ฮิวโก้ แง้มแง่มุมรักตรงไปตรงมา ไม่มีเจตนาพาดพิงใคร

12 ก.พ. 59 17:47 น. / ดู 877 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
นักร้องและนักแสดงผู้มากความสามารถ "ฮิวโก้" หรือ "เล็ก - จุลจักร จักรพงษ์" ได้ฤกษ์ชิมลางการแสดงละครเวทีเป็นครั้งแรกในเรื่องราวที่ผสมผสานความทันสมัยและไสยศาสตร์ไว้ด้วยกันอย่าง "Dracula : Blood is Life" โดยหนุ่มคนนี้ก็เผยความท้าทายในการรับเล่นละครเวทีเรื่องนี้ว่า "ก็เรื่องของเวลาแหละครับ มันก็ท้าทายตรงที่ว่ามันเป็นเรื่องใหม่ แล้วเราก็กำลังทำงานกับคนที่มีประสบการณ์มากกว่าเรา แต่จริงๆ แล้วมันก็ดีกว่าทำอะไรที่ไม่ท้าทาย ดีกว่าทำอะไรกับคนที่ไม่มีประสบการณ์ ผมมักจะชอบที่จะเป็นคนที่รู้น้อยที่สุดในห้อง ผมยินดีกับการเป็นคนโง่ที่สุดในห้อง เพราะว่าเรามีโอกาสเรียนรู้ ถ้าเราเป็นคนที่เชี่ยวชาญที่สุดในห้อง เราอาจจะอยู่ผิดห้องก็ได้" เมื่อถามถึงความกดดันที่ต้องมารับบทนำอย่างหนุ่มผีดูดเดือดในละครเวทีเรื่องแรก เจ้าตัวก็ตอบว่า "งานสายนี้มันเป็นงานที่สนุก ไม่ว่าจะเป็นดนตรี หรือละครเวที มันท้าทายไหม มันก็ท้าทาย แต่ว่าจะบอกว่ามันยาก หรือลำบาก หรือเครียดเนี่ย ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตคนส่วนมาก มันก็คงไม่เครียดขนาดนั้น ยังไงมันก็รื่นเริงกว่าอะไรหลายอย่างในโลกใบนี้"
ฮิวโก้ เล่าเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจรับบทนำในละครเวทีเรื่องนี้ว่า "ผมเจอผู้จัดในห้องอัด เขาก็เป็นนักร้อง แล้วเขาก็ชวนทำ แล้วตอนแรกผมก็บอกเขาว่าจริงๆ ในเมืองไทยน่าจะมีนักแสดงเก่งกว่าผมตั้งหลายคน ผมอาจจะไม่ถนัดก็ได้ เขาก็เหมือนมาบอกว่าเราควรทำอะไรที่ท้าทาย แล้วก็ทำอะไรที่แปลกใหม่บ้างในชีวิต มันก็เหมือนเป็นคำท้า ซึ่งผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง ถ้าบอกว่า อ๋อ พอดีผมกลัว หรือไม่กล้า หรือไม่ได้อยากจะท้าทายตัวเอง ก็พูดไม่ได้ เพราะว่ามันก็ไม่จริง เหมือนเขาก็มีจิตวิทยาในการคุยกับผม จนผมเหมือนจะไม่มีทางเลือก เพราะว่าทางเดียวก็คือต้องลอง ในเมื่อเขาท้าเราอย่างนี้ เขากล้าเขาบ้าพอที่จะชวนเรา เราก็บ้าพอที่จะทำ" หนุ่มนักแสดงนำกล่าวถึงบทบาทที่ได้รับว่า "ก็ดีครับ ก็เป็นบทที่น่าสนใจ เป็นบทที่คุ้นเคย แล้วก็เป็นบทที่ผมน่าจะหาจุดที่คล้ายตัวผมบ้าง แล้วก็เพิ่มบางอารมณ์บ้าง แต่ก็ตีแตกตีไม่แตกก็ขึ้นอยู่กับคนดู"

หนุ่มลูกครึ่งแง้มความน่าสนใจของนวนิยายต้นฉบับที่ถูกนำมาสร้างเป็นละครเวทีเรื่องนี้ว่า "มันก็น่าสนใจตรงที่ว่ามันบันทึกช่วงเวลาในอังกฤษ ที่ถือว่าอังกฤษเป็นประเทศที่ทันสมัยที่สุดในโลก แล้วก็คนชาวอังกฤษในยุคสมัยนั้นนี่ก็ต้องเปรียบเทียบกับเมืองไทยก็คือสมัยยุค ร.5 เมืองลอนดอนก็เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในโลก แล้วก็เจริญที่สุด แล้วทุกคนก็กำลังใช้ชีวิตอย่างเดิร์นทันสมัย ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ หรือหลายๆ อย่าง คนอังกฤษในนิยายเรื่องนี้ไม่พร้อมที่จะเจอกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่ไม่ได้อยู่ในกฎเกณฑ์ของวิทยาศาสตร์ ที่อธิบายไม่ได้ เลยมันก็เป็นการปะทะกันระหว่างไสยศาสตร์ หรือสิ่งเหนือธรรมชาติ หรือสิ่งลี้ลับลึกลับ กับโลกของเหตุผล ซึ่งไปๆ มาๆ มันเป็นเรื่องที่เหมาะสมมากกับเมืองไทย เพราะเมืองไทยและกรุงเทพฯ ก็เป็นเมืองที่พัฒนามาก เป็นเมืองที่ทันสมัย เราก็เป็นประเทศที่ทันสมัย แล้วก็คึกคัก ในเวลาเดียวกันเรายังมีวัฒนธรรมบางอย่างที่โบราณ หรือมีวัฒนธรรมใหม่ๆ ด้วยซ้ำ ที่อธิบายไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์"

จบจากเรื่องผลงานแล้ว ก็มาถึงประเด็นที่มีหลายคนหยิบยกเอาบทสัมภาษณ์ที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองความรักเดียวใจเดียวของดาราหนุ่ม มาเปรียบเทียบกับกระแสมือที่สามของผู้ชายในปัจจุบันอยู่บ่อยๆ งานนี้หนุ่ม ฮิวโก้ ก็ให้ความเห็นว่า "แน่นอนมันเป็นเรื่องปกติ ใครๆ ก็รู้กันอยู่แล้วว่าถ้าแต่งงานแล้วก็ไม่ควรจะนอกใจ มันไม่ใช่ว่าผมกำลังพูดเรื่องที่ล่อแหลมเลย อันนี้ผมพูดถึงมุมมองของผมส่วนตัว มันไม่ได้พาดพิง แล้วมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น นี่เกี่ยวกับชีวิตผม ผมไม่ได้พูดว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกต้อง ผมแค่กำลังตอบคำถาม คือผมไม่ได้ต้องการที่จะนำเสนอวิถีชีวิตของผม หรือความคิดของผมให้ใคร แต่ผมดันมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งถ้าคนมาถามคำถาม ผมก็พยายามจะตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมา แล้วก็อย่างที่ผมเป็นจริงๆ ในวันข้างหน้าผมอาจจะเปลี่ยนทัศนคติของผมก็ได้ ทุกคนต้องบริหารชีวิตตัวเอง สิ่งที่ผมพูดหรือไม่พูด มันไม่สำคัญและไม่มีความหมายสำหรับใคร ถ้ามันทำให้ใครคิดอะไรได้ หรือทำให้ใครรู้สึกดี ก็เยี่ยมเลย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้น ผมแค่กำลังตอบโต้คำถามที่คนเขาถามผม"

หัวหน้าครอบครัวคนเก่งพูดถึงกระแสชื่นชมทัศนคติดีๆ เกี่ยวกับความรักของตนเองว่า "ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับตรงนั้น ผมรู้สึกว่าความคิดของผมไม่ได้แปลกเลย ผมยังแปลกใจว่าทำไมมันตกใจกันขนาดนี้ บางทีผู้ชายไทยเนี่ยถูกมองในแง่ร้ายเกินไป เราจะได้ยินแต่ข่าวเรื่องความเจ้าชู้ เรื่องมือที่สาม เพราะมันน่าสนใจกว่า ผู้ชายหลายๆ คนก็ใช้ชีวิตเหมือนผม เพื่อนผมหลายคนก็ไม่ได้เจ้าชู้ ไม่ได้อะไรเลย พูดตรงๆ นะอย่าว่าแต่เรื่องคุณธรรม ผมไม่รู้ว่าเขาหาเวลากันที่ไหน ระหว่างงาน ลูก กับเมียคนหนึ่ง ผมไม่รู้จะไปหาเวลามีอีกคนหนึ่งตอนไหน มันคงเครียดตายเลย เขาอาจจะเก่งมากก็ได้ แต่ผมอยากจะคิดว่าคนแบบผมที่มีความคิดที่ปกติเกี่ยวกับการแต่งงาน คงอยู่ในปริมาณส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้อ่านเรื่องราวของเขา เพราะว่าใครเขาอยากจะอ่านเรื่องราวของคนที่ตื่นเช้าไปทำงาน กลับบ้านหาเมีย แล้วเข้านอน มันไม่ได้น่าสนใจนี่ มันน่าสนใจกว่าที่จะมีผู้ชายที่มีคนนู้นคนนี้คนนั้น แล้วมันก็มีหลายคนให้สัมภาษณ์ แล้วก็มีการแก้ข่าวดิ้นรน หนี โกหก มันสนุกกว่าเยอะ"
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย WinXP

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | mem_373591 | 12 ก.พ. 59 18:46 น.

       

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 8.1

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google