เปิดเผยตำนานอันน่าสะพรึงกลัว ซีอุย มนุษย์กินคน
26 ต.ค. 58 11:47 น. /
ดู 524 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
เปิดประวัติซีอุย
เรื่องราวที่จะขอนำมาบอกเล่าให้ฟังในวันนี้..ขอย้อนไปเมื่อหลายสิบปีก่อน กับเหตุการณ์ฆาตกรรมอันน่าสยดสยอง ที่เป็นข่าวครึกโครมในสังคมไทยเกี่ยวกับมนุษย์ผู้สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมมนุษย์ด้วยกัน คือการนำเอาอวัยวะบางส่วนของมนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกัน มาปรุงเป็นอาหาร ด้วยความเชื่อที่ผิด ด้วยจิตใจที่**มโหดและทารุณ เขาคนนั้นก็คือ ซีอุย มนุษย์กินคน
นาย ซีอุย แซ่อึ้ง มีชื่อจริงว่า หลีอุย แซ่อึ้ง แต่คนไทยเรามักจะเรียกให้เพี้ยนออกไปเป็น ซีอุย นายซีอุย แซ่อึ้ง เกิดที่เมืองซัวเถา ประเทศจีน เมื่อปี พ.ศ. 2470 ในครอบครัวที่มีอาชีพทำเกษตร และมีฐานะยากจน เป็นบุตรของนายฮุนฮ้อ กับ นางไป๋ติ้ง แซ่อึ้ง โดยเป็นลูกคนที่ 3 จากพี่น้องทั้งหมด 12 คน เป็นเด็กวัยรุ่นร่างเล็กที่มีส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตรเท่านั้น จึงมักถูกเพื่อนๆรังแกอยู่เสมอ จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากนักบวชรูปหนึ่งว่า ถ้าอยากจะมีร่างกายแข็งแรงต้องกินเนื้อหรืออวัยวะมนุษย์ และคำสอนนี้ได้ถูกปลูกฝังหลอมรวมอยู่ในจิตใจของ ซีอุยตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
จนกระทั่งเมื่อสงครามสงบลง นายซีอุยก็ได้ถูกปลดจากการเป็นทหาร และด้วยความยากจน ด้วยคำชักชวนของเพื่อน ๆ ซีอุยได้หลบหนีเข้ามามาหางานทำในเมืองไทย เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2489 โดยหลบหนีเข้าเมือง ด้วยการเป็นกรรมกรรับจ้างในเรือขนส่งสินค้าชื่อ "โคคิด" โดยใช้เวลาในการหลบซ่อนตัวประมาณ 3 สัปดาห์ และได้ขึ้นฝั่งที่ท่าเรือคลองเตย และก็ได้หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องแถวเล็กๆแห่งหนึ่ง ต่อมาซีอุ่ยก็ได้เดินทางไปหาญาติ ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และได้ทำงานด้วยการรับจ้างทำสวนผักและรับจ้างทั่วไปเป็นเวลานานถึง 8 ปีเต็ม ด้วยบุคลิกท่าทางที่แปลกๆไม่เหมือนใคร มีนิสัยชอบเกาหัวและหาวอยู่เสมอ ๆ และมักจะเก็บตัวอยู่คนเดียวไม่สุงสิงกับใคร หากดูผิวเผินก็เป็นเพียงแค่คนคนธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่เหตุการณ์ที่หลายคนคาดไม่ถึงก็ได้บังเกิดขึ้น เมื่อนายซีอุยได้ก่ออาชญากรรมสะเทือนขวัญและน่าสยดสยองขึ้น เมื่อเขาได้จับเด็กมาผ่าเอาตับและหัวใจแล้วนำไปปรุงเป็นอาหาร โดยเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะตามคำสอนของนักบวชที่เขายังจำฝังใจในสมัยที่ยังเป็นเด็ก โดยได้ทำการฆาตกรรมเด็ก 3 รายแรก ที่ อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก่อนที่จะขึ้นรถไฟหลบหนีไป และก่อเหตุอีกครั้งที่จังหวัดนครปฐม เมื่อปี พ.ศ. 2500 ที่งานฉลองตรุษจีน ณ บริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ และสุดท้ายบาปกรรมที่เขาได้ก่อไว้ก็ได้ตามสนอง นายซีอุย แซ่อึ้ง ได้ถูกจับกุมตัวได้เมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากได้ก่อคดีฆาตกรรมในจังหวัดระยอง และกำลังเตรียมที่จะทำลายหลักฐาน ซึ่งเป็นศพของเด็กชายวัย 10 ขวบที่เขาได้ลงมือฆาตกรรมอย่าง**มโหด
หลังจากที่ได้ถูกจับกุมตัว นายซีอุยก็ได้รับสารภาพว่า "เขาเคยฆ่าเด็กหญิง 6 คน เพื่อนำตับและหัวใจมากิน" และในบรรดาเหยื่อของซีอุย มีเพียงเหยื่อรายแรกและเป็นรายเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิตมาได้ ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงวัย 8 ขวบเท่านั้นเอง
จากการตรวจสอบของคณะแพทย์ได้ระบุว่า ไม่พบความผิดปกติ ทั้งร่างกายและจิตใจ ของนายซีอุยแต่อย่างใด แต่กลับพบว่า นาย ซีอุยมีความเชื่อผิดๆ โดยคิดว่าการกินอวัยวะของเด็ก โดยเฉพาะตับและหัวใจ จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเป็นยาอายุวัฒนะ
หลังถูกจับกุมและถูกคุมขังได้ระยะหนึ่ง สุดท้ายนายซีอุย ก็ได้ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า เพราะในระหว่างที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบสวนคดีอย่างจริงจัง โดยใช้เวลาทั้งหมด 9 วันเต็ม ซีอุยได้ยอมรับและสารภาพออกมาว่า เขาเป็นคนลงมือก่อเหตุด้วยตนเองทั้งหมด 7 คดี ในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2502
ภายหลังมีการสืบค้นคดีโดยรายการโทรทัศน์ ที่นำเสนอหลายช่องหลายรายการ ต่างมีหลักฐานพยานและรูปคดีที่บ่งชี้ได้ว่า ซีอุย ไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็กทุกคน มีเพียงเด็กคนสุดท้ายเท่านั้นที่เป็นหลักฐานมัดตัว ขณะตำรวจได้เข้าจับกุมหลังจากซีอุยลงมือฆ่า และอวัยวะในร่างกายของเหยื่อทุกรายก็ไม่ได้สูญหายไป ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่สงสัยว่า เพราะเหตุใด ซีอุย จึงรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าเหยื่อทุกราย และนำอวัยวะมากิน และก็ยังเป็นประเด็นของรูปคดีที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้แน่ชัดจนกระทั่งปัจจุบัน บ้างก็สันนิษฐานว่าด้วยความที่ไม่จัดเจนในภาษาทำให้ซีอุยต้องยอมรับสารภาพ และถูกประหารชีวิตในที่สุด ซึ่งจากปากของชาวบ้านร่วมสมัยที่ยังอาศัยในพื้นที่บางคนที่ยังมีชีวิตอยู่เชื่อว่าซีอุยไม่ได้เป็นฆาตกรที่ฆ่าเด็กทุกคน หรือบางทีอาจมีฆาตกรแอบแฝงที่ยังลอยนวลอยู่ในสมัยนั้นก็เป็นได้
ปัจจุบันศพของซีอุยถูกเก็บรักษาไว้ที่โรงพยาบาลศิริราช โดยยังคงถูกเรียกชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า "พิพิธภัณฑ์ซีอุย" และเรื่องราวของซีอุย ก็ได้ถูกเล่าขานต่อ ๆ กันมาในสังคมไทย และได้สร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ออกฉายทั่วประเทศหลายต่อหลายครั้งจนกระทั่งปัจจุบัน
ด้วยเจตนาของผู้จัดทำ เพียงเพื่อนำเสนอเรื่องราวที่แปลกพิสดารที่เกิดขึ้นจริงในสังคมเรา มิได้มีเจตนาลบหลู่หรือกล่าวหาผู้ตายแต่อย่างใด และด้วยข้อมูลที่อ้างอิงมาหลายที่ หากขาดตกบกพร่องประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และสุดท้าย ขอให้ดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิต ที่กล่าวถึงในคลิปวีดีโอและในบทความนี้จงไปสู่สุคติภพด้วยเทอญ
.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องบันเทิงไทย ...
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google