ก้าวเข้าสู่ปีที่สี่ Elle Men Thailand ด้วยเรื่องราวของ หนุ่มรุ่นใหม่ที่น่าสนใจที่สุดในปีค.ศ. 2016

16 ม.ค. 60 22:20 น. / ดู 279 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ด้วยอายุงานในวงการบันเทิงที่ยาวนานถึง 16 ปี ในขณะที่เจ้าตัวเพิ่งก้าวเข้าสู่วัย 21 หมาดๆ นั่นทำให้ชื่อของ ‘เก้า – จิรายุ ละอองมณี’ ได้รับการประทับตราในฐานะนักแสดงคุณภาพคนหนึ่งของวงการ  ด้วยมาตรฐานของผลงานทั้งละครและภาพยนตร์ที่อยู่ในเกณฑ์น่าทึ่งเสมอ ล่าสุดเขาเขาเป็นหนึ่งของทีมนักแสดงในซีรีส์  O-Negative รักออกแบบไม่ได้ และละครเรื่อง  The Single Mom  แม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจฟรุ้งฟริ้ง พร้อมๆกับการก้าวสู่อีกบทบาทในฐานะนักร้องและนักดนตรีแห่งวง ‘Sleep Runway’ อีกหนึ่งความฝันที่เขากอดกุมมานาน และได้ลงมือทำในที่สุด
ELLEMEN : ความรู้สึกที่ซีรีส์  O-Negative รักออกแบบไม่ได้ ถูกนำมาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์                            ผมคิดอยู่ตั้งแต่วันแรกที่เขาบอกว่าเป็นบทที่นำมารีเมกแล้วว่าคนดูในรุ่นนั้นต้องมีความประทับใจและยังพูดถึง O-Negative  กันอยู่ ซึ่งคงไม่เกิดขึ้นเลยถ้าหนังไม่ดีจริง เราเองเคารพในเวอร์ชั่นเก่าแน่นอน และด้วยความเคารพนี้เอง เราก็จะทำเวอร์ชั่นใหม่ให้ดีที่สุด ซึ่งเอามาเทียบกันไม่ได้ ทั้งด้วยความที่เป็นซีรีส์ด้วย การเล่าเรื่องก็คนละแบบ และยุคสมัยก็เปลี่ยนไป เราไม่ได้ทำเป็นพีเรียดย้อนยุคไป 20 ปี เราเล่าเรื่องในยุคปัจจุบัน รายละเอียดหลายอย่างเปลี่ยนไป ผมว่ามันดีเสียด้วยซ้ำ เราจะได้เห็นอีกแง่นมุมหนึ่ง จะได้รู้ว่าเวลาผ่านไปขนาดนี้ เราจะทำให้คนเชื่อได้ไหมว่าเพื่อนแท้ยังมีอยู่จริง ไม่ว่าจะยุคสมัยไหนก็ตาม ทุกวันนี้เรารู้สึกว่าไว้ใจใครได้ยากมาก เรามาดูกันว่าเพื่อนกลุ่มนี้จะยังรักษาความเป็นเพื่อนไว้เหมือนเมื่อ 18 ปีก่อนได้หรือเปล่า ผมรู้สึกว่าเป็นความท้าทายดี และจะน้อมรับทุกคอมเมนต์ จะด่า จะชม ผมฟัง ผมไม่เถียง เราทำเต็มที่ของเรา เขาไม่ชอบเราก็ต้องทำใจ เซ็งไหม ก็เซ็งนะ เวลาตั้งใจทำอะไรมากๆ แต่ว่ามันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

ELLEMEN : ทำไมจังหวะชีวิตตอนนี้ถึงได้ทำเพลงเสียที    
เริ่มต้นจากมีโอกาสร้องเพลง ทุ้มอยู่ในใจ เวอร์ชั่นอะคูสติก ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Suck Seed ห่วยขั้นเทพ ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะร้องได้ ตอนเขาร้องไกด์มาผมยังคิดเลยทำไมเขาเอามาให้เราร้อง โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส และโชคดีที่เราไม่ปฏิเสธ เพราะพอทำไปแล้วผลตอบรับออกมาดี จนมีซิงเกิ้ลต่อมาเรื่อยๆ จนผมเริ่มเห็นความเชื่อมั่นในตัวเอง และโดยส่วนตัวผมอยากทำวงดนตรีมาตลอด ก็เลยทำโอกาสมันค่อยๆมาโดยที่ผมไม่ได้ตัดสินใจพุ่งไป ผ่านอุปสรรคมาเยอะ เรื่องการทำเพลงถ้าเราทำคนเดียวได้ มันก็ดี ไม่ต้องทะเลาะกับใคร ทะเลาะกับกระเป๋าสตางค์ตัวเองอย่างเดียว แต่มันไม่สนุกครับ เราไม่มีคนคุยด้วยว่าเพลงดีหรือยัง ไม่มีคนคอยผลักดัน เวลาไปเล่นคนเดียวก็ไม่สนุกเท่าไหร่ มีเพื่อนอยู่ด้วยกันบนเวลาสนุกกว่า แต่ทำวงก็ได้อย่างเสียอย่าง มีคนหลายคนต้องคุยกันเยอะๆทำความเข้าใจกัน

ELLEMEN : ได้ยินมาตลอดว่าคุณอยากทำงานเพลง การได้เริ่มต้นวง Sleep Runway เป็นการทำความฝันให้สำเร็จแล้วหรือยัง                        
จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากพูดว่าสำเร็จ เพราะมันก็ยังไม่สำเร็จ ผมมองว่าก็ยังดีกว่าที่เรามานั่งพูดว่าเรามีความฝัน แต่ไม่ลงมือทำเสียที ผมเห็นหลายๆคนเป็น และผมเองก็เป็นมานาน จนตอนนี้อายุ 21 แล้ว รู้สึกว่าเวลาในชีวิตผ่านไปเร็วมาก

ELLEMEN : รู้สึกแบบนั้นแล้วหรอ ผมไม่รู้ว่าจะตายตอนอายุเท่าไหร่ อาจจะอายุ 40
ก็ตายแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้น ตอนนี้ผมก็มาได้ครึ่งทางแล้ว หรือถ้าคนเรามีอายุขัย 60 ปี นอนไปวันนึงก็หกชั่วโมงแล้ว สรุปว่าเรานอนไป 20 กว่าปีแล้ว ผมรู้สึกว่าเรามีเวลาทำอะไรน้อยมาก ดังนั้นอยากทำอะไรก็ทำเลย จะได้ไม่เสียดายเวลา

ELLEMEN : ดูเป็นความคิดของผู้ใหญ่ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ คงเพราะคุณอยู่ในโลกของการทำงานมานานด้วยหรือเปล่า
แต่ผมก็ทำไม่ได้ตามทุกอย่างที่ผมคิด ผมเป็นคนขี้เกียจ พลังงานน้อย ผมรู้ตัวว่าไม่ได้เป็นคนขยันขนาดนั้น ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ เลยขอแค่มีความสุขก็โอเคแล้ว

ELLEMEN : เป้าหมายด้านดนตรีของคุณคือ
อยากไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมไม่ค่อยอยากคาดหวังอะไร ได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่ได้ไปคิดถึงตรงนั้นแค่มีงานให้เล่นสดเรื่อยๆ  เพื่อหล่อเลี้ยงความรู้สึกเรา ผมรู้สึกว่าเวลาเล่นดนตรีเหมือนผมไปพักผ่อน ได้ไปเจอคน ได้ไปถ่ายทอดอะไรบางอย่าง ไปสนุกน่ะครับ  เราเล่นดนตรีเพื่อให้คนดูได้รับความรู้สึกดีๆกลับบ้านเขาได้สนุก ได้ปลดปล่อย คิดแค่นั้น

ELLEMEN : คุณยังรักและชอบการแสดงเหมือนเดิมหรือเปล่า
ผมพยายามไม่คิดมาก ขึ้นชื่อว่าเป็นนักแสดงหน้าที่ของเรามีอย่างเดียวคือแสดงให้ดีที่สุด แค่เราสามารถถ่ายทอดบทบาทหรือเรื่องราวผ่านการแสดงของเราให้คนเชื่อก็พอแล้ว และผมก็มีความสุขดี เหมือนเราโตมาในกองถ่าย ผมว่าการที่คนเราทำอะไรเหมือนเดิมมานานอาจทำให้เกิดอาการหมดไฟได้ แม้ผมอาจจะยังอายุน้อย แต่ก็ทำงานมาเกือบ 20 ปีแล้ว การที่ใครหลายๆคนใช้คำว่าหมดไฟ มันมีจริงๆนะ ผมรู้สึกได้ แต่มันไม่ใช่ความผิดใครเลย นอกจากตัวเรา ผมรู้สึกว่าการที่เราหมดไฟเป็นเพราะเราไม่เติมของเราเอง โทษใครไม่ได้เลย ไปโทษวงการก็ไม่ได้ ถ้ายังจะทำอยู่ ก็ควรจะเติมไป ถ้าไม่เติมก็เลิกทำดีกว่า ไม่อย่างนั้นจะเป็นการเอาเปรียบคนดู จะใช้วิธีอะไรก็แล้วแต่ ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดสร้างความเชื่อให้กับตัวละคร ทำให้คนดูเชื่อในสิ่งที่เราถ่ายมทอด แค่นั้นก็พอแล้ว

ELLEMEN : ทำอย่างไรเมื่อหมดไฟ
ผมว่าเราแค่มองไปรอบๆตัว คนที่เขาเบื่อเป็นเพราะว่าเขาเลือกแต่บทเดิมๆหรือเปล่า ลองหยุดแล้วมานั่งมองใหม่ เพราะในแต่ละวันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอยู่แล้ว มุกวันต้องมีปัญหาใหม่ๆ อาจลองถอยออกมา แล้วคิดถึงวันแรกทำไมเราสนุก และเราเลือกทำสิ่งนี้เพราะอะไร ชีวิตนี้สนุกจะตาย มีปัญหาใหม่ๆให้แก้ทุกวัน ทุกวันนี้เวลาผมเจอปัญหาก็เซ็งเหมือนเดิมแหละ ผมเคยมีช่วงที่ไม่ตัดสินใจรับงานช่วงนึง แต่แป๊ปนึงก็เบื่อแล้ว รู้สึกว่าก็ยังดีที่มีปัญหาให้แก้ มีงานให้ทำ มีเรื่องให้เครียด ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

ELLEMEN : คิดถึงการทำอย่างอื่นนอกจากงานในการบันเทิงอีกไหม และอะไรคือความมั่นคงของอาชีพนี้
ไม่มีอาชีพไหนที่มั่งคงร้อยเปอร์เซ็นต์ เราต้องพยายามหาอะไรใส่ให้ตัวเองเรื่อยๆ รักษามาตรฐานของตัวเอง และอย่าลืมพัฒนาด้วย ถ้าเราซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตัวเอง ตั้งใจทำงานให้มีคุณภาพออกมาเสมอ เราไม่น่าจะต้องลำบากเรื่องอาชีพ แต่ก็อย่าชะล่าใจจนเป็นกระต่ายกับเต่า เพราะมีคนที่ตั้งใจอีกเยอะแยะ คนเก่งๆ คนที่มีพรสวรรค์เกิดใหม่เรื่อยๆ ทุกวันนี้มันก็ไม่มั่นคงเสียทีเดียวหรอก แต่ถ้าตั้งใจก็ไม่น่าเป็นปัญหา


.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องข่าวประชาสัมพันธ์ ...
แก้ไขล่าสุด 16 ม.ค. 60 22:22 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 7

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google