ทำความรู้จัก Meghan Markle แฟนสาวของเจ้าชาย Harry ที่เป็นมากกว่าแค่นักแสดงสาวสวย

9 พ.ย. 59 16:15 น. / ดู 6,739 ครั้ง / 3 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

สำหรับผู้ที่กำลังมองหารายได้เสริม ทางเว็บกำลังเปิดรับสมัคร นักเขียนอิสระ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เมื่อราชวงศ์คบหากับสาวไหน สาวคนนั้นก็จะถูกขุดประวัติมาพูดถึง แถมบางประวัติก็เป็นประวัติแบบไม่จริงซะทีเดียวอีก ชื่อของ Meghan Markle แฟนสาวของเจ้าชายแฮร์รี่แห่งราชวงศ์อังกฤษจึงโผล่ไปตามสื่อซุบซิบมากมาย แถมมิวายถูกว่าร้ายไปในทางเสื่อมเสียอีก ชีวิตของสาวเมเกนก็ถูกพูดแบบผิวเผินว่าเป็นนักแสดงที่เคยเล่นฉากวาบหวิว ชอบเล่นโยคะ ฯลฯ แต่ขอโทษค่ะ! ผู้หญิงชื่อ Meghan Markle มีมิติมากกว่านั้นค่ะ!

งานแสดงของ Meghan Markle

เมแกนเริ่มงานแสดงด้วยบทบาทเล็กๆ ในซีรี่ส์ Fringe และละครน้ำเน่าอย่าง Hospital ก่อนมีบทบาทนิดๆ หน่อยๆ ตามหนังลงโรงอย่าง A Lot Like Love และ Horrible Bosses แต่หลังจากนั้นเธอก็ได้แสดงบทเด่นในซีรี่ส์ทนายเรื่อง Suits ที่ตอนนี้เดินทางมาถึงซีซั่นที่ 6 แล้ว

นักรณรงค์สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ

https://www.youtube.com/watch?v=Zkb-zg4JCLk

ไม่ได้มีแค่สาว Emma Watson เพียงคนเดียวที่เป็นผู้สนับสนุนสิทธิสตรีของยูเอ็น Meghan Markle เคยกล่าวอย่างชัดเจนว่า "ฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ใครๆ อยากพาไปเลี้ยงข้าว ฉันอยากเป็นผู้หญิงที่ทำงาน" ในคลิป เมแกนได้พูดถึงในวัยเด็กที่ฉลากโฆษณาน้ำยาล้างจานเขียนไว้ว่า "ผู้หญิงทั่วอเมริกากำลังต่อสู้กับคราบสกปรกในหม้อและกระทะ" และมีเด็กนักเรียนในห้องตะโกนว่า "ใช่แล้ว พวกผู้หญิงก็ต้องอยู่ในห้องครัว!" นั่นทำให้เมแกนในวัย 11 รู้สึกโกรธและเจ็บปวดเป็นอย่างมาก พอกลับบ้านไปเล่าให้พ่อฟัง พ่อเลยบอกให้เธอเขียนจดหมายหาคนที่มีอำนาจ เมแกนจึงเขียนจดหมายไปหาสุภาพสตรีหมายเลข 1 ในตอนนั้น Hillary Clinton หาทนายความสิทธิสตรี ผู้จัดการรายการข่าวเด็ก และโรงงานผลิตน้ำยาล้างจาน ทำให้ภายหลังฉลากน้ำยาล้างจานเปลี่ยนไปเป็น "คนทุกคนทั่วอเมริกากำลังต่อสู้กับคราบสกปรกในหม้อและกระทะ" แทน และนั่นทำให้เธอรู้ว่าพลังเล็กๆ ของเด็กก็เปลี่ยนแปลงอะไรได้เหมือนกัน เช่นเดียวกับที่ไม่ว่าคนจะอายุเท่าไหร่ เพศไหนก็เท่าเทียมกันหมด

นักมนุษยชน

เมแกนเป็นฑูตโครงการน้ำสะอาด World Vision Clean Water ประเทศของแคนาดา ได้พบปะพูดคุยกับนายก Justin Trudeau ในงานที่สนับสนุนผู้นำรุ่นใหม่ และได้เดินทางไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศรวันดาเพื่อพบปะพูดคุยกับผู้นำหญิงอันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการความเท่าเทียมทางเพศของเธอด้วย

ผู้สนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ

Meghan Markle มีคุณพ่อเป็นคนผิวขาว ส่วนคุณแม่เป็นแอฟริกันอเมริกัน ทำให้เธอไม่ใช่ทั้งคนขาวและคนดำ ตอนกรอกข้อมูลในเอกสารเธอก็จะงงๆ ว่าควรใส่ช่องไหน เพราะเธอไม่ใช่ทั้งคนขาว คนดำ คนเอเชีย หรือคนที่มีเชื้อสายสเปน บางครั้งเธอพลากบทบาทการแสดงเพราะเธอไม่ดำพอที่จะแสดงเป็นคนดำ และไม่ขาวพอที่จะแสดงเป็นคนขาว ทำให้เธอสนับสนุนความเท่าเทียมทางเชื้อชาติ ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติใด หรืออยู่ตรงกลางระหว่างเชื้อชาติใดก็ควรได้รับความเท่าเทียม

ผู้ก่อตั้งบล็อก The Tig

The Tig บล็อกเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิง ที่มีข้อมูลทั้งเรื่องแฟชั่น แต่งหน้าทำผมแต่งตัว รวมไปถึงการทำอาหาร การออกกำลังกายที่มุ่งเน้นว่าเป็นเรื่องราวระหว่างผู้หญิงคุยกับผู้หญิง ที่ตัว Meghan Markle มีจุดประสงค์ว่าต้องการให้บล็อกเป็นมากกว่าแค่บล็อกความสวยความงาม บล็อกของเธอจึงมีเรื่องราวเกี่ยวกับสังคมผสมเข้าไปด้วย

แต่เมื่อ Meghan Markle คบหาอยู่กับ Prince Harry ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รี่เป็นกังวลไม่น้อย เมื่อความเป็นส่วนตัวของสาวเมแกนกำลังถูกล่วงล้ำ ปาปารัซซี่พยายามถามหาข้อมูลส่วนตัวจากคนใกล้ชิด (เพื่อน แฟนเก่า) พยายามเข้าหาเธอถึงหน้าประตูบ้าน (กว่าแม่เธอจะเข้าบ้านได้ ต้องฝ่าฝูงปาปาที่รอดักถ่ายรูปอยู่) แถมล่วงล้ำที่อยู่อาศัยแบบผิดกฎหมายอีก นอกจากนี้สาวเมแกนก็กลายเป็นเหยื่อของสังคม โดนทั้งเหยียดเพศเหยียดเชื้อชาติออกสื่อ (โดนเรียกว่าเป็นคนครึ่งดำครึ่งขาว ฯลฯ)

ประกาศจากทางสำนักพระราชวังเคนซิงตันแห่งอังกฤษจึงกล่าวอย่างชัดเจนว่า เจ้าชายแฮร์รี่รู้ตัวตั้งแต่เด็กแล้วว่าสังคมให้ความสนใจและให้ความอบอุ่น แต่ก็มีบางส่วนที่ต้องการรู้ชีวิตส่วนตัว ทั้งที่จริงแล้วพระองค์อยากให้สื่อเน้นความสนใจไปที่สิ่งที่เจ้าชายกำลังทำอยู่มากกว่าเรื่องส่วนตัวที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น พระองค์จึงไม่สนใจเรื่องที่สื่อปั้นแต่งขึ้น และเน้นสร้างสัมพันธ์แบบมืออาชีพกับสื่อต่างๆ มากกว่า แต่สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เส้นแบ่งได้ถูกข้าม Meghan Markle ถูกล่วงล้ำความเป็นส่วนตัว สื่อต่างๆ เรียกเธอด้วยถ้อยคำเชิงดูถูก มีความพยายามติดสินบนเพื่อให้ได้ข้อมูลส่วนตัวของเมแกนมา เจ้าชายแฮร์รี่จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของเมแกนเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังผิดหวังอย่างลึกซึ้งที่ตัวเองไม่สามารถปกป้องเมแกนได้มากกว่านี้ และหวังอย่างยิ่งว่าสื่อต่างๆ ที่กำลังตีข่าวเสียของเมแกนจะหยุดทำข่าวเรื่องนี้