ศูนย์รวมความหลอน!! 7 เรื่องเล่าที่จัดว่าเด็ดจาก The Shock

3 ก.พ. 60 17:03 น. / ดู 2,346 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
1. ผู้โดยสาร - คุณต้น

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ถนนเส้นนึงที่จังหวัดชุมพร เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ตอนนั้น ต้น ขับรถทัวร์ออกมาจากสายใต้ กรุงเทพ-สุราษ โดยมีพนักงานอยู่ 4 คน ก็มีต้น น้าพจน์ เด็กรถชื่อวุฒิ และพนักงานต้อนรับชื่อส้มรถออกจากกรุงเทพตอน 20.45 เป็นรถ VIP 32 ที่นั่ง ก็จะไปถึงร้านคุณต้นทับสะแกประมาณเที่ยงคืน ต้นก็ได้กินข้าวแล้วก็เกิดปวดท้องขึ้นมา ต้นก็ขับมาถึงเขตชุมพร ตรงนั้นเป็นเขตของแก่งเพกา เป็นปั๊มแห่งนึง เป็นปั๊มที่ปิดซ่อมห้องน้ำใหม่ คุณต้นก็เลยแวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มนี้
บนรถก็มีผู้โดยสารขึ้นมาครบทั้ง 32 ที่นั่ง ต้นก็เปิดประตูรถลงไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำในปั้มนั้นจะมีอยู่ 2 ห้อง ฝั่งซ้ายสุดจะเป็นห้องที่ปิดตาย เป็นไม้กั้นไว้แล้วเขียนว่าชำรุด ส่วนต้นก็เข้าห้องที่ไม่ได้เขียนว่าชำรุด หลังจากที่ต้นทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มีเสร็จเคาะประตูห้องน้ำ ก็อกๆๆ ต้นก็เงียบ และก็มีเสียงเคาะอีก ก็อกๆๆ ต้นก็เลยพูดขึ้นว่า "วุฒิ น้าพจน์" แต่ก็ไม่มีใครตอบ ต้นก็เลยตักน้ำใส่ขันเพราะคิดว่ามีคนแกล้ง พอเสียงเคาะประตูดังอีกครั้ง ต้นก็เปิดประตูเลย กะว่าจะสาด แต่ว่าไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ต้นก็เลยรีบวิ่งออกมาขึ้นรถ พอขึ้นรถต้นก็พูดออกมาว่า "เออ แกล้งกันนักนะ เดี๋ยวรู้จัก ผลัดกันๆ"

ต้นก็ปลดเบรกมือ ขับรถออกมาจนถึงหน้าปั๊ม ก็มีรถที่วิ่งสายเดียวกันพวกรถกระบี่โยกไฟแล้วก็บีบแตร ต้นก็คิดว่าบีบทักกันเฉยๆ ก็เลยขับรถไปต่อ พอเลี้ยวออกมาปั๊ป เพื่อของต้นโทรมา บอกว่า "ต้น มีผู้โดยสารวิ่งตามรถมา จอดรับผู้โดยสารหน่อยดิ ทำไมทิ้งผู้โดยสารไว้ที่ปั๊มล่ะ" ต้นก็ตกใจ แล้วก็พูดขอบคุณเพื่อนคนนั้น ต้นก็เลยเลี้ยวซ้ายเพื่อที่จะจอดรถ และลงไปดูแต่ก็ไม่มีใครวิ่งตามรถ ต้นก็คิดว่าไอนี่หลอกตูอีกละ คุณต้นก็เลยขึ้นรถมาแล้วก็เลี้ยวขวาออก คราวนี้รถทุ่งสงบีบแตรทัก และก็โทรมาถามว่า "มีผู้โดยสารวิ่งตามท ำไมไม่จอดรับล่ะ" ต้นก็เลยจอดอีกครั้ง พอลงไปดูก็ไม่มี ต้นก็เลยให้วุฒิที่เป็นเด็กรถขึ้นไปดูผู้โดยสารบนรถครบ 32 คนหรือเปล่า วุฒิก็บอกว่า "ไม่มีผู้โดยสารลงไปนะครับ ถ้ามีผมต้องเป็นคนเปิดประตู" แต่ต้นก็ยังจะให้วุฒิขึ้นไปดู คราวนี้ก็เปิดไฟทั้งรถ ผู้โดยสารทุกคนตื่นหมด ต้นก็ไปยืนดู ว่ามีใครหายไหม แต่ทุกคนก็ยังอยู่ครบ ต้นก็เลยขับรถออกไปอีกครั้ง พอออกไปได้ประมาณ 3-5 นาที ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาดีมากอายุประมาณ 30 ปี ผมยาวประมาณหลังกางเกงสีขาว ใส่เสื้อสีดำ ตอนนั้นต้นขับรถอยู่ที่ประมาณ 80 กม./ชม. ผู้หญิงคนนี้กวักมือเรียกอยู่ตรงไฟท้ายรถด้านขวาฝั่งคนขับ กวักมือเรียกให้จอด แต่ต้นเร่งเครื่องหนีความเร็วอยู่ที่ 90 กม./ชม. แต่ว่าระยะทางของผู้หญิงคนนั้นก็เขยิบขึ้นมาอยู่ประมาณกลางตัวรถ ต้นก็เลยเรียกให้น้าพจน์ดู น้าพจน์ก็ดูตรงกระจกมองข้าง ก็เห็นผู้หญิงคนนี้วิ่งชี้มาประมาณว่าให้จอดๆ จนมาถึงข้างกระจกของคนขับ พนักงานทั้ง 4 คนเห็นหมด และผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า "หิวน้ำๆ ขอน้ำๆ" อยู่แบบนี้ ต้นก็หยิบๆ ขวดน้ำโยนลงไปประมาณ 4-5 ขวด  แล้วเขาก็มาชี้ที่หน้ารถ มาแบบหน้าเขียวเหมือนคนจมน้ำ ต้นก็เลยบอกว่าเดี๋ยวถึงสุราษแล้ว เดี๋ยวจะทำบุญไปให้นะ ตอนนั้นต้นขับรถไปร้องไห้ไป พอไปถึงที่สุราษฝนก็ตก ต้นก็เลยเอารถไปจอด แล้วก็ลืมว่าต้องไปทำบุญ

พอตกเย็นต้นก็ออกประมาณทุ่มครึ่ง เพื่อที่จะกลับเข้ากรุงเทพฯ แต่ขากลับนี้ต้นไม่ได้ขับ อีกคนหนึ่งขับ พอถึงแก่งเพกา เขามารอในสิ่งที่ต้นไม่ได้ทำ ผู้หญิงคนนั้นก็ชี้มาที่รถ แล้วก็ตั้งท่า แล้วก็วิ่งปาดจากริมซ้ายแล้วปาดเข้ามาหาที่ตัวรถ แล้วก็ชนตรงประตูรถดัง ตู้มมมม ด้วยความตกใจ คนขับรถก็เอารถเข้าซ้ายแล้วก็จอด ปรากฏว่ากระจกแตกทั้งบาน จนต้องให้รถจากหัวหินมาถ่ายรถเข้ากรุงเทพฯ พอถึงกรุงเทพฯ ต้นก็ไปทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เขาเรียบร้อย

ต้นก็เลยกลับไปสอบถามว่าเกิดเหตุการณ์อะไรหรือเปล่า ทำไมมีผู้หญิงมาแบบนี้ ก็มีคนบอกต้นว่าผู้หญิงคนนี้โดนลากเข้าไปฆ่าข่มขืนในปั๊มนี้ แต่ก่อนมันเป็นปั๊มร้างและทิ้งศพไว้ที่ห้องน้ำที่เขียนว่าชำรุด จนศพนั้นแห้งเลย จนมีคนมารื้อทำหลังคาถึงมาเจอศพ หลังจากนั้นต้นก็ลาออกจากการขับรถทัวร์วิ่งรถลงใต้เลย เพราะไม่กล้าขับรถวิ่งเส้นนี้แล้ว

https://www.youtube.com/watch?v=AK7kqNmNFlk


2. โรงแรมหลอนที่เชียงใหม่ - คุณปลาย

เรื่องมีอยู่ว่า ปราย และเพื่อนในกลุ่มเดินทางไปเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ โดยจองโรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของจังหวัด ห้องที่จะเข้าพักเป็นห้องที่อยู่ตรงข้ามกับดาดฟ้าของโรงพยาบาลพอดี ด้วยความที่เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเป็นคนประเภทปากไว เลยเผลอทักออกไปว่า "โอ้โห อัปมงคลจริงๆ พักตรงข้ามกับดาดฟ้าเลยเหรอ" แต่เพื่อนคนอื่นในกลุ่มก็ไม่ได้สนใจ จนกระทั่งตีสามหลังจากที่กลับจากไปเที่ยวกันมา เพื่อนคนที่เคยทักก็เดินไปเปิดหน้าต่างแล้วสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงพูดขึ้นมาว่า "เฮ้ย ผู้หญิงบ้าอะไร ไปนั่งอะไรตรงนั้น" ทันทีที่พูดเสร็จปรายและเพื่อนอีกคนหนึ่งก็เดินไปที่หน้าต่าง แล้วเห็นเป็นผู้หญิงใส่ชุดของโรงพยาบาลนั่งเอาขาห้อยลงมาจากบนดาดฟ้า สักพักก็เลยพากันปิดหน้าต่าง แต่หลังจากนั้นประมาณสิบนาทีก็มีเสียงกรีดกระจกพร้อมกับเสียงหัวเราะ ทั้งสามคนก็เลยตัดสินใจไปเปิดผ้าม่านออกเพื่อดูว่ามีอะไร สิ่งที่เห็นก็คือเป็นผู้หญิงผมยาว หน้าติดกับกระจกกำลังแสยะยิ้ม มีเลือดไหลออกจากตา มือก็กรีดกระจกไปเรื่อยๆ พอเห็นดังนั้น ปรายและเพือนทั้งสองคนก็พากันวิ่งลงไปที่หน้าฟรอนต์โรงแรมเพื่อเล่าเรื่องที่เจอให้กับพนักงานฟังและขอเปลี่ยนห้องพัก โดยได้ห้องใหม่ที่อยู่ถัดไปอีกสี่ห้อง

เช้าวันต่อมาทั้งสามคนก็พากันไปทำบุญ พอตกกลางคืนก็พากันเข้านอน พอถึงเวลาประมาณตีสาม ผู้หญิงคนเมื่อวานก็มากรีดกระจกอีกครั้ง แล้วก็พูดกระซิบเบาๆ ว่า "ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก ฉันจะฆ่าแก" ทันใดนั้นเพื่อนที่นอนอยู่ฝั่งติดหน้าต่างก็ร้องขึ้นมา พอสังเกตดูก็ปรากฏว่ามีรอยเล็บเหมือนมีคนมาหยิกแขน ปรายและเพื่อนเลยตัดสินใจเรียกฟรอนต์ของโรงแรมกับยามขึ้นมา และตัดสินใจเก็บกระเป๋าลงไปข้างล่าง เมื่อเก็บกระเป๋าเสร็จปรายและเพื่อน รวมทั้งฟรอนต์ของโรงแรมและยามต่างพากันเดินออกจากห้องเพื่อลงไปที่ฟรอนท์ ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดกระจกดังขึ้นอีกครั้งพร้อมเสียงหัวเราะ ไม่รอช้า ทั้งห้าคนต่างรีบพากันวิ่งตรงไปที่ลิฟต์เพื่อลงไปข้างล่าง

เมื่อทั้งหมดลงมาถึงฟรอนต์ของโรงแรมก็พากันนั่งคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กระทั่งเวลาประมาณตีห้าก็มีแม่บ้านมาทำความสะอาด แม่บ้านก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอทราบเรื่องแม่บ้านก็เล่าเรื่องที่เคยเกิดขึ้นที่โรงแรมให้ฟังว่า เมื่อก่อนมีผู้หญิงท้องมาจากกรุงเทพฯ เข้ามาพักกับแฟนในห้องที่นักท่องเที่ยวพักอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ ฝ่ายแฟนของผู้หญิงคนนั้นได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วเกิดไปติดพันกับนักร้อง เมื่อฝ่ายหญิงทราบเรื่องก็คิดมากจนกรีดข้อมือตัวเอง จนต้องถูกพาไปส่งที่โรงพยาบาลที่อยู่ติดกับโรงแรม พอฝ่ายชายกลับมาไม่เห็นแฟนก็ออกไปเที่ยวอีก และพาผู้หญิงที่ติดพันด้วยมาที่ห้อง แต่เผอิญว่าฝ่ายผู้หญิงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากห้องพักที่โรงพยาบาล ฝ่ายผู้หญิงเลยโทรไปหาแฟนแล้วบอกให้ลองมองมาที่หน้าต่าง พอฝ่ายชายมองไปที่หน้าต่าง ฝ่ายผู้หญิงที่อยู่ที่โรงพยาบาลก็กระโดดลงมาฆ่าตัวตายทันที

หลังฝ่ายผู้หญิงเสียชีวิต ฝ่ายชายก็เก็บของแล้วเช็กเอาต์ออกจากโรงแรม แต่ไม่ได้นำศพของฝ่ายผู้หญิงไปฌาปนกิจ นอกจากนี้ฝ่ายผู้หญิงที่เสียชีวิตก็ลืมกำไลไว้ในห้องพักที่โรงแรม แล้วแม่บ้านก็เก็บกำไลที่ถูกลืมไว้ได้ ฝ่ายผู้หญิงที่เสียชีวิตเลยมาเข้าฝันแม่บ้านบอกให้เอากำไลไปไว้ที่วัด หลังจากนั้นหลายเดือน วันหนึ่งขณะที่ปรายนั่งรถแท็กซี่ คนขับก็ถามขึ้นมาว่า "เคยเล่นหวยไหม เนี่ยมีศพไม่มีญาติบอกเลขมา พี่ถูกหลายแสนแล้ว น้องลองไปแทงดูสิ แต่ถ้าถูกต้องไปทำบุญที่วัด ที่บางโพธิ์นะ" พอได้ยินดังนั้นปรายเลยลองเล่นดู ปรากฏว่ารอบนั้นปรายก็ถูกหวย แต่เนื่องจากไม่รู้จักวัดที่แท็กซี่พูดถึง ปรายเลยจะไปทำบุญทีวัดอื่นแทน แต่พอไปถึงทางวัดก็มีงาน ทำให้ไม่สามารถทำบุญได้ สุดท้ายปรายเลยนั่งแท็กซี่กลับ พร้อมกับพูดว่า "ถ้าอยากไปให้ไปทำบุญที่วัดที่ว่าจริงๆ ก็ขอให้มีอะไรดลใจให้ไปถูกแล้วกัน" ระหว่างที่นั่งรถแท๊กซี่ไปก็มีรถมอเตอร์ไซวิ่งมาตัดหน้ารถแท็กซี่ พอรถจอด ปรากฏว่าแท๊กซี่ไปจอดที่หน้าวัดที่ปรายกำลังตามหาพอดี หลังจากทำบุญทำสังฆทานแล้ว ปรายก็เกิดอยากเห็นหน้าของคนที่บอกหวยเลยตัดสินใจเดินเข้าไปในวัด ทันทีที่เห็นภาพของคนที่บอกหวย เพื่อนของปรายที่ไปทำบุญด้วยกันก็ถึงกับทรุดลงกับพื้น พร้อมกับพูดว่า "คนนี้แหละ คนที่เคยเห็นที่เชียงใหม่"

https://www.youtube.com/watch?v=00Ce7OyA3fY


3. ต้องรีบออก - คุณพลอย

พลอย เดินทางกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อที่จังหวัดศรีสะเกษ ตกเย็นวันนั้นพลอยก็ชวนหลานไปเดินตลาด ขณะที่กำลังจะเดินออกจากตลาดเพื่อกลับบ้านก็เจอกับยายคนหนึ่งเดินถือตะกร้ามาแล้วก็สะกิดแขน แล้วพูดออกมาเป็นภาษาส่วย ซึ่งพลอยฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยิ้มให้กับยายคนนั้น ยายเลยพูดเป็นภาษากลางว่า "ช่วยซื้อหน่อยหนู ยายเหลือไม่เยอะแล้วลูก ยายขายถั่วกับลูกกระบก ยายขายถุงละสิบบาท ช่วยหน่อย" ขณะที่ยายกำลังพูด มือข้างหนึ่งก็คล้องตะกร้า แต่มืออีกข้างจับแขนของพลอยตลอดเวลา แล้วก็ลูบผิวพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ผิวดีเนาะ หนูมาจากที่ไหน" ฝ่ายพลอยก็ตอบกลับไปว่า "หนูเพิ่งมาจากกรุงเทพฯ พอดีมาทำงานอยู่ที่จังหวัดอุบลฯ เลยแวะมาเยี่ยมคุณพ่อ" ขณะที่พูดคุยกันอยู่ยายก็ยังคงลูบแขนของพลอยตลอดเวลา จนพลอยรู้สึกแปลกๆ แต่ก็ช่วยยายซื้อของไปสองถุง แล้วยายก็ถามต่อว่า "บ้านอยู่ไหน" ฝ่ายพลอยเริ่มรู้สึกไม่ดีเลยตอบกลับไปว่า "อยู่ใกล้ๆ นี่แหละค่ะ" แล้วก็รีบกลับบ้านไป

พอตกกลางคืนหลังจากอาบน้ำกินข้าวแล้ว พลอยก็เตรียมที่จะเข้านอน คืนนั้นพลอยเลือกที่นอนอยู่ชั้นล่างของบ้าน ขณะที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ก็เหลือบไปเห็นเป็นหน้าคนที่มุ้งกำลังโน้มตัวลงมาจนจะถึงแขนข้างซ้าย ทันใดนั้นพลอยก็รู้สึกเหมือนโดนไฟดูด พอสังเกตดูก็เห็นใบหน้านั้นกำลังเลียที่แขน พอเห็นดังนั้นพลอยก็ร้องขึ้นมาสุดเสียง จนพ่อกับแม่เลี้ยงวิ่งลงมาจากชั้นสอง แล้วพังประตูห้องเข้ามาพร้อมกับตะโกนถามว่า "เป็นอะไร" พลอยก็ตอบกลับไปว่า "เมื่อกี๊ใครก็ไม่รู้มาเหมือนจะกัดแขน แล้วเลียมาที่แขน" ฝ่ายพ่อก็เลยบอกให้แม่เลี้ยงดูสิว่ามันคืออะไร ก็พบว่าที่มุ้งก็มีรอยน้ำเหมือนน้ำลายและที่แขนก็มีรอยน้ำเหมือนน้ำลายเช่นกัน พอเห็นดังนั้นแม่เลี้ยงก็ไปเคาะประตูเรียกยายที่นอนอยู่ห้องข้างๆ ยายเลยเอาผ้าขาวม้าพาดคอแล้วเดินออกไปนอกบ้าน แล้วพูดภาษาส่วยพร้อมกับจุดธูป จากนั้นก็ให้แม่เลี้ยงเอาธูปไปปักที่มุมบ้านทั้งสี่มุม แล้วให้พ่อเอาไม้ไปเคาะตามเสารั้วบ้าน ขณะที่ยายเดินไปพร้อมกับพ่อ ยายก็พูดเป็นภาษาส่วย  ฝ่ายแม่เลี้ยงหลังจากเอาธูปไปปักที่่มุมบ้านเสร็จแล้วก็พาพลอยขึ้นบ้านไปไหว้พระและเอาตะกรุดมาให้ใส่ ส่วนยายก็ขึ้นไปสวดมนต์ หลังสวดมนต์เสร็จก็เอาสายสิญจน์มาผูกที่คอ ข้อแขนและขาทั้งสองข้าง แล้วบอกให้พลอยเข้านอน ฝ่ายพลอยซึ่งกำลังเสียขวัญก็ขอที่จะกินยานอนหลับ แต่แม่เลี้ยงบอกว่าต้องนอนแบบที่ถ้าไปปลุกแล้วต้องรู้สึกตัว ถ้าหลับแบบไม่รู้สึกตัวเขาจะมาเอาพลอยไปได้ ในที่สุดคืนนั้นพลอยก็ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วเผลอหลับไป

พอตื่นขึ้นมาประมาณเจ็ดโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ยายก็บอกพลอยว่าอย่าเพิ่งออกจากบ้าน เพราะไม่รู้ว่าเขาไปรึยัง แล้วบอกหมอธรรมให้มาทำพิธีให้ตอนเที่ยง ฝ่ายแม่เลี้ยงก็จะออกไปหาของมาทำกับข้าวกินตอนเที่ยง ขณะนั้นมีรถขายผักมาจอดขายของอยู่อีกฟากหนึ่งของสนามฟุตบอลที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน แม่เลีี้ยงก็เลยเดินผ่านสนามฟุตบอลเพื่อที่จะไปซื้อของ ขณะที่แม่เลี้ยงเดินไปได้ประมาณครึ่งสนามก็หันหน้ากลับไปมองที่พลอย สักพักก็ล้มลงที่กลางสนาม พอลุกขึ้นมาได้ก็วิ่งกลับไปหาพลอย น้าข้างบ้านที่กำลังตั้งท้องอยู่เห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาขวางแม่เลี้ยงไว้ ฝ่ายพ่อกับน้าเขยพอเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปช่วยกันจับแม่เลี้ยงเอาไว้ แล้วแม่เลี้ยงก็ตะโกนออกมาเป็นภาษาส่วยในลักษณะเหมือนการด่าทอ ฝ่ายน้าสะใภ้ก็บอกว่า "หนูไปเอาเสื้อผ้า เอาของที่จำเป็น แล้วสตาร์ตรถไปเดี๋ยวนี้!" ฝ่ายพลอยที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไปเอาของบนบ้าน จากนั้นก็ขี่รถออกจากบ้านพร้อมกับน้าสะใภ้ไปยังรีสอร์ทแห่งหนึ่งของญาติ แล้วน้าสะใภ้ก็บอกให้ พลอยอยู่ที่นี่ซักพักก่อน

พอสักประมาณบ่ายสามโมงพ่อก็โทรมาหา แล้วก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง พร้อมกับบอกว่า "ที่แม่เลี้ยงตะโกนน่ะเขาบอกว่า กุจะเอามืง กุจะเข้ามืง กุจะสิงมืง กุจะเข้าหุ่นมืง เอาตัวมืง ถ้าเข้าได้กุจะไปนอนกับผู้ชาย ถ้าไปหาผู้ชายมานอนไม่ได้กุจะกินมืง กุจะเข้ามืง กุจะเข้ามืง !!!" พลอยเลยถามกลับว่าแม่เลี้ยงเป็นอะไร พ่อเลยบอกว่าคนที่มาเข้าเนี่ย เขามาเฝ้าตั้งแต่เมื่อคืน คนในบ้านของพลอยสวดไล่เขาตั้งแต่เมื่อคืน ก็เลยจะเข้าผ่านแม่เลี้ยงไปหา "กุเลียมันแล้ว รูมันไม่เปิด กุเข้ามันไม่ได้ !" แต่พ่อก็บอกว่าสบายใจได้เพราะตอนนี้หมอธรรมทำพิธีให้แล้ว พร้อมกับบอกว่าพลอยน่ะไปสัมผัส ไปให้เขาจับ ยายคนนี้จะมาตีสนิทกับผู้หญิงต่างถิ่นที่ผิวพรรณดี หน้าตาดี แล้วเขาก็จะมาสิง จากนั้นก็จะไปนอนกับผู้ชาย แล้วเขาก็จะออกไป แต่ถ้าญาติพี่น้องรู้ว่าโดนเขาเข้า ยายคนนั้นก็จะกินข้างในคนที่ถูกสิงแทน

https://www.youtube.com/watch?v=2JLqQNeBX9Y


4. ทางผีผ่าน - คุณวิน

วิน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และนัดเจอเพื่อน ม.ปลาย 2 คน ชื่อโอม กับ เอก เลยชวนกันไปกินข้าวแถวนครปฐมตอน 5 ทุ่ม โดยวินเป็นคนขับ กินข้าวเสร็จประมาณตี 1 แต่ด้วยความไม่ชินทาง ที่เป็นวงเวียน และวันเวย์ โดยไม่มีใครรู้ทาง วินก็ขับไปเรื่อยๆ จนไปถึงทางเล็กๆ เหมือนทางเข้าหมู่บ้าน เลยตัดสินใจถามร้านขายของชำ ก็บอกว่าถึงแยกเลี้ยวขวา ไปถึงก็เป็นแยกแบบลูกรัง แต่มีป้ายเขียนว่าไปกรุงเทพฯ ที่เป็นป้ายที่ตั้งที่พื้นแล้วมีรอยโดนเหยียบ เลยตัดสินใจไปตามป้าย เพราะกลัวข้างหน้าไม่มีแยกอีก ก็ขับไปเรื่อยๆ จนเป็นถนนเล็กลงมากๆ ไม่มีรถผ่าน มองไม่เห็นอะไรเลย จึงตัดสินใจชวนเพื่อนว่าจะกลับกันทางเดิมไหม เอกเลยเปิดไฟในรถ แล้วบอกว่ากลัว แต่วินบอกว่าให้ปิด เพราะกลัวคนมองเห็นในรถว่ามากี่คน และจะเป็นจุดเด่น

ทางตรงนั้นกลับรถไม่ได้ ทางแคบมาก จนโอมที่อยู่เบาะหลังก็นอนราบลงกับเบาะ แล้วเอกที่นั่งคู่กับวินก็เอนเบาะนอนลง เอามือปิดหน้า วินก็ขับต่อไป เจอผู้หญิงใส่เสื้อคอกระเช้าจูงยายแก่ๆ เดินนำหน้ารถไป คุณวินก็ขับรถผ่านไปแล้วมองกระจกหลัง ก็เห็นเป็นเงาคนอยู่ แล้วก็ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็เจออีก ผู้หญิงคนเดิมจูงยายเหมือนเดิม แต่ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน วินก็รู้แล้วว่าเจอดี ก็ทำใจดีสู้เสือ ขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มองเจอถนนใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็ไปโผล่ที่วัด โดยที่ไม่เห็นวัดมาก่อน วินงงมากเลยจอดรถ เผอิญมีวินมอไซด์มาสองคน จึงลงไปถาม วินมอไซด์เลยถามว่ามาจากทางไหน คุณวินเลยบอกว่ามาจากทางนี้ วินมอไซด์ก็ตกใจแล้วถามว่ามาได้ยังไง ทางนี้เขาปิดตายมานานแล้ว เพราะเป็นทางผีผ่าน แต่วินก็โกหกวินมอไซด์ว่าไม่เจออะไร ก็ขับต่อไปก็จอดรถที่ปั๊มน้ำมัน วินก็ถามเพื่อน ปรากฏว่าโอมเป็นคนที่เห็นก่อน เจอคุณยายเกาะกระจกข้างอยู่เลยนอนลงไป เอกเห็นเป็นคนต่อไปก็เจอข้างๆ กระจก หลังจากวันนั้นทุกคนก็ฝันว่า ยายคนนั้นมาบอกว่า "ผ่านมาทางนั้นทำไมไม่เอาอะไรมาฝากบ้าง"

https://www.youtube.com/watch?v=vdHuaYxj4LU


5. วิญญาณพี่ฝน - คุณน้อง

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่บ้านที่จังหวัดลำพูน ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปีที่แล้ว เรื่องมีอยู่ว่าพี่ฝนเป็นคนจังหวัดลำพูน และต้องออกไปทำงานในนิคมอุตสาหกรรมของจังหวัดลำพูน ซึ่งอยู่ไกลจากตัวบ้านของ น้อง น้องก็ต้องไปอยู่หอพักที่ใกล้ๆ ที่ทำงาน ประมาณเดือนสองเดือนถึงจะกลับบ้านที จนวันหนึ่งน้องก็ได้กลับบ้านในคืนวันศุกร์ บ้านน้องเป็นครึ่งปูนครึ่งไม้ น้องกลับไปถึงบ้านก็กินข้าวกินปลาคุยกับพ่อกับแม่เสร็จประมาณ 2 ทุ่มก็ได้เข้านอน ก็นอนไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็ตกใจตื่นขึ้นมา เพราะว่าได้ยินเสียงคนร้องไห้เบาๆ แต่ด้วยความที่ดึกแล้ว ด้วยความเป็นบ้านนอกบวกด้วยความเงียบ ก็จะเป็นเสียงร้องไห้เบาๆ ของผู้หญิง ห้องน้องจะอยู่ชั้น 2 คือถ้าเปิดหน้าต่างมองออกไปก็จะเห็นบ้านของเพื่อนบ้านได้อย่างชัดเจน โดยที่มีซอยเล็กๆ คั่นไว้นิดเดียว และในคืนนั้นน้องก็เปิดหน้าต่างทิ้งไว้

พอน้องลุกขึ้นมานั่ง คางของน้องก็จะพอดีกับหน้าต่าง แล้วก็มองออกไปแล้วก็คิดในใจว่าใครมาร้องไห้ฟะ น้องก็เห็นคนคนหนึ่ง เห็นแค่ด้านหลังโดยมีไฟสลัวๆ จากเสาไฟในซอยนั้นส่องมาพอทำให้มองเห็นได้ พอน้องเห็นก็รู้เลยว่าเป็นใคร เพราะเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นก็คือพี่ฝนที่ยืนร้องไห้อยู่หน้าบ้านของพ่อกับแม่พี่ฝน ตัวพี่ฝนนั้นได้แต่งงานกับแฟนแล้วแยกไปอยู่กับแฟนบ้านอีกหลังหนึ่ง หลังจากที่น้องนั่งมองอยู่ประมาณ 5 นาทีได้ ด้วยความที่อยากรู้ว่าเขามาร้องไห้ทำไม ก็เลยตัดสินใจเรียกไปเลยว่า พี่ฝนๆ มาร้องไห้ทำไมเนี่ย แล้วพี่ฝนก็หันมา ตอนที่เขาหันมา เขาหันมาแค่นิดเดียว เห็นแค่แก้มด้านซ้าย แล้วเขาก็หันกลับไป น้องก็คิดในใจว่า ตูถามดีๆ ทำไมไม่ตอบฟะ แต่ด้วยความที่อยากรู้ ก็เลยวิ่งลงจากชั้น 2 ลงไปที่หน้าบ้านเขาเลย แล้วก็ไปกระชากแขนพี่ฝน แล้วก็ถามว่า "พี่ฝนเป็นไร ร้องไห้ทำไม ถามไม่ตอบ"

พี่ฝนมองหน้า แล้วก็ตอบว่า "พี่กับแฟนพี่ทะเลาะกัน แฟนพี่จับได้ว่าพี่ไปคบกับผู้ชายอีกคน เขาก็เลยตีพี่ พี่ก็เลยหนีออกมาเนี่ย เพราะว่าเขาชักปืนขู่พี่" น้องก็ถามต่อว่า "แล้วพ่อแม่พี่รู้ยัง เรียกเขารึยัง ทำไมเขายังไม่เปิดประตูออกมา หนูนั่งมองพี่สักพักแล้วนะ" แล้วพี่ฝนก็บอกว่า "เดี๋ยวเขาก็เปิดมาเอง" น้องก็ถามพี่ฝนอีกว่า "แฟนพี่ถือปืนเลยหรอ" พี่ฝนก็ตอบว่าใช่ แล้วน้องก็เลยดึงแขนพี่ฝนแล้วบอกพี่ฝน "มาหลบในบ้านหนูก่อน รับรองแฟนพี่ไม่รู้หรอกว่าพี่มาอยู่บ้านหนู" พอดึงแขนพี่ฝน พี่ฝนก็ดึงแขนกลับแล้วก็พูดว่า "พี่ไปบ้านน้องไม่ได้นะ เดี๋ยวเขาจะว่า" คุณน้องก็ตอบกลับไปว่า "ใครจะว่า พ่อแม่หนูหลับแล้ว เขาไม่รู้เรื่องหรอก หนูให้พี่เข้าใครจะว่า ก็บ้านหนูอ่ะ" พี่ฝนก็ตอบว่า "ก็ได้ น้องให้พี่เข้าแล้วนะ" แล้วน้องก็ดึงแขนพี่ฝนเดินขึ้นมาที่ชั้น 2 ห้องของเธอ โดยที่ไม่ได้บอกใคร

พอขึ้นมาถึงห้อง พี่ฝนก็มานั่งร้องไห้อยู่ที่ปลายเตียง ส่วนน้องก็ไปนั่งตรงหน้าต่างแล้วเอาคางไปเกยหน้าต่างแล้วก็มองออกไป เพื่อที่จะมองว่าแฟนพี่ฝนจะมาตอนไหน แล้วก็พูดกับพี่ฝนเบาๆ ว่า "พี่ฝนๆ เสียงรถมาแล้วเว้ย" ก็คือเสียงรถของแฟนพี่ฝน เลี้ยวเข้ามาจากปากซอย แล้วก็เข้ามาจอดที่หน้าบ้านของพ่อแม่พี่ฝน แล้วก็ลงมาเรียกพี่ฝนประมาณว่า "ฝน ออกมาเลย มาเคลียร์กับตรู หนีออกมาได้ไง" ตะโกนโหวกเหวกโวยวาย แล้วพ่อพี่ฝนก็เดินเปิดประตูออกมา พร้อมกับแม่พี่ฝนที่เดินตามออกมา พ่อพี่ฝนก็บอกให้ใจเย็นๆ คร (แฟนพี่ฝนชื่อว่าคร) ค่อยๆ คุยกัน มันดึกแล้วเดี๋ยวชาวบ้านแตกตื่น แต่พี่ครไม่พอใจ และก็พูดว่า "ไม่ต้องยุ่ง **กับเมียเขาจะคุยกัน รู้ไหมว่าลูกของพวกพ่อพวกแม่ไปทำอะไรให้ผม ไปเรียกมันออกมา ไม่งั้นตรูยิงนะ" แล้วเขาก็ชักปืนที่หนีบเอวมายิงขึ้นฟ้า 3 นัด ปั้ง ปั้ง ปั้ง

น้องก็ตกใจแต่ทำอะไรไม่ได้ แล้วพอ ปั้ง สุดท้ายดังเสร็จก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาจากหน้าบ้าน คว้ามือพี่ครที่ถือปืนอยู่ แล้วก็พูดว่า "พี่อย่าทำอย่างงั้น พี่อย่าทำอย่างงี้ ถ้าพี่จะทำพี่ทำหนูคนเดียว อย่าให้คนอื่นเดือดร้อนไปด้วย" แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือ ผู้หญิงที่แย่งปืนนั้นก็คือ พี่ฝน ที่นั่งอยู่กับคุณน้องที่ห้อง และในความคิดของคุณน้องตอนนั้น แล้วคนที่นั่งอยู่ที่ปลายเตียงของเราเป็นใคร คุณน้องก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แล้วพอพี่ฝนพูดเสร็จปุ๊ป พี่ครก็ดึงปืนลง แล้วเล็งปืนไปที่พี่ฝนแล้วก็ยิง ปั้ง แล้วก็ยิงพ่อ ปั้ง ยิงแม่ ปั้ง ยิงที่หัวทั้งหมดทั้ง 3 นัดเลย ทุกคนล้มลงหมดเลย และสุดท้ายพี่ครวิ่งมาที่มอไซด์แล้วก็เอาปืนกรอกปากตัวเอง แล้วยิงทะลุท้ายทอย ปั้ง แล้วตอนนั้นน้องก็ไม่รู้เรื่องอีกเลย รู้สึกตัวอีกที อยู่ที่โรงพยาบาลของจังหวัด ใส่เฝือกที่ขา ใส่เฝือกที่แขน ใส่ปลอกที่คอ ขาหัก แขนหัก เพราะว่าน้องตกจากหน้าต่างที่นั่งมองเขา

น้องก็ไม่รู้ว่าตกใจแล้วยืนขึ้นแล้วทำให้ตกหรือเปล่า แต่ที่น้องจำได้ก็คือเอาคางไปวางไว้ตรงหน้าต่างแค่นั้น น้องก็ถามแม่ว่าเป็นอะไร แม่ก็เล่าให้ฟังว่า ลุกมาจะทำกับข้าวตอนเช้า ก็เห็นหลังคาที่ชั้นล่างตรงห้องครัวกระเบื้องมันแตกอยู่ แล้วก็มีอะไรก็ไม่รู้กองอยู่ตรงนั้น ก็เห็นน้องนอนสลบอยู่ตรงนั้น ก็เลยนำส่งโรงพยาบาล ตอนที่ตื่นมาทีแรก น้องก็ยังไม่ได้สติ ผ่านไปได้สักพักก็รวบรวมสติแล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟัง แม่ก็เลยบอกว่า "ฟังนะ อีฝน พี่คร และพ่อกับแม่เขา เสียไปได้ประมาณ 2 อาทิตย์ เพราะว่าพี่ฝนมีชู้แล้ววิ่งหนีมาบ้าน พี่ครตามมาแล้วเอาปืนยิงหมดทั้งบ้าน แล้วถ้าออกจากโรงบาลกลับไปดูบ้านหลังนั้นซะ บ้านหลังนั้นไม่มีแล้ว เป็นบ้านปูนชั้นเดียวที่เขาทุบๆ แล้ว ก็จะเหลือแค่ซากก้อนอิฐ ก้อนปูน ที่พังอยู่ตรงนั้นที่ยังไม่มีใครเอาไปทิ้งเท่านั้นเอง" พอน้องกลับไปบ้านก็ไปดูบ้านหลังนั้นก็ถูกทุบไปแล้วจริงๆ แล้วทุกวันนี้ขาที่หักของน้องก็ยังเป็นเหล็กอยู่ข้างในจนถึงทุกวันนี้ และบ้านน้องก็ต้องทำบุญใหญ่ที่บ้าน เพราะว่าน้องพาพี่ฝนเข้ามาในบ้าน แล้วพระที่ทำบุญบ้านก็บอกว่า น้องไปดึงพี่ฝนออกจากวังวนที่เขาต้องทำทุกๆ วันอยู่ผิดไป

https://www.youtube.com/watch?v=Apkt9bUWwPs


มีต่อด้านล่าง
v
v
แก้ไขล่าสุด 3 ก.พ. 60 17:14 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย WinXP

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | ForFaiiz | 3 ก.พ. 60 17:04 น.

6. ยาย**แผน - คุณลภ

เหตุการณ์เกิดที่นครสวรรค์ ตอนเด็กๆ ลภเป็นเพื่อนกับ แผน กับ โพธิ์ พ่อแม่ของแผนกับโพธิ์จะไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะต้องไปเฝ้าไร่ วันหนึ่งทั้ง 3 คนไปใส่เบ็ด แล้วแผนโดนหอยบาดลึกมาก จึงช่วยกันพยุงกันกลับบ้าน สักพักโพธิ์ก็ออกไปซื้อยา คุณยายของแผนเป็นคนแก่ๆ  ที่เหมือนเป็นอัมพฤกษ์เดินไม่ได้ ก็ลุกพรึบขึ้นมา แล้วถามว่า "พวกแกไปไหนกันมา" ลภก็ตกใจแล้วบอกว่าแผนโดนหอยบาดเลือดไหลเต็มเลย พอพูดเท่านั้นยายของแผนก็ผลักลภเต็มแรง แล้วไล่ให้ออกไป บอกว่าอยู่แล้วร้อน ลภก็งง แล้วบอกว่ารอให้โพธิ์กลับมาก่อน ห้ามเลือดให้แผนก่อน ยายก็ไม่ยอม ก็ไล่อยู่อย่างนั้น สักพักโพธิ์กลับมา ยายก็รีบล้มตัวลงนอนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลภจึงบอกโพธิ์ว่ากลับก่อน ยายไล่ โพธิ์จึงบอกว่ายายลุกและพูดไม่ได้สองปีแล้ว ไม่เชื่อที่ลภพูด แต่ก็ยอมให้ลภกลับ

สองวันต่อมา โพธิ์ไปตามลภไปนอนด้วย จะได้ช่วยดูแลแผน ลภก็บอกว่ากลัวยายด่า แต่โพธิ์ก็ยืนยันว่ายายพูดไม่ได้แล้ว ลภก็ยอมไป ลภโพธิ์แผนก็นอนมุ้งเดียวกัน ดึกๆ ลภนอนไม่หลับ ก็ได้ยินเสียงกุกๆ กักๆ ที่มุ้งยาย เห็นยายคลานออกมามองซ้ายมองขวาไปนั่งอยู่ตรงหัวกระไดบ้างแล้วกระโดดผลุบลงไป ลภจึงปลุกโพธิ์ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ลภจึงเดินออกไปดูไม่เจออะไร พอหันกลับไปดูที่เจอมุ้งยาย เจอยายยังนอนขดอยู่ในมุ้ง แล้วจู่ๆ ยายก็เปิดผ้าห่มออกมาแล้วยิ้มให้ลภ อันนี้คือคืนแรกที่ลภไปนอนบ้านแผนและโพธิ์ เช้ามาลภก็เล่าให้โพธิ์ฟังว่าเห็นยายกระโดดลงไป โพธิ์ก็ไม่เชื่อ คืนที่สองยายก็คลานออกจากมุ้ง แต่ไม่ได้คลานไปหัวกระได แต่คลานมาเปิดมุ้งที่ลภนอนอยู่ ไปตรงที่แผนนอน โดยโผล่เข้ามาแต่หัว แล้วเลียแผล ดูดแผลแผน พักใหญ่ๆ ลภพยายามปลุกโพธิ์แต่โพธิ์ก็ไม่ตื่น ยายก็เลียอยู่พักใหญ่และคลานกลับไป แล้วพูดว่าอร่อยดีนะ ตอนเช้าลภก็เล่าให้โพธิ์ฟัง ก็ไม่เชื่อ และเริ่มโมโหลภว่าใส่ร้ายยาย แต่ปรากฏว่าแผลของแผนเป็นจ้ำ ช้ำใหญ่ และปวดมาก

จนคืนที่สามนอนแผนก็นอนร้องปวดมาก ลภบอกโพธิ์ไปตามพ่อกับแม่ แต่โพธิ์ไม่กล้าทิ้งยาย สรุปก็ไม่ได้ไป จนวันต่อมาลภเห็นท่าไม่ดี ลภเลยตัดสินใจ บอกให้โพธิ์ไปตามพ่อแม่ จะป้อนข้าวยายเอง เพราะแผนนอนร้องโอดโอย โพธิ์จึงยอมไปตามพ่อกับแม่ พอโพธิ์ไปลภก็หนีกลับบ้านเพื่อไปตามพ่อ แต่พ่อลภก็ไม่อยู่ ลภก็เลยตัดสินใจกลับมาอยู่เป็นเพื่อนแผน นอนจนสามทุ่ม โพธิ์ก็ยังไม่กลับ สักพักลภได้เสียงแผนร้องอ๊อกๆๆ ลภมองเห็นยายของแผนยืนเหยียบหน้าอกแผนแล้วช้อนคอขึ้น และปากจุ่มลงไปในปากแผน แล้วเอาลิ้นแลบออกไป แผนก็เกร็งๆ แล้วก็นิ่งไปเลย ลภก็ได้แต่มองดูอยู่อย่างนั้นเพราะทำอะไรไม่ถูก พอดีที่พ่อแม่ของแผนกลับมายายก็รีบกระโดดออกมาแล้วรีบกลับเข้ามุ้ง ปรากฏว่าแผนตายแล้ว เอาศพไปพิสูจน์ หมอบอกว่าขาดอากาศหายใจ พ่อกับแม่พยายามเค้นลภให้บอกว่าเกิดอะไรขึ้น ลภก็บอกว่าเห็นยายเหยียบหน้าอกแผนแล้วเอาลิ้นล้วงลงไปในปาก แต่ไม่มีใครเชื่อลภ หลังจากนั้นผ่านไป 7-8 วัน พ่อของแผนก็จับพิรุจน์คือไม่นอนแล้วก็เห็นแบบที่ลภพูด คือเห็นยายโดดจากบ้านทุกคืน จนไปปรึกษากับพระ พระก็บอกว่ายายตายมานานแล้ว แต่มีอย่างอื่นแฝงอยู่

https://www.youtube.com/watch?v=UnHxyuV-ZUw


7. หลอนกันทั้งหมู่บ้าน - คุณผอม

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่พิจิตร รุ่นพี่ของ ผอม ชื่อ หญิง อายุประมาณ 30 แต่เป็นสาวโสด เป็นคนสวยก็มีคนมาจีบเยอะ แต่หญิงไม่ได้ชอบใคร จนวันหนึ่งมีเกษตรอำเภอมาพักที่บ้าน เพื่อมาดูที่ทางทำฝาย หญิงกับเกษตรอำเภอก็ชอบคอกันและคบหากัน และตกลงจะแต่งงานกัน ก่อนแต่งงานเดือนหนึ่ง มีผู้ชายที่ชอบหญิงมาแวะเวียนที่หน้าบ้าน แล้วหญิงก็ลงไปคุยด้วยสักพัก พอ 2 ทุ่ม หญิงก็คว้าจักรยาน แม่ก็ถามว่าจะไปไหน หญิงก็บอกว่าจะไปหาเพื่อนที่ท่าข้าม ซึ่งอยู่ห่างไปอีกกิโล หลังจากคืนนั้นหญิงก็หายไปเลย แล้วก็พากันออกตามหา หายังไงก็ไม่เจอ จึงไปหาร่างทรง ร่างทรงก็บอกให้กลับไปหาใหม่ ที่ป่าไผ่ ทุกคนก็กลับไปหาที่ป่าไผ่ จนลึกลงไปเจอรองเท้าก็เดินตามไป เจอศพของหญิงซึ่งท่อนบนเปลือย ท่อนล่างใส่ผ้าถุงอยู่ ท้องถูกผ่า และไส้ก็ห้อยตามกิ่งไม้ และที่หน้าผากมีรอยกรีดลึกถึงกระโหลกเป็นรูปกากบาท ชาวบ้านจึงพากันเอากระสอบห่อศพออกมา ตำรวจชันสูตรว่าไม่พบการถูกข่มขืน

วันเวลาผ่านไป ตาท้อน คนแก่ไปหากบหาเขียด ผ่านป่าไผ่ แกก็ได้ยินเสียงผู้หญิงเรียก "น้าท้อนๆ น้าท้อนๆ" แกมองไปเจอผู้หญิงเปลือยกาย โดยท้องแหวกแล้วพูดว่า "น้าท้อนๆ น้าท้อนช่วยดูคนฆ่าฉันหน่อย" ตาท้อนก็ทิ้งรถจักรยานแล้ววิ่งเข้าหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อมาก เพราะตาท้อนเป็นคนขี้เมา อีกเรื่องมีมอไซด์สองคันกลับมาจากงานในอำเภอ ก็จะผ่านป่าไผ่ ปรากฏว่าหัวไฟขาดทั้งสองคัน คนซ้อนก็ลงมาสูบบุหรี่ แล้วก็เหลือบไปเห็นเหมือนขาคน จึงตัดสินใจไปกันต่อแบบไม่มีไฟรถ (มาสองคันสี่คน) สักพักได้ยินเสียงของหล่นเผะลงมา แล้วได้ยินเสียงผู้หญิงร้องมาจากบนฟ้าว่า "เก็บให้หน่อย เก็บให้หน่อย" ทั้งสี่คนก็หยุดรถแล้วเดินไปดูของที่หล่นลงมา ปรากฏว่าเป็นไส้กับกระเพาะ เครื่องในต่างๆ ที่มีหนอนเจาะเต็มเลยหล่นอยู่ แล้วก็ได้ยินเสียงคนโดดน้ำ

คราวนี้มีคนสติไม่สมประกอบวิ่งประกาศทั่วหมู่บ้านว่า "**หญิงจะกลับมานะ หญิงจะกลับมานะวันนี้" และไปเกาะที่รั้วบ้านกำนันพ่อของหญิง แล้วบอกว่า "หญิงจะกลับมานะ หญิงจะกลับมา มันคิดถึงบ้าน" ปรากฎว่าประมาณเที่ยงคืนได้ยินเสียงลากของมา ครืดๆ คนก็แอบดูกัน ปรากฏว่าเห็นเป็นผู้หญิงท่อนบนเปลือย ท่อนล่างใส่ผ้าถึงสีดำ ลากกระสอบมา แล้วล้วงของจากกระสอบมา ปรากฏว่าเป็นร่างอีกร่างหนึ่ง เปลือยท่อนบน แล้วใส่ผ้าถุงสีดำ แต่ไม่มีหัว มายืนข้างกัน แล้วร่างที่ไม่มีหัวก็โบกมือไปมาเหมือนหาอะไรสักอย่าง สักพักสองร่างก็พากันเดินไปทางบ้านกำนัน กำนันก็เปิดไฟทั้งบ้าน แล้วเดินลงมาตะโกนด่าว่า "ทำไมไม่ไปหลอกคนที่ฆ่านู่น ทำไมมาหลอกชาวบ้าน ตรูจะบ้าแล้ว" แล้วกำนันก็ยิงปืนขึ้นฟ้าหนึ่งนัด

เรื่องก็เป็นมาเรื่อยๆ หลายๆ รูปแบบ กำนันก็ไปปรึกษาเกจิอาจารย์ว่าจะทำยังไง หลวงปู่ก็บอกว่า ยังไม่ไปถ้าป่าไผ่ไม่ลุกเป็นไฟ จึงตัดสินใจเผาป่าไผ่  แต่กลางคืนก็เห็นเหมือนมีผู้หญิงเหมือนกึ่งนั่งกึ่งนอนหัวพิงจอมปลวก แม่หญิงเองก็เคยฝันว่าหญิงมาบ้านแต่ขึ้นมาไม่ได้ เพราะขาขาดทั้งสองข้าง  แล้วหญิงก็ร้องแต่ให้แม่ไปหาคนฆ่ามาให้หน่อย จนเรื่องราวก็สร่างซาไปตามกาลเวลา

https://www.youtube.com/watch?v=fwJKTohM1Bg

แก้ไขล่าสุด 3 ก.พ. 60 17:11 | ไอพี: ไม่แสดง | โดย WinXP

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google