“เห็ดชิตาเกะ”เห็ดหอมคู่บ้านมากคุณประโยชน์

2 ส.ค. 59 11:12 น. / ดู 691 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
“เห็ดชิตาเกะ”เห็ดหอมคู่บ้านมากคุณประโยชน์
        เห็ดหอม (Shiitake) บริเวณหมวกเห็ดจะมีลักษณะกลม ตรงผิวของหมวกเห็ดจะมีสีน้ำตาลอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลอมแดง โดยมีขนที่รวมกันเป็นลักษณะเกล็ดสีขาวหยาบๆ กระจายอยู่บนหมวกเห็ด ส่วนบริเวณครีบเมื่ออ่อนจะเป็นแผ่นสีขาวบางๆ แต่เมื่อแก่ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มทันที มีก้านดอกและโคนก้านดอกสีน้ำตาลอ่อนๆ หรือขาว ส่วนเนื้อของเห็ดหอมจะนุ่ม เป็นที่นิยมมากในประเทศจีนและญี่ปุ่น นิยมนำเห็ดนี้มาประกอบอาหาร รับประทานอร่อย และมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัวของเห็ดหอม เนื่องจากมีความเชื่อมาแต่บรรพบุรุษว่า เห็ดชิตาเกะเป็นยาอายุวัฒนะ รับประทานแล้วอายุยืน ทำให้ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
        เห็ดชิตาเกะอุดมไปด้วยวิตามินบีรวม อาทิ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 12 วิตามินดี และกรดแพนโททีนิค (Pantothenic) นอกจากนี้แล้วยังมีโปรตีน เอนไซม์ กรดอะมิโนที่จำเป็นอีก 8 ชนิด และสารเลนทิแนน (lentinan) ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ยับยั้งหรือป้องกันการเติบโตของเซลล์ นับว่าเป็นเห็ดที่มีคุณค่าต่อทางโภชนาการมาก ชาวจีนและญี่ปุ่นเชื่อว่าเห็ดหอม หรือชิตาเกะ เป็นเห็ดบำรุงกำลัง เพิ่มการไหลเวียนโลหิต บำรุงกระดูก และเป็นยาอายุวัฒนะ
        ในทางการแพทย์ของจีนได้นำเอาเห็ดชิตาเกะปรุงทำยาบำรุงเพื่อทำให้เลือดลมดี รักษาโรคหวัด โรคหัวใจ และมีผลงานวิจัยหลาย ๆ ชิ้นต่อมาว่า เห็ดชิตาเกะสามารถรักษาโรคร้ายหลาย ๆ โรคได้ เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็ง โรคเอดส์ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ส่วนนักวิจัยชาวอเมริกันเชื่อว่า เห็ดชิตาเกะสามารถลดระดับคอเลสเตอรอลรักษาระดับความดันโลหิตให้คงที่ รักษาโรคไขข้อได้ด้วย
        ในเห็ดชิตาเกะมีสารเลนทิแนน (lentinan) และโพลีแซคคาไรด์ (polysaccharide) ที่พบมากในรากและต้นของเห็ด มีประโยชน์ต่อการกระตุ้นทำงานของระบบภูมิต้านทานร่างกาย และผลิต T-lymphocytes และ Interleukin ซึ่งเป็นตัวยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งและไวรัส ดร.ชิฮาระ นักวิจัยชาวญี่ปุ่นได้ทำการทดลองใช้เห็ดชิตาเกะแก่ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง ทั้งมะเร็งที่ช่องท้อง มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม ผลการวิจัยพบว่าเชื้อมะเร็งไม่ลุกลามมากไปกว่าเดิม และช่วยยืดอายุให้แก่ผู้ป่วยด้วย
        เนื่องจากเห็ดชิตาเกะขึ้นว่าเป็นยาอายุวัฒนะ รักษาโรคร้ายได้หลายโรค จึงทำให้เห็ดชิตาเกะกลายเป็นที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลาย เห็ดชิตาเกะสามารถรับประทานได้แบบดอกสด นำไปใส่ในแกงจืด ผัดผัก เป็นต้น นอกจากนี้แล้วเห็ดชิตาเกะยังมีการจัดจำหน่ายในแบบอบดอกแห้ง หรือสารสกัดอาหารเสริมทั้งเม็ดและแคปซูล เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่รักสุขภาพ
        การรับประทานเห็ดชิตาเกะอบแห้ง ควรรับประทาน 5-15 กรัมต่อวัน ส่วนเห็ดชิตาเกะสด ควรรับประทาน 90 กรัมต่อวัน แต่ทั้งนี้เห็ดชิตาเกะยิ่งดอกใหญ่และแตกลายงามมาก จะยิ่งมีราคาแพงมาก
        ส่วนเรื่องผลข้างเคียงหรืออาการเป็นพิษ ยังไม่มีรายงานว่ามีอันตราย แต่บางรายที่รับประทานมากเกินขนาด อาจมีอาการท้องร่วง หรือระคายเคืองกระเพาะ สำหรับสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยง
ขอบคุณข้อมูลจาก prayod เกร็ดความรู้
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google