สวัสดิการใหม่จากรัฐ คนจนนั่งรถไฟฟ้า MRT และ BTS ฟรี

ลงทะเบียนคนจนรอบใหม่ ที่จะเปิดให้ผู้มีรายได้ต่อปีไม่ถึง 100,000 บาท มาลงทะเบียนรับสิทธิ์ผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่วันที่ 3-30 เมษายน 2560 มีสวีสดิการใหม่ ให้ผู้มาลงทะเบียน 8 ล้านคน ขึ้นรถไฟฟ้า MRT และ BTS ฟรี โดยการเปิดให้ลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยนี้มีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีผู้มาลงทะเบียนเพียง 8.3 ล้านคน อาจเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์และสถานที่ลงทะเบียนซึ่งคือธนาคารให้ข้อมูลผู้มาลงทะเบียนเพียงว่า ลงทะเบียนไปแล้วแค่ใช้สำหรับเป็นข้อมูลผู้มีรายได้น้อยเฉยๆ ไม่ได้ให้ข้อมูลว่ามีสวัสดิการอะไรให้บ้าง ทำให้คนจนที่เป็นเกษตรส่วนใหญ่ไม่ได้มาลงทะเบียน สำหรับปีนี้ก็ต้องมาดูกันว่าจะมีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนมากขึ้นหรือลดลงเท่าใด และพอมีสวัสดิการใหม่ ก็แน่นอนว่าผู้เสียภาษีชาวกรุงเทพที่รู้สึกว่าตัวเองมีผลกระทบโดยตรงจากการเพิ่มปริมาณคนมาอัดเบียดบนรถไฟฟ้าที่เสียบ่อยแถมต้องรอหลายขบวนกว่าจะได้ขึ้นนั้น ก็ขอใช้พื้นที่แสดงความเห็น ซึ่งความเห็นก็แบ่งเป็นหมวดหมู่ต่างกันไป อาทิ

กลุ่มคนที่มองว่าไม่เห็นด้วย
- มองว่าภาษีที่ตัวเองเสียเอาไปช่วยคนจนหมด แต่ตัวเองไม่ได้อะไรจากเงินภาษีที่เสียไปเลย
- ตัวเองทำงานหนักเพื่อหนีความจน ถ้ารัฐยังอุ้มแต่คนจนแบบนี้ คนจนจะขี้เกียจและไม่ยอมทำงานหนักเพราะกลัวจะเสียสิทธิ์ที่ตัวเองได้
- รถไฟฟ้าปกติก็แน่นอยู่แล้ว ไม่ได้รังเกียจคนจน แต่ว่าถ้าให้ไปเบียดกันคนแต่งตัวมอมแมมในรถไฟฟ้าที่ไม่มีทางหนีทีไล่แบบนี้ไม่โอเค
- รถเมล์ฟรีก็มีแล้ว รถไฟฟรีก็มีแล้ว อาจจะต้องตื่นเช้ามารอรถเมล์หน่อย แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
- คิดว่าการเสนอสวัสดิการแบบนี้เป็นแผนการดึงคะแนนเสียงจากคนจนมากกว่าต้องการแก้ปัญหาจริงๆ

กลุ่มคนที่เห็นด้วย
- คนจนเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเหมือนกัน ควรมีสิทธิ์ได้รับการบริการเท่าเทียมกับคนอื่น
- ดีเพราะว่าคนจนที่บ้านอยู่ชานเมืองจะเดินทางมาทำงานในเมืองได้เร็วขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น

กลุ่มที่แสดงความเห็นต่อนโยบาย
- แก้ปัญหาไม่ตรงจุด เพราะหากต้องการช่วยเหลือคนจนจริงๆ ก็ควรกระจายให้ทั่วประเทศ ไม่ใช่มากระจุกอยู่แค่ในกรุงเทพฯ ตามสาย รฟฟ
- มองว่าถ้าอยากช่วยลดภาระคนจน น่าจะใช้เป็นลดราคาค่าโดยสารมากกว่าให้ขึ้นฟรี
- เป็นการทุ่มงบประมาณไม่คุ้มค่า เพราะจริงๆ แล้วคนจนส่วนใหญ่ไม่ใช้ รฟฟ กัน (ไม่ใช่เพราะราคาแพง แต่เพราะไม่มีเหตุผลต้องใช้)
- ควรให้ความช่วยเหลือด้านการเพิ่มรายได้มากกว่าโยนเม็ดเงินลงไปอย่างเดียว ซึ่งเป้นวิธีแก้ปัญหาที่นอกจากจะไม่ได้ใช้ความคิดแล้วยังไม่ได้ใช้แรงด้วย