ริท ยากที่จะรับงานในวงการ ลุ้นโอกาสรวมกลุ่มอสรพิษ

เบางานในวงการบันเทิงเพื่อทุ่มเวลาให้กับการเรียนแพทย์อย่างจริงจังมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว สำหรับหนุ่ม "ริท - เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช" เมื่อถามถึงโอกาสที่จะออกผลงานใหม่ในปีนี้ เจ้าตัวก็ตอบว่า "สำหรับผลงานคือริทบอกเลยว่าปีนี้ริทค่อนข้างยาก เพราะว่าริทเป็นปีสุดท้ายที่เรียนแล้ว ซึ่งมันหนัก เพราะว่าเป็นการเรียนที่เหมือนกับว่าเราเป็นหมอจริง แต่เพียงแค่ยังไม่มีใบลายเซ็นแพทย์ ก็คือเราดูแลผู้ป่วยอย่างจริงจัง เป็นตัวแทนของคนในวอร์ดที่ดูแลผู้ป่วยเป็นหลักครับ ก็เป็นด่านแรกที่จะเจอเรา คนไข้มา แล้วมีอะไรเราก็จะไปบอกรุ่นพี่ฮะ รุ่นพี่หมอที่ให้เขามาช่วยจัดการอีกระดับหนึ่ง ซึ่งความรับผิดชอบมันสูงขึ้น แล้วก็เราจะขาดๆ หมายความว่าขาดเรียนบ่อยๆ หรือว่าแวบมานู่นนี่นั่นมันไม่ค่อยได้แล้ว ต้องดูแลคนไข้เป็นระยะยาวจริงๆ มันก็เลยทำให้ยากที่จะทำงานในปีนี้ ก็เลยคิดว่าอีก 9 เดือนจะจบแล้ว ไหนๆ ก็รอกันมานานแล้ว (หัวเราะ) รอกันอีกนิดหนึ่งแล้วกัน เพราะว่าอีกอึดใจเดียวเท่านั้น" ว่าที่นายแพทย์หนุ่มออกปากว่าได้ตกลงใจต่อสัญญากับสังกัดเดิมอย่างค่ายเอ็กแซ็กท์เป็นเวลา 5 ปี "เซ็นสัญญาต่ออีก 5 ปีครับตอนนี้ เซ็นไปเมื่อช่วงปิดเทอมที่แล้วอ่ะครับ ลงมาคุยเรื่องสัญญา" แม้จะยังติดพันกับการเรียนจนไม่มีเวลาว่างมาจับงานในวงการบันเทิงเหมือนเมื่อก่อน แต่ผู้ใหญ่ทางต้นสังกัดก็เข้าใจดี "ก็โอเคครับ หมายความว่าเขาก็เข้าใจตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าหน้าที่หลักของเราคือการเรียนครับ เขาก็ไม่เคยขัดขวางเลยนะเรื่องเรียน เขาก็ให้เราเรียนเต็มที่ แต่คราวนี้คือเขาก็บอกว่าถ้าเกิดเราพร้อมเมื่อไร เขาก็พร้อมเมื่อนั้น คือตอนนี้เราไม่พร้อมให้เขาสักที เพราะว่าเราติดเรียนอยู่ ก็คือตอนนี้ริทก็คือรอเรียนจบ แล้วก็เคลียร์คิวให้ว่าง แล้วก็ถ้าเกิดพร้อมตอนไหนก็จะบอกเขาว่าพร้อม แล้วก็ค่อยมาสตาร์ตกันใหม่อีกทีหนึ่ง"

ส่วนจะมีโอกาสได้เห็น 3 หนุ่มกลุ่มอสรพิษ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวหนุ่ม ริท กับหนุ่มเสียงดี "กัน - นภัทร อินทร์ใจเอื้อ" และนักร้องหนุ่มอย่าง "โตโน่ - ภาคิน คำวิลัยศักดิ์" มารวมตัวกันสร้างผลงานใหม่ให้แฟนเพลงหายคิดถึงหรือไม่นั้น ตัวหนุ่มคนนี้เองก็ลุ้นสุดตัวเหมือนกัน "ริทก็ลุ้นมากเลย ริทก็อยากให้มีงานเจอกันมากเลย คือจริงๆ แล้วเนี่ยโปรเจกต์ที่มันผุดขึ้นมาเนี่ยมันมาหลายรอบมากเลยนะฮะ มีทั้งคนภายนอกอยากให้เรามีงานร่วมกัน กับมีทั้งโปรเจกต์ที่ผุดขึ้นมาจากตัวพวกเราเอง อยากที่จะทำงานร่วมกัน แต่มันติดขัดตรงที่เวลา คือตัวพี่โน่เอง ตัวกันเองก็งานหนักทั้งคู่ แล้วก็มาเจอตัวริทที่เรียนหนัก คือถ้าเกิดเป็นกันกับพี่โน่ คิวงานบางอันมันพอเลื่อนได้ให้มันบรรจบพอดีกันได้ แต่ของริทนี่คือมันไม่ได้คือไม่ได้ จันทร์ถึงศุกร์นี่ไม่ได้แน่ๆ ก็เลยค่อนข้างลำบาก ก็เลยว่าริทคิดว่าถ้าเรียนจบปุ๊บเนี่ยไม่น่าพลาดนะริทว่า รอก่อนฮะ"

พอโดนทักว่าหากได้เป็นคุณหมออย่างเต็มตัวแล้วจะเพลานิสัยขี้เล่นลงหรือเปล่า หนุ่มอารมณ์ดีก็ชี้แจงว่า "จริงๆ แล้วเนี่ยตอนที่อยู่ในโรงบาลฯ เนี่ย บุคลิกริทไม่ใช่อย่างนี้ฮะ คือบนเวทีริทจะพูดไร้สาระ หรือชอบแหย่ชอบหยอกเหมือนเป็นเด็กน้อยนะครับ แต่พออยู่ในฐานะแพทย์เนี่ย ริทก็จะเป็นอีกคนหนึ่ง หนึ่งคือเราจะไปเล่นมากไม่ได้ เพราะว่าคนเขาป่วยอยู่ เขาซัฟเฟอร์อยู่ เขารู้สึกร่างกายเขาไม่ดีอยู่ เราจะไปเล่นกับเขามากก็ไม่ได้ใช่ไหมฮะ เราก็ต้องมีความจริงจัง ให้ความรู้ทางการแพทย์เขาที่ถูกต้อง ให้ความน่าเชื่อถือเขา ไม่งั้นเขาก็แบบว่าเอ๊ะหมอเด็กที่ไหนเดินมาดูเขา เขาก็จะรู้สึกว่าไม่ศรัทธาหรือเปล่าครับ" นักร้องหนุ่มแง้มว่ามีคนไข้ที่โรงพยาบาลรู้จักตนเองเหมือนกัน "เขาก็จะรู้กัน เพราะว่าที่นู่นเขาจะเรียกริทว่าหมอดารา เป็นหมอดาราที่แบบเนี่ยวันนี้หมอดารามาตรวจเองเลยนะ หรือยิ่งอยู่กับผู้ป่วยเด็กอย่างนี้ แม่ของเด็กแล้วก็ตัวเด็กเองก็จะรู้ว่านี่เป็นริทนะ"

#ริทเรืองฤทธิ์