สานวันวัยเด็กในวันที่อาหมวยหน้าเจ๊กอยากเป็นแอร์

สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์เรื่องของการเป็นแอร์ที่เราใฝ่ฝัน คือตอนเด็กๆ อยากบินมาก อยากเป็นแอร์ มันดูฉลาดแล้วก็รวยมากๆ แต่พอโตมาจนถึงตอนนี้คือไม่มีอะไรผ่านซักอย่างทั้งภาษาและรูปร่าง เลยต้องมานั่งทำธุรกิจที่บ้านต่อ ซึ่งก็เป็นแอร์สมใจค่ะ แต่เป็นคนขายแอร์นะ 5555
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว วันนี้เราเลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ชั่วโมงบินให้เพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจซื้อแอร์ฟังกัน ว่าควรเลือกแอร์ยังไงถึงจะเหมาะกับบ้านของเพื่อนๆ มากที่สุด

อย่างแรกเพื่อนๆ ต้องรู้ขนาดของห้องที่จะติดแอร์ หลายครั้งที่มีคนพุ่งตัวมาที่ร้านของเรา แล้วบอกว่าติดแอร์ตัวไหนดี? มีงบเท่านี้ เอายังไง ซึ่งเราก็ถามกลับไปว่าห้องขนาดเท่าไหร่คะ? คำตอบคือยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะติดห้องไหน หรือจะติดพิกัดที่กระจายได้ทั้งห้อง อันนี้สำคัญมากๆ ควรตัดสินใจให้ได้ก่อนมาที่ร้านค่ะ

กำลังของแอร์มีหลายแบบ ถ้าอย่างตัวที่ขายดีของร้านเรา จะเป็นพวก Heavy Duty เพราะทนมาก ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะแนะนำกันปากต่อปาก บอกว่าห้องเย็นเร็ว ประหยัดไฟ แล้วก็ไม่ต้องรอนาน ซึ่งอันนี้แอร์ที่ออฟฟิศหน้าร้านก็ติด Mitsubishi ตัวนี้เอาไว้ เราก็คิดเหมือนกันเรื่องการกระจายความเย็น เพราะฉะนั้นอันนี้เป็นเรื่องนึงที่เราพอจะเก็ทลูกค้าได้

ดีไซน์เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คนค่อนข้างจะคิดเยอะ เพราะเดี๋ยวนี้ทุกคนเหมือนดูตัวอย่างจากในอินเตอร์เน็ตแล้วก็อยากเสกบ้านให้ได้แบบนั้น ซึ่งเราบอกตรงนี้เลยว่าน้อยคนมากที่จะได้ตามภาพที่วาดไว้ เพราะฉะนั้นควรเลือกแอร์ที่มีดีไซน์สวยแบบเรียบง่ายกันไว้ก่อน เผื่ออนาคตอยากจะตกแต่งห้องใหม่จะได้ไม่ต้องคิดมาก

เรื่องสุดท้ายคือเรื่องของงบ อันนี้สำคัญมาก ทั้งงบซื้อแอร์และงบค่าไฟที่คุณจะจ่ายไหว เพราะบางห้องเราอาจแนะนำให้ติดแอร์ตัวใหญ่ บางห้องเราก็จะแนะนำให้ติดแอร์ตัวเล็ก 2 ตัว เนื่องจากมีขนาดพื้นที่เยอะมาก ถึงแม้กำลังแอร์จะดีแต่ก็จะไม่ทั่วถึง เพราะฉะนั้นเรื่องงบก็สำคัญค่ะ

และนี่คือประสบการณ์ร้านแอร์ของอาหมวยที่อยากจะแนะนำให้เพื่อนๆ รู้กันไว้ เผื่อวันนึงจะมาเป็นลูกค้าหมวยยังไงล่ะ