การถือหุ้น AOT ของกลุ่มตระกูลศรีวัฒนประภา รวมกันแล้วได้แค่ 1% กว่าๆ แล้วทำไมถึงเขียนข่าวเล่นใหญ่ขนาดนี้หละครับ
17 ธ.ค. 60 21:53 น. /
ดู 395 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
สวัสดีครับ ผมขอเล่าที่มาที่ไหนของความข้องใจของผมก่อน ต้องออกตัวก่อนเลยว่าชั่วโมงบินในเรื่องหุ้นนั้นยังไม่ค่อยเยอะสักเท่าไหร่ แล้วส่วนตัวก็มีความสนใจหุ้น AOT เลยทำการหาข้อมูลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปพบข่าวจากฐานเศรษฐกิจ ที่บอกว่า แฉตระกูล ศรีวัฒนประภา เจ้าของ คิงเพาเวอร์ ถือหุ้น AOT รวมกันเป็นอันดับ 3 หรือ 20.51 ล้านหุ้น มูลค่าล่าสุด 1.2 พันล้าน ท่ามกลางการคว้างานชิ้นใหญ่ใน AOT อย่างต่อเนื่อง หมิ่นเหม่กับผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่างเอกชนกับรัฐ
https://web.facebook.com/thansettak.........5584680/?type=3
การอ่านจากพาดหัวข่าวอย่างเดียวก็จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับการเล่นใหญ่ แต่พอตั้งสติได้ผมก็เลยไปเปิด Settrade ดูเลย ปรากฏว่ามูลค่าหุ้นของตระกูลศรีวัฒนประภามันมีอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่จริงๆ ครับ มูลค่าก็ตามพาดหัวข่าวนั่นเลย 21.52 ล้านบาท แต่!!!! ถ้าลองมาดูสัดส่วนที่ตระกูลศรีวัฒนประภาถือคือ 0.80% กับ 0.63% รวมกันแล้วได้ 1.43% เมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้นใหญ่แบบกระทรวงการคลังที่ถือไว้ 70% ทำให้การถือหุ้นของตระกูลศรีวัฒนประภานี่ดูกระจอกไปเลยนะครับ มันไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรในการกำหนดนโยบาย หรือมีบทบาทขับเคลื่อนองค์กรได้เลย เพราะฉะนั้นการนำเสนอข่าวแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอครับ?
ผมว่าในบทบาทของความเป็นสื่อควรที่จะมีจรรยาบรรณในการเขียนข่าวมากกว่านี้ คนที่เขามีความรู้เรื่องหุ้นอยู่แล้วก็พอจะมองออกหรอก ว่ามันเป็นเรื่องที่เหมือนจะไร้สาระ แต่ถ้ามองกลับออกมาในมุมของประชาชนทั่วไปการเขียนข่าวแบบนี้อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะที่มีการเชื่อมโยงไปถึงเรื่องผลประโยชน์ระหว่างองค์กรรัฐวิสาหกิจ (การท่าอากาศยาน) กับเอกชน (คิงเพาเวอร์) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการไปฟ้องศาลทุจริตแล้วก็ออกข่าวว่าศาลรับฟ้องแล้วแล้วสื่อเจ้าเดิมนี่แหละครับ ก็ไปออกข่าวว่าศาลประทับรับฟ้องเรียบร้อย แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามมาทีหลังก็คือศาลทุจริตยังไม่ได้รับฟ้องใดๆ ศาลทุจริตเพียงแค่รับสำนวนเอาไว้เพื่อทำการไต่สวนพยานหลักฐานทั้งเอกสารและตัวบุคคลเท่านั้น
อ่านเสร็จก็คอตกเหนื่อยหน่ายกับสื่อที่เริ่มจะหาความเป็นกลางได้ยากขึ้นทุกวันๆ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หน้าที่ในการรับสื่อ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักลงทุนหรือประชาชนทั่วไป ก็ต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วนอย่ารีบบุ่มบ่ามตัดสินใจ และอย่าเลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกจริตเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าจะให้มันสมบูรณ์แบบกว่านี้ทั้งผู้ส่งสาร (สื่อ) และผู้รับสารควรมีสติไม่ควรมีอคติแอบแฝงใดๆ หรือถ้ามีก็ต้องมองให้ออกครับว่าพวกเขาได้เหน็บนัยยะทิ้งท้ายอะไรไว้ให้เราเชื่อมโยงเล่นๆ หรือป่าว
การอ่านจากพาดหัวข่าวอย่างเดียวก็จะทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นไปกับการเล่นใหญ่ แต่พอตั้งสติได้ผมก็เลยไปเปิด Settrade ดูเลย ปรากฏว่ามูลค่าหุ้นของตระกูลศรีวัฒนประภามันมีอยู่ในรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่จริงๆ ครับ มูลค่าก็ตามพาดหัวข่าวนั่นเลย 21.52 ล้านบาท แต่!!!! ถ้าลองมาดูสัดส่วนที่ตระกูลศรีวัฒนประภาถือคือ 0.80% กับ 0.63% รวมกันแล้วได้ 1.43% เมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้นใหญ่แบบกระทรวงการคลังที่ถือไว้ 70% ทำให้การถือหุ้นของตระกูลศรีวัฒนประภานี่ดูกระจอกไปเลยนะครับ มันไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรในการกำหนดนโยบาย หรือมีบทบาทขับเคลื่อนองค์กรได้เลย เพราะฉะนั้นการนำเสนอข่าวแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอครับ?
ผมว่าในบทบาทของความเป็นสื่อควรที่จะมีจรรยาบรรณในการเขียนข่าวมากกว่านี้ คนที่เขามีความรู้เรื่องหุ้นอยู่แล้วก็พอจะมองออกหรอก ว่ามันเป็นเรื่องที่เหมือนจะไร้สาระ แต่ถ้ามองกลับออกมาในมุมของประชาชนทั่วไปการเขียนข่าวแบบนี้อาจจะเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะที่มีการเชื่อมโยงไปถึงเรื่องผลประโยชน์ระหว่างองค์กรรัฐวิสาหกิจ (การท่าอากาศยาน) กับเอกชน (คิงเพาเวอร์) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการไปฟ้องศาลทุจริตแล้วก็ออกข่าวว่าศาลรับฟ้องแล้วแล้วสื่อเจ้าเดิมนี่แหละครับ ก็ไปออกข่าวว่าศาลประทับรับฟ้องเรียบร้อย แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตามมาทีหลังก็คือศาลทุจริตยังไม่ได้รับฟ้องใดๆ ศาลทุจริตเพียงแค่รับสำนวนเอาไว้เพื่อทำการไต่สวนพยานหลักฐานทั้งเอกสารและตัวบุคคลเท่านั้น
อ่านเสร็จก็คอตกเหนื่อยหน่ายกับสื่อที่เริ่มจะหาความเป็นกลางได้ยากขึ้นทุกวันๆ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ หน้าที่ในการรับสื่อ ไม่ว่าจะเป็นตัวนักลงทุนหรือประชาชนทั่วไป ก็ต้องพิจารณาถึงข้อเท็จจริงให้ถี่ถ้วนอย่ารีบบุ่มบ่ามตัดสินใจ และอย่าเลือกเชื่อในสิ่งที่ถูกจริตเพียงอย่างเดียว แต่ถ้าจะให้มันสมบูรณ์แบบกว่านี้ทั้งผู้ส่งสาร (สื่อ) และผู้รับสารควรมีสติไม่ควรมีอคติแอบแฝงใดๆ หรือถ้ามีก็ต้องมองให้ออกครับว่าพวกเขาได้เหน็บนัยยะทิ้งท้ายอะไรไว้ให้เราเชื่อมโยงเล่นๆ หรือป่าว
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google