จาพนม ภูมิใจ นำการต่อสู้ไทยไปเผยแพร่ใน xXx ภาค 3

11 ม.ค. 60 11:52 น. / ดู 870 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
hashtag: #จาพนม
"จาพนม ยีรัมย์" หรือ "โทนี่ จา" (Tony Jaa) นักแสดงจอมบู๊ที่เคยฝากผลงานมาแล้วมากมายทั้งในไทยและต่างประเทศ ล่าสุดก็มีโอกาสได้ร่วมงานกับฝั่งฮอลลีวูดอีกครั้งใน "xXx: The Return of Xander Cage" ซึ่งจะเข้าฉายในไทย วันที่ 19 มกราคม 2560 โดย จาพนม เผยความรู้สึกที่ได้มีส่วนร่วมในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ก็สนุกดีครับ ถามว่ากดดันไหม ไม่ครับ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากกว่า ที่เราได้มีโอกาสนะครับ เป็นคนไทยแล้วก็ได้ไปร่วมเล่นหนังระดับฟอร์มใหญ่ถึงขนาดนี้นะครับ แล้วก็ที่สำคัญที่สุดก็คือการได้นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยได้ไปเผยแพร่ตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็น วิน ดีเซล (Vin Diesel) แล้วก็ ดอนนี เยน (Donnie Yen) นะฮะ ก็ได้แลกเปลี่ยนกันครับ ไม่ว่าจะเป็นมาร์เชียลอาร์ต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาพยนตร์ มุมมองของภาพยนตร์ทำยังไงที่จะนำหนังแอ็กชัน พัฒนาหนังแอ็กชัน ให้กับคนดูให้กับแฟนๆ ที่ตั้งตารอครับ มีอะไรสิ่งใหม่ๆ ความบันเทิงเอ็นเตอร์เทนเราใส่ไปในภาพยนตร์นะครับ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีแล้วก็ได้ไปร่วมเล่นกับดาราที่คุณภาพนะครับ"
ส่วนความแตกต่างของภาพยนตร์เรื่องนี้กับ "Fast & Furious 7" ที่เจ้าตัวเคยอวดฝีมือมาแล้วนั้น หนุ่มนักบู๊แง้มว่า "ผมว่าคือที่มันแตกต่างเพราะเขาอยากให้มันเปลี่ยนไปนะครับ เปลี่ยนแปลงเรื่องของไม่ว่าจะเป็นด้วยคอสตูม ด้วยคาแรกเตอร์ของผมเนี่ยจะแตกต่างนะฮะ คุณเห็นจากในโปสเตอร์นะครับ ภาพในโปสเตอร์คือมีลักษณะแบบว่าทรงผมโมฮอว์กนะฮะ แล้วก็แสบๆ ครับ แต่ว่าเราก็จะมีเพิ่มในเรื่องของศิลปะการต่อสู้ที่สามารถมิกซ์กับปืนนะฮะ ใช้มวยไทยกับปืน กับเทคโนโลยีใหม่ๆ อะไรพวกนี้ก็จะดูแบบอินเตอร์ ต้องไปดูเลยครับในโรงหนังนะครับว่าจะมันนะครับ ผมเชื่อว่าทุกคนถ้าได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้เนี่ยก็จะภาคภูมิใจนะครับ ภาคภูมิใจว่าศิลปะมวยไทยเกิดขึ้นในอินเตอร์เนชันแนลในหนังฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ครับ"

จาพนม ออกปากว่าสิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดในการทำงานครั้งนี้ คือการได้ร่วมงานกับ "วิน ดีเซล" นักแสดงชื่อดัง "ตื่นเต้นที่สุดคือการได้ร่วมงานกับ วิน ดีเซล แล้วก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ หลายๆ ท่านนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเจอดอนนี เยน เจอดาราที่เราชื่นชอบนะครับแล้วก็ได้พูดคุยกันในระหว่างการทำงานก็มีการแลกเปลี่ยนกัน แล้วก็คุยกัน เป็นเพื่อนกัน มิตรภาพกัน แล้วก็ผมว่ามันวิเศษสุดมากนะครับ แล้วก็มีโอกาสได้พบปะทางโปรดิวเซอร์ทางสตูดิโอนะครับ ก็ได้มีแนวทางที่จะทำหนังอะไรที่มันมีเมสเซจให้กับคนดูนะฮะ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ แล้วก็เราได้มีโอกาสเอาวัฒนธรรมไทยคือการไหว้ ภาษาไทยได้ไปแลกเปลี่ยน นี่ครับผมว่ามันเป็นสิ่งที่ผมอยากนำเสนอครับ"

ทั้งยังบอกอีกว่าได้รับมอบหมายให้ออกแบบท่าทางการต่อสู้ในเรื่องอีกด้วย "ส่วนในการออกแบบในการต่อสู้คือผมได้รับมอบหมาย ได้รับเกียรติ คือว่าได้รับเกียรติจาก วิน ดีเซล นะครับ แล้วก็ได้รับเกียรติจากโปรดิวเซอร์ด้วย เพราะว่าหนึ่งคือเราอยากให้หนังมันออกมาเป็นสไตล์ของ โทนี่ จา ยังมีกลิ่นของความเป็น โทนี่ จา ก็คือมีมวยไทยเป็นเอกลักษณ์ คือเราไม่ทิ้งตรงนั้นนะครับ ก็มีโอกาสได้ทำคิวบู๊ท่าใหม่ๆ แล้วก็มีโอกาสได้เทรนเทคนิคใหม่ๆ กับเพื่อนๆ ทีมงาน แล้วก็สตันต์ทุกคน เพราะว่าเขาเป็นแฟนหนังด้วย แล้วก็มันง่ายกับการดีไซน์ฉากแอ็กชันมาก เพราะว่าเราทำให้เขาหมดแล้ว เขาอยากสร้างหนังที่เป็นประวัติศาสตร์น่ะครับ แล้วก็คุณรู้ไหมโทนี่ คนดูรอดูเราอยู่ แล้วก็เขาก็อยากบอกว่าคุณมีอะไรที่พิเศษให้กับคนดูไหม คุณมาจากเมืองไทย ผมก็บอกผมมาจากเมืองไทยผมมีมวยไทยนะ ผมมีศอกกลับ อย่างเช่นในหนังในทีเซอร์คุณก็เห็นว่าเขาศอกกลับนะครับ แล้วก็รู้สึกภูมิใจนะครับที่มันเกิดขึ้นตรงนั้น"

นักแสดงมากความสามารถเล่าถึงท่าทีของทางฮอลลีวูดหลังจากที่ได้นำศิลปะแม่ไม้มวยไทยไปเผยแพร่ "แน่นอนครับ ตอนนี้คือทางหนังฮอลลีวูดเนี่ยสนใจคิดท่าทางการต่อสู้ของมวยไทยเกิดขึ้นนะครับ แล้วก็บวกกับเทคนิคสเปเชียลใหม่ๆ โดยที่อาจจะไม่ใช่ผมเล่นแล้วก็เป็นนักแสดงฮอลลีวูดอะไรประมาณนี้ฮะ ซึ่งผมได้ไปจุดตรงนั้นทำให้กับวงการภาพยนตร์เนี่ยมันเกิดขึ้นตรงนั้นแล้วก็ทำให้เขาเห็น มองเห็นถึงแม่ไม้มวยไทยตรงนี้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของคนไทย ก็ได้ไปเผยแพร่ในโลกของภาพยนตร์ ซึ่งภาพยนตร์ที่เป็นฟอร์มยักษ์และคนดูทั่วโลกครับ มันเป็นการโปรโมตด้วยเป็นการพรีเซนต์มวยไทย"

#จาพนม
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย WinXP

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google