ร้องว้าวหนักมาก ! เปิดตัว iPhone 8 และ iPhone X จัดเต็มฟีเจอร์ใหม่ ไร้ปุ่มโฮม
13 ก.ย. 60 17:35 น. /
ดู 906 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
เมื่อเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาบ้านเรา Apple ได้เปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ออกมาไม่ว่าจะเป็น Apple Watch ซีรีย์ 3 , Apple TV 4K รวมถึง iPhone 8 และ 8 Plus แต่ที่เป็นไฮไลท์และทุกคนเฝ้ารอคอยมากที่สุด คือ iPhone X ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษที่ทำขึ้นครบรอบ 10 ปี Apple
และในวันนี้เรามาดูกันว่า iPhone X รวมถึง iPhone 8, 8 Plus มีฟีเจอร์พิเศษตรงตามกับที่มีการคาดเดากันไว้มั้ย
เริ่มกันที่รุ่นที่ทำให้ทุกคนฮือฮา อย่าง iPhone X
รุ่นพิเศษนี้ที่ใช้ชื่อว่า iPhone X เป็นเพราะว่า X เป็นตัวแทนของเลข 10
ตัวเครื่องและการออกแบบ
ตัวเครื่องใช้พื้นผิววัสดุกระจกทั้งหน้าและหลังเหมือน iPhone 4 มีกรอบสแตนเลสครอบตัวเครื่องโดยรอบ
หน้าจอ
ใช้หน้าจอ Oled ความกว้าง 5.8 นิ้ว ซึ่งจอ Oled จะทำให้หน้าจอแสดงผลด้วยสีทีสดขึ้น อีกทั้งไม่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน อีกทั้งจอภาพที่เป็น HDR ทำให้การดูหนังหรือรูปถ่าย ภาพจะออกมาดูคมชัดสวยงามกว่าเดิม
แถมโหมดใหม่อย่าง TrueTone Display ที่มีใน iPad Pro ที่สามารถปรับสภาพสีและแสงของจอ ให้สอดคล้องกับสภาพแแวดล้อม รวมทั้งฟีเจอร์อย่าง Tap to wake ที่เราแค่แตะไปที่หน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการเปิดใช้งานในขณะหน้าจอล็อกอยู่
กล้อง
กล้องหน้า TrueDepth ที่มีความละเอียด 7 MP สามารถวัดระยะวัตถุร่วมกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ทำให้ถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดมากกว่าเดิม และกล้องหน้า TrueDepth ยังแฝงไปด้วยเซนเซอร์การสแกนใบหน้า,ไมค์ ฯลฯ
สแกนใบหน้า Face ID
ฟีเจอร์นี้มาแทน Touch ID เนื่องจาก iPhone X ตัดปุ่ม Home ออกไป โดยเทคโนโลยี Face ID นี้จะใช้กล้องหน้า TrueDepth
การสแกนใบหน้าทำได้โดย ยก iPhone X ขึ้นมา มองไปที่หน้าจอ และเราต้องลืมตาเท่านั้นระบบถึงจะสแกนใบหน้าของเรา
อีกทั้งระบบยังเรียนรู้และแยกแยะจดจำใบหน้าผู้ใช้งาน แถมสแกนได้แม้อยู่ในที่มืดเพราะอินฟาเรดของกล้องหน้า
กล้องหลัง
กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง 12MP f/1.8 และ f/2.4 โดยเลนส์ทั้งคู่มีระบบกันภาพสั่น (OIS) ใช้เซ็นเซอร์ใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้น ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
โหมดถ่ายภาพใหม่
เนื่องจากมีกล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง ทำเราให้สนุกกับโหมดถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง
- Animoji คือ Emoji ที่เปลี่ยนไปตามการขยับใบหน้าของเราได้ (อันนี้น่ารักง้ะ)
- Portrait Selfie กล้องหน้า TrueDepth ทำให้สามารถถ่ายภาพโหมดบุคคลโดยการเซลฟี่ได้
AirPower แท่นชาร์จไร้สาย
แท่นชาร์จไร้สายอุปกรณ์นี้ ชาร์จได้ทั้ง iPhone X, Apple Watch, AirPods โดย AirPower จะเปิดขายปี 2018 (เออแล้วถ้าเป็นงี้หมายความว่าซื้อ iPhone X และก็ต้องซื้อแท่นชาร์จเองตังหากใช่ป่ะ)
ชิพ A11 Bionic ที่ทำให้การทำงานไวประหยัดพลังงานมากขึ้น
ชิพ A11 Bionic ของ iPhone X จะมี ประสิทธิภาพแรงมากกว่า A10X 2 เท่า ประหยัดพลังงานกว่า และใช้ CPU แบบ 6-Core
การใช้งานแบบไม่มีปุ่ม Home
ถ้าจะเรียกใช้งาน Control Center ต้องลากจากมุมบนขวา และย้อนมาหน้า Home ด้วยการปัดหน้าจอขึ้น
เปิด Multitasking ทำได้โดยแตะค้างไว้ปัดขึ้นเพื่อกลับไปหน้า Home
ถ้าจะเรียก Siri ก็กดปุ่ม Power ค้างไว้
ความจุ
มีอยู่ 2 ความจุ คือ 64GB และ 256GB
มี 2 สี
ราคา
iPhone X 64GB ประมาณ 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 33,000 บาท)
iPhone X 256GB ประมาณ 1,149 ดอลลาร์ (ประมาณ 38,000 บาท )
วันเปิดจำหน่าย
วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2017
วันเปิดจอง (Pre-Order) : 27 ต.ค. 2017
วันเปิดขายวันแรก : 3 พ.ย. 2017
วันเปิดขายในไทยวันแรก : ยังไม่แน่ชัด
ฮือแบบนี้สิ สมกับที่ทุกคนรอคอย อยากด้ายแงๆๆ แต่ราคาสูงเหลือเกิน
ไหนมาดูที่ iPhone 8, 8 Plus กันบ้าง
รูปลักษณ์ภายนอกและขนาดหน้าจอเหมือน iPhone 7, 7 Plus และยังมีปุ่ม Home เช่นเดิม แต่มีการอัพเกรดสเปคภายใน รวมถึงเปลี่ยนวัสดุของตัวเครื่องเป็นวัสดุกระจกเพื่อรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
และแน่นอนฟีเจอร์กันน้ำ IP67 ต้องมา
iPhone 8, 8 Plus ใช้กล้องหลังความละเอียด 12MP มีฟิลเตอร์ใหม่ๆ และกันภาพสั่น ต่างที่ 8 Plus มีกล้องสองตัว
รวมถึง มีการใช้ AI และ Machine Learning มาช่วยให้การถ่ายภาพบุคคล ได้สวยงามมากยิ่งขึ้น
และสามารถถ่ายวีดีโอแบบ 4K 60p รวมทั้ง ถ่ายวิดีโอ Slo-Mo ความละเอียด 1080 240p
ส่วนสี มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี
ราคา
iPhone 8
iPhone 8 64GB 699 ดอลลาร์ (23,131บาท)
iPhone 8 256GB 849 ดอลลาร์ (28,095 บาท)
iPhone 8 Plus
iPhone 8 Plus 64GB 799 ดอลลาร์ (26,441 บาท)
iPhone 8 Pluss 256GB 949 ดอลลาร์ (31,405 บาท)
วันเปิดตัวและเปิดจำหน่าย
วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2017 (ยืนยันแล้ว)
วันเปิดจอง (Pre-Order) : 15 ก.ย. 2017
วันเปิดขายวันแรก : 22 ก.ย. 2017 (ยืนยันแล้ว)
วันเปิดขายในไทยวันแรก : 27 ต.ค. 2017 (คาดการณ์)
ขอบคุณข้อมูล
iphonemod
Thematter
เริ่มกันที่รุ่นที่ทำให้ทุกคนฮือฮา อย่าง iPhone X
รุ่นพิเศษนี้ที่ใช้ชื่อว่า iPhone X เป็นเพราะว่า X เป็นตัวแทนของเลข 10
ตัวเครื่องและการออกแบบ
ตัวเครื่องใช้พื้นผิววัสดุกระจกทั้งหน้าและหลังเหมือน iPhone 4 มีกรอบสแตนเลสครอบตัวเครื่องโดยรอบ
หน้าจอ
ใช้หน้าจอ Oled ความกว้าง 5.8 นิ้ว ซึ่งจอ Oled จะทำให้หน้าจอแสดงผลด้วยสีทีสดขึ้น อีกทั้งไม่ทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน อีกทั้งจอภาพที่เป็น HDR ทำให้การดูหนังหรือรูปถ่าย ภาพจะออกมาดูคมชัดสวยงามกว่าเดิม
แถมโหมดใหม่อย่าง TrueTone Display ที่มีใน iPad Pro ที่สามารถปรับสภาพสีและแสงของจอ ให้สอดคล้องกับสภาพแแวดล้อม รวมทั้งฟีเจอร์อย่าง Tap to wake ที่เราแค่แตะไปที่หน้าจอ 2 ครั้ง เพื่อเป็นการเปิดใช้งานในขณะหน้าจอล็อกอยู่
กล้อง
กล้องหน้า TrueDepth ที่มีความละเอียด 7 MP สามารถวัดระยะวัตถุร่วมกับเซ็นเซอร์ต่างๆ ทำให้ถ่ายเซลฟี่ได้คมชัดมากกว่าเดิม และกล้องหน้า TrueDepth ยังแฝงไปด้วยเซนเซอร์การสแกนใบหน้า,ไมค์ ฯลฯ
สแกนใบหน้า Face ID
ฟีเจอร์นี้มาแทน Touch ID เนื่องจาก iPhone X ตัดปุ่ม Home ออกไป โดยเทคโนโลยี Face ID นี้จะใช้กล้องหน้า TrueDepth
การสแกนใบหน้าทำได้โดย ยก iPhone X ขึ้นมา มองไปที่หน้าจอ และเราต้องลืมตาเท่านั้นระบบถึงจะสแกนใบหน้าของเรา
อีกทั้งระบบยังเรียนรู้และแยกแยะจดจำใบหน้าผู้ใช้งาน แถมสแกนได้แม้อยู่ในที่มืดเพราะอินฟาเรดของกล้องหน้า
กล้องหลัง
กล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง 12MP f/1.8 และ f/2.4 โดยเลนส์ทั้งคู่มีระบบกันภาพสั่น (OIS) ใช้เซ็นเซอร์ใหม่มีขนาดใหญ่ขึ้น ถ่ายภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น
โหมดถ่ายภาพใหม่
เนื่องจากมีกล้องหน้า TrueDepth และกล้องหลัง 2 ตัวแนวตั้ง ทำเราให้สนุกกับโหมดถ่ายภาพมากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่าง
- Animoji คือ Emoji ที่เปลี่ยนไปตามการขยับใบหน้าของเราได้ (อันนี้น่ารักง้ะ)
- Portrait Selfie กล้องหน้า TrueDepth ทำให้สามารถถ่ายภาพโหมดบุคคลโดยการเซลฟี่ได้
AirPower แท่นชาร์จไร้สาย
แท่นชาร์จไร้สายอุปกรณ์นี้ ชาร์จได้ทั้ง iPhone X, Apple Watch, AirPods โดย AirPower จะเปิดขายปี 2018 (เออแล้วถ้าเป็นงี้หมายความว่าซื้อ iPhone X และก็ต้องซื้อแท่นชาร์จเองตังหากใช่ป่ะ)
ชิพ A11 Bionic ที่ทำให้การทำงานไวประหยัดพลังงานมากขึ้น
ชิพ A11 Bionic ของ iPhone X จะมี ประสิทธิภาพแรงมากกว่า A10X 2 เท่า ประหยัดพลังงานกว่า และใช้ CPU แบบ 6-Core
การใช้งานแบบไม่มีปุ่ม Home
ถ้าจะเรียกใช้งาน Control Center ต้องลากจากมุมบนขวา และย้อนมาหน้า Home ด้วยการปัดหน้าจอขึ้น
เปิด Multitasking ทำได้โดยแตะค้างไว้ปัดขึ้นเพื่อกลับไปหน้า Home
ถ้าจะเรียก Siri ก็กดปุ่ม Power ค้างไว้
ความจุ
มีอยู่ 2 ความจุ คือ 64GB และ 256GB
มี 2 สี
ราคา
iPhone X 64GB ประมาณ 999 ดอลลาร์ (ประมาณ 33,000 บาท)
iPhone X 256GB ประมาณ 1,149 ดอลลาร์ (ประมาณ 38,000 บาท )
วันเปิดจำหน่าย
วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2017
วันเปิดจอง (Pre-Order) : 27 ต.ค. 2017
วันเปิดขายวันแรก : 3 พ.ย. 2017
วันเปิดขายในไทยวันแรก : ยังไม่แน่ชัด
ฮือแบบนี้สิ สมกับที่ทุกคนรอคอย อยากด้ายแงๆๆ แต่ราคาสูงเหลือเกิน
ไหนมาดูที่ iPhone 8, 8 Plus กันบ้าง
รูปลักษณ์ภายนอกและขนาดหน้าจอเหมือน iPhone 7, 7 Plus และยังมีปุ่ม Home เช่นเดิม แต่มีการอัพเกรดสเปคภายใน รวมถึงเปลี่ยนวัสดุของตัวเครื่องเป็นวัสดุกระจกเพื่อรองรับการชาร์จแบบไร้สาย
และแน่นอนฟีเจอร์กันน้ำ IP67 ต้องมา
iPhone 8, 8 Plus ใช้กล้องหลังความละเอียด 12MP มีฟิลเตอร์ใหม่ๆ และกันภาพสั่น ต่างที่ 8 Plus มีกล้องสองตัว
รวมถึง มีการใช้ AI และ Machine Learning มาช่วยให้การถ่ายภาพบุคคล ได้สวยงามมากยิ่งขึ้น
และสามารถถ่ายวีดีโอแบบ 4K 60p รวมทั้ง ถ่ายวิดีโอ Slo-Mo ความละเอียด 1080 240p
ส่วนสี มีด้วยกันทั้งหมด 3 สี
ราคา
iPhone 8
iPhone 8 64GB 699 ดอลลาร์ (23,131บาท)
iPhone 8 256GB 849 ดอลลาร์ (28,095 บาท)
iPhone 8 Plus
iPhone 8 Plus 64GB 799 ดอลลาร์ (26,441 บาท)
iPhone 8 Pluss 256GB 949 ดอลลาร์ (31,405 บาท)
วันเปิดตัวและเปิดจำหน่าย
วันเปิดตัว : 12 ก.ย. 2017 (ยืนยันแล้ว)
วันเปิดจอง (Pre-Order) : 15 ก.ย. 2017
วันเปิดขายวันแรก : 22 ก.ย. 2017 (ยืนยันแล้ว)
วันเปิดขายในไทยวันแรก : 27 ต.ค. 2017 (คาดการณ์)
ขอบคุณข้อมูล
iphonemod
Thematter
แก้ไขล่าสุด 13 ก.ย. 60 17:37 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google