สิงคโปร์ไอเดียบรรเจิด ติดตั้งตู้คีออสให้นักท่องเที่ยวแลกเศษเงินเหลือใช้ก่อนกลับประเทศ

เมืองไทยน่ามีบ้างมั้ย...

ผู้โดยสารที่เดินทางผ่านสนามบินชางงีของสิงคโปร์ไม่ต้องกังวลกับเศษเงินสกุลต่างประเทศที่เหลือในกระเป๋าอีกต่อไป เพราะสามารถนำมาแลกได้ที่ตู้คีออสของ TravelersBox ที่ติดตั้งอยู่ในสนามบิน TravelersBox เป็นบริษัทเทคโนโลยีการเงินสุดทันสมัยที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถเปลี่ยนเศษเงินคงเหลือ ไม่ว่าจะเป็นธนบัตรหรือเหรียญ ให้กลายเป็นเงินดิจิทัลเข้ากระเป๋าเงินออนไลน์ (PayPal และ Baidu) หรือบัตรของขวัญดิจิทัล (iTunes, JD.com, Grab, Tokpedia, Starbucks, Facebook) นอกจากนั้นยังสามารถบริจาคเงินให้กับมูลนิธิ Changi Foundation ของ Changi Airport Group (CAG) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมของเยาวชน หรือบริจาคให้กับองค์กรการกุศลอื่นๆ เช่น กาชาด[1] ก็ได้เช่นกัน ด้วยนวัตกรรมนี้เอง เศษเงินที่เคยไร้ประโยชน์จะกลับมามีค่าอีกครั้ง คุณอัลเบิร์ต หลิม รองประธานอาวุโสฝ่ายประสบการณ์ผู้โดยสารของ Changi Airport Group กล่าวว่า "เรามีความยินดีที่ได้ติดตั้ง TravelersBox ในสนามบินชางงี เพื่อนำเสนอบริการอันเป็นประโยชน์แก่ผู้โดยสารกว่า 58 ล้านคนที่เดินทางผ่านสนามบินแห่งนี้ในแต่ละปี ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้ทุ่มเทพัฒนาสินค้าและบริการของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว และทำให้เหนือความคาดหวังของนักท่องเที่ยวด้วย ผมเชื่อว่านวัตกรรมนี้จะทำให้ผู้โดยสารในสนามบินชางงีได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นอย่างแน่นอน"

TravelersBox ได้ติดตั้งตู้คีออสในสนามบินชางงีเป็นครั้งแรกเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม หลังจากนั้น ยอดการทำธุรกรรมในสนามบินแห่งนี้ก็มีมากกว่า 4 เท่า เมื่อเทียบกับสนามบินอีกแห่งที่มียอดทำธุรกรรมรองลงมา

คุณโทเมอร์ ซุสแมน ซีอีโอของ TravelersBox กล่าวว่า "เอเชียเป็นภูมิภาคที่เติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมีชนชั้นกลางที่เดินทางท่องเที่ยวกันมากขึ้นทั้งในเอเชียและทั่วโลก ตู้คีออสของเราในสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และมะนิลา ได้รับการตอบรับอย่างดี เรายินดีที่ได้ร่วมมือกับบรรดาสนามบินขนาดใหญ่ที่มีบทบาทสำคัญต่อการเดินทางทั่วโลก เราหวังที่จะยกระดับการดำเนินงานของเราในเอเชีย พร้อมร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำในแต่ละประเทศ เพื่อมอบทางเลือกใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวในการแลกเศษเงินสกุลต่างประเทศ"

TravelersBox ถือกำเนิดขึ้นเมื่อคุณโทเมอร์พบเศษเงินเต็มกระเป๋าทุกครั้งที่กลับมาจากการเดินทางไปทำงานที่นิวยอร์ก และเขาก็ลืมพกเศษเงินกลับไปใช้ในการเดินทางครั้งต่อไป เขาลองนับเศษเหรียญและพบว่า ในการเดินทางแต่ละครั้งเขามีเศษเงินเหลือถึง 10-15 ดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนั้นเขาได้ทำการวิจัยตลาดเพิ่มเติมจนพบว่า โดยเฉลี่ยแล้ว นักท่องเที่ยวหนึ่งคนจะมีเศษเงินเหลือราว 20 ดอลลาร์สหรัฐ และในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากถึง 1.5 พันล้านคน และนั่นทำให้คุณโทเมอร์ค้นพบตลาดใหม่ที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี

คุณโทเมอร์ได้พยายามติดต่อไปยังธนาคารและบริษัทบัตรเครดิต ทว่าบริษัทเหล่านั้นไม่สนใจธุรกิจไมโครเพย์เมนท์ เขาจึงคิดที่จะหันไปร่วมมือกับบริษัทกระเป๋าเงินและบัตรของขวัญอิเล็กทรอนิกส์แทน จากนั้นเขาได้ก่อตั้งบริษัทร่วมกับคุณไอดัน เดช เพื่อคว้าโอกาสจากช่องว่างตลาดนี้