รีวิวหนัง The Fault in Our Stars ดาวบันดาล โดย หนังเก่าเคาะใหม่
2 ธ.ค. 58 19:57 น. /
ดู 1,023 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
The Fault in Our Stars
8/10 หนังซึมสุข สุดโรแม๊นเศร้า
Romantic Drama Film
Directed by Josh Boone
หากยังคิดว่าชีวิตตัวเองถึงทางตัน รับรองว่าหากได้ดูหนังเรื่องนี้ จะมองโลกต่างออกไปในคราวที่ยังไม่ได้ดู ส่วนใครที่ยังมองไม่เห็นเตรียมชิดชู้ไว้เยอะๆแล้วกัน
หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งสองคนคือเฮเชล เกรซและออกัสตัส ภายหลังที่เฮเชลได้เข้ากลุ่มสนับสนุนโปรแกรมทางสังคมของผู้ป่วย อาการซึมเศร้าก็เริ่มดีขึ้น และยิ่งได้สนิทสนมกับออกัสตัส หนุ่มผู้มองโลกสวยและความปรารถนาจะให้ทุกคนจดจำ ก็ยิ่งทำให้เฮเชลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น พวกเขาเริ่มไปมาหาสู่ พูดคุยเรื่องส่วนตัว และบอกสิ่งที่ตัวเองชอบทำอย่างหนังสือสุดโปรด
จนวันหนึ่งภายหลังที่พวกเขาแลกหนังสือกันอ่าน ออกัสตัสก็โทรไปแจ้งข่าวดีกับเฮเชลถึงเรื่องนักเขียนสุดโปรด และจดหมายตอบกลับจากพวกเขา เฮเชลจึงพยายามเขียนส่งไปอีกครั้ง และสุดท้ายเธอก็ได้จดหมายตอบกลับเชื้อเชิญให้มาเยือนอัมสเตอร์ดัม แต่ทว่าด้วยความเสี่ยงจากโรคและอาการป่วย ประกอบกับคำวินิจฉัยของแพทย์ มีโอกาสที่ความฝันของเธอจะไม่ได้เกิดขึ้น
ใครยังไม่อ่านบทประพันธ์จากชื่อเรื่องเดียวกันของ John Green ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาเรื่องนี้ได้ผ่านเนื้อหาภาพยนตร์ หรือถ้าจะหาหนังสือมาอ่านเสริมทีหลังก็ไม่เป็นไร
ดังนั้นจึงขอเริ่มต้นด้วยว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ปกติก็มีพล๊อตทีมีแก่นเช่นนี้บ้าง ก็คือผูกความตายเข้ากับคนใกล้ตาย โดยชักนำความคิดที่จี้หัวใจว่าทำไมต้องอยู่อย่างอมทุกข์ด้วยละ! ขณะที่เรื่องนี้ผูกเรื่องเข้ากับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ตามสถานะที่ไม่ควรเกิดขึ้น(The Fault)
เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มองในเชิงปัญหาวรรณกรรม หนังเรื่องนี้จึงมีต้นทุนความน่าสนใจอยู่ในตัวแล้ว ดั่งเช่นต้นทุนประเภทหนังดีหลายๆเรื่อง
ขณะเดียวกันเมื่อกลับเข้าสู่โหมดหนัง ตัวละครหลักอย่างเฮเชลและออกัสตัสอย่างเช่นบทบาท และการเลือกนักแสดง ทำได้ดีโดยเฉพาะแอนเชล เอลกอร์ธ(ออกัสตัส) เช่น การกระทำ(Acting) ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าพัฒนาการของตัวละครของเฮเชลเกิดขึ้นจริงได้
ประการต่อมา เราจะเห็นว่าท้องเรื่องซึ่งเน้นหนักไปทางดราม่ามากกว่าโรแมนติกซ์ มักจะมีแง่มุม ประเภทชี้จุด! โดนใจเชิงปัญหาชีวิตและทัศนคติ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้ก็ทำได้ดี ภายใต้ข้อจำกัดของหนัง ยิ่งเวลาดูจบก็มักจะได้แง่คิดดีๆผ่านเรื่องราวของพวกเขากลับมา
ขณะที่ความโรแมนติกซ์ของเรื่องนี้ เป็นเพียงการนำเอาความสัมพันธ์ของคู่หนุ่มสาว(เฮเชล-ออกัสตัส)มาใช้ในการเดินเรื่อง แม้โทนเรื่องความรักดูจะไม่ค่อยอิน แต่เมื่อพิจารณาผสมกับบทบาทของตัวละครฝ่ายรุกอย่าง ออกัสตัส ก็ช่วยทำให้เรารู้สึกว่า ไม่เสียดายน้ำตาที่เสียไป
และสุดท้ายเพลงประกอบเพราะดี
มาเคาะเพิ่มเติมได้ที่นี้
http://nawacreativity.blogspot.com/
https://www.facebook.com/NawaCreativity/
ขอบคุณครับ
8/10 หนังซึมสุข สุดโรแม๊นเศร้า
Romantic Drama Film
Directed by Josh Boone
หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้ป่วยโรคมะเร็งสองคนคือเฮเชล เกรซและออกัสตัส ภายหลังที่เฮเชลได้เข้ากลุ่มสนับสนุนโปรแกรมทางสังคมของผู้ป่วย อาการซึมเศร้าก็เริ่มดีขึ้น และยิ่งได้สนิทสนมกับออกัสตัส หนุ่มผู้มองโลกสวยและความปรารถนาจะให้ทุกคนจดจำ ก็ยิ่งทำให้เฮเชลใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากขึ้น พวกเขาเริ่มไปมาหาสู่ พูดคุยเรื่องส่วนตัว และบอกสิ่งที่ตัวเองชอบทำอย่างหนังสือสุดโปรด
จนวันหนึ่งภายหลังที่พวกเขาแลกหนังสือกันอ่าน ออกัสตัสก็โทรไปแจ้งข่าวดีกับเฮเชลถึงเรื่องนักเขียนสุดโปรด และจดหมายตอบกลับจากพวกเขา เฮเชลจึงพยายามเขียนส่งไปอีกครั้ง และสุดท้ายเธอก็ได้จดหมายตอบกลับเชื้อเชิญให้มาเยือนอัมสเตอร์ดัม แต่ทว่าด้วยความเสี่ยงจากโรคและอาการป่วย ประกอบกับคำวินิจฉัยของแพทย์ มีโอกาสที่ความฝันของเธอจะไม่ได้เกิดขึ้น
ใครยังไม่อ่านบทประพันธ์จากชื่อเรื่องเดียวกันของ John Green ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาเรื่องนี้ได้ผ่านเนื้อหาภาพยนตร์ หรือถ้าจะหาหนังสือมาอ่านเสริมทีหลังก็ไม่เป็นไร
ดังนั้นจึงขอเริ่มต้นด้วยว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร ปกติก็มีพล๊อตทีมีแก่นเช่นนี้บ้าง ก็คือผูกความตายเข้ากับคนใกล้ตาย โดยชักนำความคิดที่จี้หัวใจว่าทำไมต้องอยู่อย่างอมทุกข์ด้วยละ! ขณะที่เรื่องนี้ผูกเรื่องเข้ากับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ตามสถานะที่ไม่ควรเกิดขึ้น(The Fault)
เพราะฉะนั้น เมื่อไม่มองในเชิงปัญหาวรรณกรรม หนังเรื่องนี้จึงมีต้นทุนความน่าสนใจอยู่ในตัวแล้ว ดั่งเช่นต้นทุนประเภทหนังดีหลายๆเรื่อง
ขณะเดียวกันเมื่อกลับเข้าสู่โหมดหนัง ตัวละครหลักอย่างเฮเชลและออกัสตัสอย่างเช่นบทบาท และการเลือกนักแสดง ทำได้ดีโดยเฉพาะแอนเชล เอลกอร์ธ(ออกัสตัส) เช่น การกระทำ(Acting) ซึ่งทำให้เรารู้สึกว่าพัฒนาการของตัวละครของเฮเชลเกิดขึ้นจริงได้
ประการต่อมา เราจะเห็นว่าท้องเรื่องซึ่งเน้นหนักไปทางดราม่ามากกว่าโรแมนติกซ์ มักจะมีแง่มุม ประเภทชี้จุด! โดนใจเชิงปัญหาชีวิตและทัศนคติ ซึ่งเนื้อหาของเรื่องนี้ก็ทำได้ดี ภายใต้ข้อจำกัดของหนัง ยิ่งเวลาดูจบก็มักจะได้แง่คิดดีๆผ่านเรื่องราวของพวกเขากลับมา
ขณะที่ความโรแมนติกซ์ของเรื่องนี้ เป็นเพียงการนำเอาความสัมพันธ์ของคู่หนุ่มสาว(เฮเชล-ออกัสตัส)มาใช้ในการเดินเรื่อง แม้โทนเรื่องความรักดูจะไม่ค่อยอิน แต่เมื่อพิจารณาผสมกับบทบาทของตัวละครฝ่ายรุกอย่าง ออกัสตัส ก็ช่วยทำให้เรารู้สึกว่า ไม่เสียดายน้ำตาที่เสียไป
และสุดท้ายเพลงประกอบเพราะดี
มาเคาะเพิ่มเติมได้ที่นี้
http://nawacreativity.blogspot.com/
https://www.facebook.com/NawaCreativity/
ขอบคุณครับ
แก้ไขล่าสุด 2 ธ.ค. 58 19:59 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 8
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google