ภัยร้ายขนมหน้าโรงเรียนที่พ่อแม่หยิบยื่นให้ลูก!!!

21 ก.ค. 60 14:13 น. / ดู 794 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
จำได้ว่าสมัยเด็กๆ หลังโรงเรียนเลิก ขณะรอพ่อแม่มารับที่โรงเรียน จะต้องหาซื้อขนมหน้าโรงเรียนกินทุกวัน อาหารยอดฮิตหน้าโรงเรียนที่พบเจอ ก็มีตั้งแต่ลูกชิ้นปิ้น ของทอด หมูปิ้ง น้ำหวาน ฯลฯ ขนมสารพัดอย่างที่แม่ค้าทำให้เห็นและส่งกลิ่นยั่วยวนเด็กๆ ที่มองแล้วก็อยากกิน สุดท้ายก็ต้องควักเงินซื้อ
     
      ปัจจุบันนี้ก็ไม่แตกต่างเท่าไร จะมีก็คือ ร้านค้าเพิ่มมากขึ้น และมีแทบจะทุกหน้าโรงเรียน ยิ่งถ้าโรงเรียนไหนไม่มีมาตรการควบคุม ก็จะเรียงรายไปด้วยร้านค้าจำนวนมากที่ตั้งวางรถเข็นอยู่บนฟุตบาธหรือทางเท้า จนแทบไม่มีที่เดินกันเลยทีเดียว
     
      ที่จริงก็พอเข้าใจได้ เพราะหลังเลิกเรียนเป็นเวลาที่เด็กๆ มักจะหิวกันมาก เพราะตั้งแต่เช้าจรดเย็น เด็กๆต้องใช้ทั้งสมอง พลังงานในการเรียน และทำกิจกรรมระหว่างวันมากมาย พอเลิกเรียนก็ต้องเดินทางกลับบ้าน ซึ่งต้องใช้เวลานานในการฝ่าจราจรกว่าจะถึงบ้าน ทำให้อาหารหน้าโรงเรียนกลายเป็นส่วนหนึ่งของการไปรับลูกกลับจากโรงเรียนของพ่อแม่ซะแล้ว
     
      ทั้งที่ในความเป็นจริงเป็นเรื่องที่ไม่ควรสนับสนุนอย่างยิ่ง และไม่อยากให้คนเป็นพ่อแม่เป็นผู้ซื้อให้ลูกด้วยซ้ำ เพราะเท่ากับเป็นผู้ส่งภัยร้ายให้ลูกซะเอง
     
      ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ก็เคยรายงานว่า อาหารหน้าโรงเรียนส่วนใหญ่ที่ขายกันเกลื่อนเมือง ยังไม่มีมาตรฐานตรงตามที่ อย.กำหนด เช่น ลูกชิ้นทอด และอาหารทอด ที่นำน้ำมันเก่ามาใช้ หรืออาหารประเภทหมูปิ้ง และอาหารแต่งสีอันตรายทั้งหลายก็มีจำนวนมาก มีสารพิษเจือปนอยู่ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กนักเรียนอย่างมาก และได้ออกเตือนพ่อแม่ ผู้ปกครองให้หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารหน้าโรงเรียน
     
      อาหารหน้าโรงเรียนที่ขายกันเกลื่อนมีภัยอะไรบ้าง ?
     
      ประเภทแรก ของทอดทั้งหลาย บรรดาลูกชิ้นทอด ลูกชิ้นเด้ง กุ้งทอด กล้วยทอด ที่มักจะมีผงกรอบหรือผงบอแรกช์เป็นส่วนผสมอยู่ด้วย รวมทั้งผลไม้ดองบางชนิด ซึ่งทำให้อาหารกรอบอยู่ได้นาน ยังไม่นับรวมน้ำมันที่ใช้ทอดมานานโดยไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเลย
     
      สารเหล่านี้ถ้าสะสมอยู่ในร่างกายจำนวนมากจะทำให้เกิดอาการระคายเคืยง เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารอย่างรุนแรง เพราะเป็นพิษต่อเซลล์ของร่างกาย และสามารถดูดซึมสะสมอยู่ในร่างกายโดยเฉพาะอวัยวะบริเวณไต ทำให้ไตอักเสบหรือไตพิการได้
     
      ประเภทที่สอง อาหารหรือขนมหวานสีสวยทั้งหลาย เช่น ลูกชุบ ลูกกวาด ไอศกรีมแท่ง หรือแม้แต่ผลไม้ดอง มักจะมีการใส่สีเพื่อให้อาหารดูน่ากิน แม่ค้าบางคนที่เห็นแก่ได้มักจะลดต้นทุนด้วยการใช้สีย้อมผ้าแทน เพราะมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย ซึ่งสีย้อมผ้าเหล่านี้มีโลหะนำประเภทตะกั่ว แคดเมียม ปรอท ปนอยู่ด้วยเพื่อให้สีที่ย้อมติดทนนาน เมื่อนำมาผสมอาหาร โลหะหนักเหล่านี้เป็นอันตรายอย่างยิ่ง
     
      รวมไปถึงวัสดุที่ใช้ใส่อาหารด้วย เช่น ถุงกระดาษที่มีตัวหนังสือพิมพ์อยู่หรือถุงพลาสติก เมื่อนำมาใส่อาหารที่ร้อนๆ หรือมันๆ โลหะหนักก็จะละลายปนเปื้อนลงในอาหารชนิดนั้นๆ ได้ ผลที่ตามมาทำให้มีอาการซีด เลือดจาง อาจทำลายปลายประสาท และเกิดอาการเฉียบพลันได้ เช่น อาเจียน ซึม เพ้อ หรือถึงขั้นชัก หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้
     
      ประเภทที่สาม อาหารพวกปิ้งย่าง เป็นอีกชนิดหนึ่งที่เด็กๆ ชอบกิน ยิ่งจำพวกปิ้งจนเกรียมไหม้ยิ่งเป็นอันตรายมาก และเป็นสาเหตุทำให้เกิดสารก่อมะเร็งต่อร่างกาย
     
      ประเภทที่สี่ จำพวกเครื่องดื่ม พวกน้ำหวานที่ผสมในขวดโหลต่างๆ มักมีปัญหาเรื่องความไม่สะอาด มีการปนเปื้อนของเชื้อโรค นอกจากจะเป็นต้นเหตุของอาการฟันผุแล้ว ยังอาจทำให้เด็กท้องเสียหรืออาหารเป็นพิษได้
     
      ประเภทที่ห้า มลพิษจากสิ่งแวดล้อม ทั้งจากรถยนต์และสารพัดฝุ่นควันอันตรายจากสภาวะอากาศสังคมเมืองก็เป็นสาเหตุใหญ่ ที่ทำให้เด็กกินอาหารหน้าโรงเรียนแล้วเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ตามมามากมาย
     
      ทั้งห้าประเภทเป็นอาหารหน้าโรงเรียนที่พบเห็นทุกวี่วัน และเด็กๆ ก็จะเรียกร้องขอกินทุกวี่วันเช่นกัน ในขณะที่พ่อแม่ ผู้ปกครองเองก็มักตามใจ เพราะกลัวลูกหิว ยอมตามใจลูก ทั้งที่รู้ว่าอาหารบางชนิดเป็นอันตราย แต่ก็ยังประมาทและยอมซื้อให้ลูกกิน
     
      จริงอยู่วัยเด็กเป็นวัยสำคัญอย่างยิ่งที่ควรได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ และเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต คนเป็นพ่อแม่ก็ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ขณะเดียวกันหลังเลิกเรียนเด็กๆ ก็หิว ฉะนั้นถ้าพ่อแม่ตระหนักในเรื่องนี้ ก็ควรที่จะเตรียมอาหารให้ลูกน่าจะดีกว่า ถ้าเป็นแม่บ้านที่มารับลูกก็จัดเตรียมอาหารว่างติดมาให้ลูกเอง แต่ถ้าไม่มีเวลาเตรียม ก็อาจจะซื้อเป็นผลไม้ หรืออาหารว่างที่มีประโยชน์ให้กับลูก เป็นการฝึกให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ด้วย
     
      ขณะเดียวกัน โรงเรียนก็ควรมีมาตรการต่างๆ ในการช่วยเหลือนักเรียนและพ่อแม่ด้วย ควรมีมาตรการไม่ให้มีร้านค้าขายอาหารหน้าโรงเรียน เพราะเท่ากับเป็นการส่งเสริมเรื่องที่ไม่ถูก ไม่เหมาะสม และไม่เป็นประโยชน์ให้กับลูกศิษย์อีกต่างหาก
     
      อย่าลืมว่า ถ้าเด็กๆ เห็นร้านค้าหน้าโรงเรียนทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ เขาก็จะเรียนรู้ว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ เป็นเรื่องที่เหมาะสม และเห็นว่าการส่งเสริมให้ร้านค้าเหล่านี้ขายของบนฟุตบาธหรือทางเท้าที่ผู้ปกครองต้องรับเด็กกลับบ้าน ยิ่งช่วงเวลาไหนคนเยอะๆ ก็ต้องถึงขนาดลงไปเดินบนถนนก็มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้งกลายเป็นเรื่องทำได้ซะงั้น
     
      ฉะนั้น…รูปแบบชีวิตที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ผู้ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินอยู่นั้น ได้ก่อร่างสร้างลูกให้เด็กเรียนรู้ รับรู้และเติบโตขึ้นไปแบบไหน อยู่ที่การออกแบบชีวิตด้วยค่ะ
     
      แล้วเราคนเป็นพ่อแม่จะเป็นผู้หยิบยื่นภัยร้ายให้ลูกเองหรือ..!!!
ขอบคุณบทความจาก www.manageronline

กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี
เพิ่มเราเป็นเพื่อน รับข่าวสารทางไลน์ได้แล้วนะจ๊ะ
https://line.me/R/ti/p/%40pranamai
#กรมอนามัย #ส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี
##กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี #สุขภาพ
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google