณเจ๊ดัน เขียนออกมาดีอย่างแน่นอน
4. เอกสารรับรองสัญชาติ
ในกรณีที่จะใช้สูติบัตรรับรองสัญชาติของเราและพ่อแม่ เราต้องนำสูติบัตรไปแปลพร้อมประทับตรารับรองจากกงสุลนะคะ ย้ำว่าต้องประทับตราจากกงสุลด้วย ควรไปทำไว้แต่เนิ่นๆ เพราะขั้นตอนนี้จะใช้เวลาค่อนข้างหลายวันค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนควรเริ่มเตรียมเอกสารล่วงหน้าประมาณ1เดือน เวลานี้เราคิดว่าไม่มากไปไม่น้อยไป เผื่อเวลาที่เราท้อแล้วหยุดทำ พอหายท้อกลับมาทำใหม่ก็ยังทันส่ง ไม่ต้องรีบเวลาใกล้วัน มีเวลาเช็คเอกสารต่างๆ โดยระเบียบการทุนน่าจะออกประมาณกลางเดือน-ปลายเดือนกันยายนค่ะ เวลาการคัดเลือกเร็วมากด้วย เพราะหลังจากที่ปิดรับเอกสารจะใช้เวลาคัดเลือกเพื่อไปสู่รอบสัมภาษณ์ประมาณ2อาทิตย์ พอสัมภาษณ์เสร็จ จะประกาศผลวันรุ่งขึ้นเลย(อันนี้ของปีนี้) ถ้าผ่านรอบสัมภาษณ์โอกาสได้ทุนนี้แทบจะ80%เลย (อีก20%รอมหาลัยตอบรับ)
คำแนะนำในกระทู้นี้เป็นเพียงมุมมองของเรานะคะ ผิดพลาดตรงไหนเราต้องขอโทษด้วย
ขอให้คนที่ตั้งใจได้รับคัดเลือกทุกคนนะคะ ทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง สู้ๆค่ะ
มีอะไรสอบถามเราได้นะคะ ถ้าตอบได้จะตอบให้ @1308bx_ ในทวิตเตอร์ค่ะเลิ้บเลิ้บเลิ้บ.
แต่อยากจะมารีวิว(?)ประสบการณ์เกี่ยวกับการสมัครเล็กๆน้อยๆ ตามสไตล์เด็กเกรดกากๆที่ฝันสูง
คือไม่อยากให้คนอื่นมาผิดพลาดเหมือนเรา ขอเกริ่นก่อนว่าเราอยากได้ทุนนี้ เพราะติ่งและเป็นทุนให้เปล่า
ไม่ต้องใช้ทุนคืนแถมมีเงินเดือนให้ ดีงามระดับสิบ
รายละเอียดเกี่ยวกับทุนต่างๆอยู่ในกระทู้ของพี่แพรวาข้างล่างนี้แล้ว กดเข้าไปอ่านได้เลยจ้า
http://sz4m.com/b3957328
คงมีคนเคยตั้งคำถามในใจ เกรดไม่ดีสมัครได้มั้ยคะ ใช้ผลสอบไรบ้างคะ บลาบลาห์ เราจะมาตอบให้ในกระทู้นี้ เริ่มกันเลยดีกว่า
1. เกรดนั้นสำคัญไฉน
เราคิดว่าเกรดเป็นหน้าตาของนักเรียนเลยนะ(คหสต.) เวลาสมัครอะไรเค้าจะดูที่เกรดก่อนเลย
เราได้มีโอกาสคุยกับคนที่ได้รับทุนป.ตรี2016 หรือคนที่ผ่านเข้ารอบสัมภาษณ์
คือเกรดดีมากจริงๆ(3.7x-3.9x)ไรงี้ เยอะมากกกกกก
พอกลับมามองของเรา ..เอิ่ม แพ้ตั้งแต่เกรดเลยค่ะยิ่งกว่าคำว่าเทียบไม่ติด
เวลาเรียนอยากให้น้องๆตั้งใจ ท่องไว้ว่าเกรดคือหน้าตาของเรา ตั้งใจเรียนนะทุกคน
(อันนี้แนะนำเพิ่มเติม เวลาเลือกคณะสำหรับสมัครทุนนี้ เราว่าเลือกสิ่งที่เราถนัด(เกรดดี)น่าจะทำให้มีโอกาสถูกคัดเลือกเข้ารอบสัมภาษณ์ได้มากกว่า เช่น สมมติจขกท.ง่อยเลขแต่ว่าเลือกบัญชีที่ต้องใช้เลขในการเรียนเป็นส่วนใหญ่ กรรมการก็คงจะคิดแบบ แกจะเรียนไหวเหรออะไรแบบนี้แล้วก็ไม่เลือกเรา แต่ถ้าเราเก่งอิ้งเลือกอักษรไรเงี้ย ทุกอย่างมันดูไปทางเดียวกัน แล้วมีเกรดมายื่นยันด้วยว่าเราทำสิ่งนี้ได้ดีจริงๆ โอกาสจะตกเป็นของเรา *ฉะนั้นใครอยากเรียนในสิ่งที่เราไม่ถนัดแต่ชอบ อาศัยโอกาสที่เราชอบมัน มาพัฒนาตัวเองนะคะยังมีเวลาเยอะแยะ*)
2. ภาษาก็สำคัญนะจ๊ะ
ในการสมัครทุน(อะไรก็ช่าง) เราควรมีผลการทดสอบทางภาษาอังกฤษไปยื่นประกอบด้วยเพื่อเป็นหลักฐานว่าฉันอ่านออกฟังออกพูดได้เขียนได้นะจ๊ะไม่ใช่ไก่กาอาราเล่ ยิ่งได้คะแนนเยอะโอกาสยิ่งมาก ลองนึกภาพดูว่าถ้าเราเป็นกรรมการคัดเลือก เราจะเลือกใครระหว่างคะแนนน้อยกับคะแนนมาก เราต้องเลือกคะแนนมากอยู่แล้วแบบไม่ต้องสงสัยใช่ป่ะ ฉะนั้นเตรียมตัวเรื่องภาษาให้ดีนะจ๊ะ (สำหรับทุนเกาหลีนี้ ไม่ต้องมีความรู้ภาษาเกาหลีก็สมัครได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องมีผลสอบTOPIKก็ได้)
ส่วนตัวเอกสารทั้งหมดต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษนะคะ แต่ใครที่มีความสามารถด้านภาษาเกาหลีก็กรอกเป็นเกาหลีได้เลยค่ะ
เรื่องการเขียนSOPและStudyplan ไม่มีคำแนะนำอะไรเป็นพิเศษ เพราะเราเขียนไม่เป็นอ่ะค่ะบ่องตง (เอ่า แล้วคนอ่านจะเชื่ออะไรได้จากกระทู้นี้) สิ่งที่อยากแนะนำคือ พยามยามใส่ความตั้งใจของเราถ่ายทอดออกไปเป็นตัวอักษรเลยค่ะ สำหรับคนที่เกรดไม่ค่อยดีเราคิดว่าส่วนนี้แหละจะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับเราได้ อย่างSOP ก็เขียนเหมือนแนะนำตัวเองให้กับคนที่ไม่รู้จักเรามาก่อน เขียนว่าเราเคยไปทำอะไรมาบ้าง(ยิ่งเกี่ยวกับคณะที่เราเลือกยิ่งดี) ภูมิหลังเกี่ยวกับตัวเราทำนองนี้ ส่วนStudyplan ก็ตามหัวข้อเลย เป็นแพลนการเรียน แต่ทุนนี้มีสองพาร์ท อันแรกคือแผนพัฒนาภาษากับแพลนการเรียนในอนาคต เราก็โซโล่เลยค่ะ ทำไมอยากเรียนคณะนี้ โตไปอยากเป็นอะไรบลาบลา สำหรับตัวอย่างสามารถหาอ่านได้ตามอินเตอร์เน็ตนะคะ เข้ากูเกิ้ลหาเอาโลดค่ะ
(อันนี้แนะนำเพิ่มเติม สำหรับคนที่คิดจะยื่นTOEICนะคะ ควรได้คะแนน800ขึ้นไป จากคะแนนเต็ม990คะแนนนะคะ โทอิคเป็นข้อสอบที่ไม่ยากมากจริงๆ ต้องทำให้ทันแค่นั้นแหละ ใครเคยสอบแลกเปลี่ยนจะประมาณนั้นเลย แต่ถึงข้อสอบจะไม่ยากก็ใช่ว่าจะได้คะแนนง่ายๆ น้องๆม.5 เริ่มไปสอบไว้ตอนปิดเทอมขึ้นม.6เลยก็ดี เผื่อคะแนนไม่ดีจะได้มีเวลาอ่านหนังสือไปสอบรอบใหม่ แล้วก็จะได้ไม่ต้องมากังวลว่าจะต้องส่งใบสมัครแล้วแต่ฉันยังไม่มีผลสอบอะไรเลย แต่ถ้าไปสอบแล้วคะแนนน่าพอใจก็จะได้ไม่ต้องไปสอบอีก ผลสอบเก็บได้สองปีค่ะ ไม่ต้องกังวลเรื่องไปสอบเร็วผลจะหมดอายุรึเปล่า)
3. Letter of recommendation
ส่วนของจดหมายแนะนำ อันนี้เราอยากแนะนำว่าควรให้อ.ที่เราสนิทเขียนน่าจะดีกว่า อย่างแรกเลยคือเราจะได้จดหมายที่ยาว แถมอ.ที่เราสนิทยังรู้นิสัยใจคอ ข้อดีข้อเสียของเรา อวยเราได้แบบสนิทใจ(?) คือเรียกง่ายๆว่ามีอะไรให้เขียนเยอะนั่นแหละ ไม่ต้องกลัวด้วยว่าครูจะเขียนไม่ดีเพราะเราคิดว่า อ.ที่เราสนิทจะสวมวิญญาณเจ๊ดัน เขียนออกมาดีอย่างแน่นอน
4. เอกสารรับรองสัญชาติ
ในกรณีที่จะใช้สูติบัตรรับรองสัญชาติของเราและพ่อแม่ เราต้องนำสูติบัตรไปแปลพร้อมประทับตรารับรองจากกงสุลนะคะ ย้ำว่าต้องประทับตราจากกงสุลด้วย ควรไปทำไว้แต่เนิ่นๆ เพราะขั้นตอนนี้จะใช้เวลาค่อนข้างหลายวันค่ะ
ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกคนควรเริ่มเตรียมเอกสารล่วงหน้าประมาณ1เดือน เวลานี้เราคิดว่าไม่มากไปไม่น้อยไป เผื่อเวลาที่เราท้อแล้วหยุดทำ พอหายท้อกลับมาทำใหม่ก็ยังทันส่ง ไม่ต้องรีบเวลาใกล้วัน มีเวลาเช็คเอกสารต่างๆ โดยระเบียบการทุนน่าจะออกประมาณกลางเดือน-ปลายเดือนกันยายนค่ะ เวลาการคัดเลือกเร็วมากด้วย เพราะหลังจากที่ปิดรับเอกสารจะใช้เวลาคัดเลือกเพื่อไปสู่รอบสัมภาษณ์ประมาณ2อาทิตย์ พอสัมภาษณ์เสร็จ จะประกาศผลวันรุ่งขึ้นเลย(อันนี้ของปีนี้) ถ้าผ่านรอบสัมภาษณ์โอกาสได้ทุนนี้แทบจะ80%เลย (อีก20%รอมหาลัยตอบรับ)
คำแนะนำในกระทู้นี้เป็นเพียงมุมมองของเรานะคะ ผิดพลาดตรงไหนเราต้องขอโทษด้วย
ขอให้คนที่ตั้งใจได้รับคัดเลือกทุกคนนะคะ ทำให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลัง สู้ๆค่ะ
มีอะไรสอบถามเราได้นะคะ ถ้าตอบได้จะตอบให้ @1308bx_ ในทวิตเตอร์ค่ะเลิ้บเลิ้บเลิ้บ.
แก้ไขล่าสุด 22 ต.ค. 58 20:32 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 8
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google