ประวัติศาสตร์ไม่เคยตาย!!? Agora ภาพยนตร์ตีแผ่เรื่องจริง วัฒนธรรมกดหัวผู้หญิง !!?
1 ธ.ค. 59 12:28 น. /
ดู 2,038 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ไฮปาเธีย แห่งอเล็กซานเดรีย ถูกเล่าขานว่า เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาวงการคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และปรัชญา ...
ภาพจาก ภาพยนตร์เรื่อง Agora
ไฮพาเทีย เกิดเมื่อ ค.ศ.370 ในเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของอียิปต์ยุคนั้น เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับการบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า มีความสำคัญอย่างมากในการพัฒนาวงการคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และปรัชญา ซึ่งเป็นเรื่องแปลกในสมัยก่อน ที่ผู้หญิงจะลุกขึ้นมาเป็นผู้มีความสามารถล้นเหลือ แต่ไม่ใช่สำหรับไฮพาเทีย
"นอกจากปัญญาอันหลักแหลม และสมองอันปราดเปรื่องของเธอแล้ว ปัญญาที่ฉลาดหลักแหลมแล้ว เธอยังมีบุคลิกหน้าตาที่สะสวยเป็นที่เลื่องลือไปทั่วอะเล็กซานเดรีย"
ต่อมาเธอได้เป็นครูที่โรงเรียนสอนคตินิยมแบบเพลโตในอเล็กซานเดรีย ที่นี้เธอได้สอนความรู้ของเพลโต และอาลิสโตเติล ให้กับนักเรียนของเธอรวมทั้งเพเกิน, คริสตชน และชาวต่างชาติ นอกจากนี้เธอยังเป็นบรรณารักษ์ของหอสมุดอะเล็กซานเดรียอีกด้วย
ภาพจาก ภาพยนตร์เรื่อง Agora
ทำให้เธอถูกส่งเสริมการเรียนรู้มาตั้งแต่เยาว์วัย เนื่องจากเธอเป็นธิดาของธีออน หัวหน้าผู้ดูแลห้องสมุดแห่งอเล็กซานเดรีย สถานที่สะสมความรู้ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในความรุ่งโรจน์ของอียิปต์
ภาพจาก ภาพยนตร์เรื่อง Agora
นอกจากงานสอนแล้ว ไฮพาเทียยังเป็นนักประดิษฐ์ตัวยง แม้ในภายหลังเอกสารและอุปกรณ์ วิทยาศาสตร์ของเธอจะสูญหายไป แต่ก็พอจะมีเค้าเรื่องที่เล่าต่อกันมาว่า
ไฮพาเทียเป็นผู้คิดประดิษฐ์ เครื่องกลั่นน้ำ เครื่องวัดระดับน้ำ และที่สำคัญคือ เครื่องวัดตำแหน่งดวงดาว อันมีความสัมพันธ์กับโลก ดวงอาทิตย์ ซึ่งนี่เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งการเรียนรู้เรื่องวิทยาศาสตร์
แต่ความรู้และคำสอนเหล่านี้ ก็ทำให้เกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากการขยายตัวอย่างรวดเร็วของคริสต์ศาสนา ซึ่งในอดีตยังไม่ค่อยเปิดรับวิทยาศาสตร์ ไฮพาเทียจึงเป็นเหมือนผู้ที่ยืนท้าทายคริสตจักร
แม่ครูสาวถูกมองว่า เป็นพวกนอกรีต โดย เฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง ค.ศ.412 หลังจากที่ไซริลพระผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงผู้หนึ่งได้ก้าวขึ้นมามีอำนาจทาง ศาสนจักร
สิ่งที่ไซริลกระทำอย่างแข็งขัน นอกจากการเผยแผ่ศาสนาแล้ว คือการต่อสู้ทางความคิดจนเกิดการจับกุมนักปราชญ์หลายคนที่ขัดแย้งกับ ศาสนจักร ในขณะที่ไฮพาเทียตกเป็นเป้าที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ!!
และดูเหมือนว่า ความขัดแย้งจะคุกรุ่นหนักขึ้น อันเนื่องมาจากลูกศิษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งของเธอ คือ โอเรสเทส นักปกครองผู้มีอิทธิพลไม่แพ้หลวงพ่อไซริล
"โอเรสเทสนั้น แสดงตนเป็นผู้หนึ่งที่ขัดแย้งกับศาสนจักรอย่างรุนแรง เพราะเขาเชื่อในวิทยาศาสตร์ ตามที่ไฮพาเทียพร่ำสอน ทำให้ไซริลมองว่า ไฮพาเทีย เป็นอุปสรรค และเป็นตัวปัญหาที่ทำให้อำนาจของศาสนจักรเสื่อมถอยในเมืองอเล็กซานเดรีย"
หลัง จากความขัดแย้งลุกลามมากขึ้น ในที่สุด การงัดข้อระหว่างศาสนจักรกับฝ่ายปกครองก็ถึงจุดเดือด และผู้ที่ต้องถูกสังเวยแก่ความแตกแยกนี้คือผู้หญิงตัวเล็กๆแต่มีความคิดอัน ยิ่งใหญ่ ไฮพาเทีย ถูกพวกคลั่งศาสนาจับตัวไป เธอถูกเปลื้องผ้า ก่อนจะโดนลากประจานไปตามท้องถนนจนถึงโบสถ์แห่งหนึ่ง สถานที่ซึ่งเป็นลานกว้างที่เรียกว่า อโกร่า"Agora" ที่เปรียบเสมือนจัตุรัสกลางเมือง โดยกลุ่มชาวคริสต์หัวรุนแรง
"เธอถูกใช้แผ่นกระเบื้องเฉือนเนื้อออกทีละชิ้น...ทีละชิ้น
แล้วจากนั้น กลุ่มชาวคริสต์หัวรุนแรงจึงนำเปลือกหอยที่คมกริบกรีดลงไปบนเนื้อกายของเธอจนเธอสิ้นใจตาย
และจบลงด้วยการเผา ซึ่งไม่แน่ชัดว่า เป็นการเผาหลังจากเธอสิ้นลมไปแล้ว หรือเป็นการเผาทั้งเป็น!!!? "
แต่ที่แน่ๆไฮพาเทียก็จากโลกนี้ไปในวัยไม่ถึง 50 ปี..
"หลังจากนั้นกลุ่มชาวคริสต์หัวรุนแรงได้เผาทำลายตำราที่เธอเขียนขึ้น ไม่เหลือแม้กระทั่งภาพเขียนของเธอแม้แต่ภาพเดียว"
ถึงวันนี้ เป็นเวลากว่า 1,500 ปีแล้ว ที่ไฮพาเทีย จากไป แต่ความคิดของเธอยังทันสมัยเสมอ และไม่เคยมีวันไหนที่จะมีคนลืมเลือนเธอไป และการระลึกถึงไฮพาเทียที่ถือว่าเป็นกรณีที่โด่งดังมากที่สุดคราวหนึ่ง คือการ "แอบ" ใส่ความระลึกถึงเธอเข้าไปในภาพเขียนของศิลปินเลื่องชื่อ ซึ่งปัจจุบันนี้ ภาพที่ว่านี้ถูกประดับไว้อย่างสมเกียรติ ณ ใจกลางของศาสนจักร คือสถิตอยู่ในกรุงวาติกัน
เป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งในภาพวาดของไฮพาเทีย ตามคำบอกเล่า ดูแล้วมีบุคลิกลักษณะคล้ายกับนาง ออง ซาน ซูจี หญิงเหล็กของชาวเมียนมาร์ ซึ่งเป็นตัวแทนเสรีภาพทางความคิดเหมือนกัน ศึกษาด้านปรัชญาเหมือนกัน และมีชะตาชีวิตคล้ายๆกันด้วย ?
นางออง ซาน ซูจี นักปรัชญาหญิงเหล็กแห่งยุค เจ้าของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และเคยได้รับรางวัลซาฮารอฟสำหรับเสรีภาพทางความคิด (Sakharov Prize for Freedom of Thought) ในปี 2533
ทางด้าน วิทยาศาสตร์ ไฮพาเทียได้รับเกียรติให้นำชื่อของเธอไปตั้งเป็นชื่อดาวเคราะห์น้อยที่ถูก ค้นพบในปี ค.ศ.1884 รวมถึงทุกครั้งที่เราแหงนหน้ามองดวงจันทร์ เราก็ยังอาจจะเห็นเงาของเธออยู่บนนั้น เนื่องจากมีการตั้งชื่อหลุมอุกกาบาตหลุมหนึ่งบนดวงจันทร์ว่า ไฮพาเทีย เราจึงไม่อาจจะลืมเธอได้ตลอดกาล...
จุดเริ่มต้นของ hypatia
https://m.youtube.com/watch?v=uOXKF1mb9Hc
ฉากสุดท้ายของชีวิต hypatia
https://m.youtube.com/watch?v=vyhL8FmNZHI
"เราควรได้รับการสงวนสิทธิ์ที่จะคิด แม้ว่า การคิดผิด ก็ยังดีกว่าการไม่คิดเอาเสียเลย"
แด่...อนุชนรุ่นหลัง Hypatia of Alexandria
เนื้อหาจาก wikipedia, thairath, หนังสือต่วยตูน, และ PHILOSOPHER
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Android
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google