ตั๊ก บงกช เล่าหมดเปลือกเรื่องคุณแม่และสามี

"ตั๊ก - บงกช เบญจรงคกุล" นางเอกสาวที่แจ้งเกิดจนเป็นที่รู้จักด้วยวัยเพียง 15 ปี และมีผลงานในวงการบันเทิงอย่างต่อเนื่อง เธอกลับมามีกระแสอีกครั้ง เมื่อประกาศหมั้นและแต่งงานกับนักธุรกิจรุ่นใหญ่มหาเศรษฐีหมื่นล้านอย่าง "ใหญ่ - บุญชัย เบญจรงคกุล" หรือ เจ้าสัวบุญชัย แต่มรสุมชีวิตยังไม่จบเพียงเท่านี้เพราะ "เล็ก - ธนาภา ชีพนุรัตน์" คุณแม่ของสาว ตั๊ก ได้ล้มป่วยและเสียชีวิตในวันเกิดของเธอ โดยที่เธอยังไม่มีโอกาสได้ร่ำลาคุณแม่เลย โดย ตั๊ก และสามีได้มาเปิดใจในรายการ "คุยแซ่บ Show" งานนี้ ตั๊ก ได้ตอบทุกคำถามแบบชัดเจน ถ้า ตั๊ก ไม่มีคุณแม่ ตั๊ก จะไม่ได้แต่งงานกับเจ้าสัวใช่ไหม
ตั๊ก "ไม่จริง ตั๊กมีนักธุรกิจมาจีบเยอะมาก แม่ไม่เคยให้ยุ่งเลย มีแต่หวง อยากจะให้ทำงาน"

ทำไมคุณแม่ถึงหวงขนาดนั้น
ตั๊ก "ตั๊กไม่รู้ แม่อยากให้ตั๊กอยู่กับแม่ตลอด ไม่อยากให้อยู่กับใคร"

คุณแม่ไม่อยากให้เราเจ็บเหมือนเขาหรือเปล่า
ตั๊ก "อาจจะใช่ วันที่คุณบุญชัยไปขอตั๊ก เขายังบอกเลยว่าอย่าแต่ง อย่าหมั้นเลย เพราะหนังเรื่อง จันดารา ก็สร้างชื่อเสียงให้กับเราแล้ว เรากำลังจะมีละครกับช่องๆ หนึ่ง ซึ่งเราเลี้ยงตัวเราเองได้ แม่ไม่ได้ต้องการให้ตั๊กแต่งงานกับคุณบุญชัย มีแต่บอกว่าอย่าเพิ่งแต่ง ให้ใช้ชีวิตเป็นสาวไปก่อน เรียนรู้กันไปก่อน"

คุณแม่อยากให้เป็นดาราใช่ไหม
ตั๊ก "แม่เป็นคนพาไปแคสติ้งที่กันตนาแล้วเขาก็ถามคนที่ไปว่ารู้จักโมเดลลิ่งบ้างไหม ตั๊กก็ถามแม่ว่า ทำไมมั่นใจจังว่าตั๊กจะเป็นดาราได้ เพราะว่าตั๊กอยากเป็นทหารหญิง อยากเรียนหนังสือ แล้วแม่ก็บอกว่าแกจะต้องเป็นดารา ความฝันเขาคืออยากให้ตั๊กเข้าวงการบันเทิงเพราะว่าเขาชอบ แล้วอีกอย่างคือแม่เขาชอบไปหาอาจารย์ เป็นโหรที่อยู่ในวังแล้วเขาเกษียณออกมาเพราะอายุมากแล้ว"

เขาฟันธงว่าอย่างไร
ตั๊ก "เขาก็บอกว่าตั๊กมีดวงดาวสี่ดวง เป็นคนที่ไม่เป็นดาราก็เป็นนางงาม ถ้าเป็นดาราก็จะดังเป็นพลุแตกเลย"

คุณแม่ขายร้านเพื่อไปตาม ตั๊ก เลยใช่ไหม
ตั๊ก "ตอนนั้นแม่เปิดร้านอาหารตามสั่ง เป็นร้านเล็กๆ เราจะเป็นคนไปส่งอาหารที่ตึกนักศึกษาด้านหลัง แม่บอกว่าวันนี้เขาเรียกตั๊กไปแคสติ้งโฆษณา คือเขาโทรมาฉุกเฉินมาก แต่แม่ซื้อผัก ซื้อหมู ซื้อปลา ซื้อไก่ไว้หมดแล้ว แต่แม่ก็ต้องปิดร้านเพื่อพาไปแคสต์ พอเราไปแคสต์ เขาก็มีแต่ลูกครึ่ง หุ่นดี ขาเรียว ซึ่งเราขาใหญ่มาก แล้วเขาจะให้เราไปแคสต์เกี่ยวกับครีม แต่ก็ได้"

ใช้เวลานานไหมกว่าจะได้บทเด็ดๆ
ตั๊ก "หลายปี แล้วเงินที่เดินทางไปแคสติ้ง แม่ต้องไปยืมเงินเขามา แต่ไม่บ่นเลย ไม่ท้อเลย ถึงท้อก็ไม่เคยพูด แต่ตั๊กแอบร้องไห้แล้วทะเลาะกับเขานะ พูดกับแม่ว่าแม่ต้องไปยืมเขามาเพื่อพาตั๊กไปแคสติ้ง แล้วก็ไม่ได้ แล้วแม่ก็ปิดร้าน ของที่ร้านก็เน่า ขาดทุน บางทีต้องย้ายที่อยู่เพราะติดค่าเช่าเขาหลายเดือน คือตั๊กไม่ไปแล้ว แต่แม่บอกให้ไปเพราะเราเคยได้ แล้วเรามีเงินมาจุนเจือครอบครัวเรา เพราะเขาไม่ง้อพ่อเลย เขาเอาตั๊กออกมาจากตระกูล คงมาลัย ไม่เคยพาตั๊กกลับไปหาญาติพี่น้องพ่อเลย แล้วแม่ก็พาไปอีก ทีนี้ตั๊กบอกว่าไม่ไปแน่นอน แม่ก็ใช้ไม้แขวนเสื้อตี ตั๊กไม่ไปเพราะตั๊กไปบางทีก็ถูกว่าต่อหน้าคนอื่นเพราะตั๊กเล่นไม่ได้ แล้ววันที่โดนตีคือวันที่แคสติ้ง บางระจัน พอกลับมาบ้านไม่กี่วันเขาก็โทรมาบอกว่าตั๊กได้เล่นนะ หลังจากนั้นก็มีงานแสดงเข้ามาเรื่อยๆ แม่ก็เลิกทำร้านมาตามตั๊กอย่างเดียว"

ย้อนกลับไปตอนคุณแม่ป่วย นานไหมกว่าคุณแม่จะจากเราไป
ตั๊ก "ประมาณ 1 ปี 7 เดือน วันนั้นแม่เส้นเลือดในสมองตีบ เราเลยพาส่งโรงพยาบาลใกล้ๆ แต่โรงพยาบาลใกล้ๆ ไม่มีเครื่องมือที่จะรักษาแม่ได้ ซึ่งคนเป็นเส้นเลือดในสมองตีบต้องใช้เวลารักษาเร็วมาก ซึ่งแม่ชี้ไปที่หัวตลอด ส่วนตั๊กก็ร้องไห้ตลอด ร้องเป็นเด็กเลย แม่ก็พูดออกมาว่าอย่าร้องไห้ แม่ไม่เป็นอะไร นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน"

วันที่คุณแม่เสียเป็นอย่างไรบ้าง
ตั๊ก "วันนั้นเป็นวันเกิดตั๊กเลยค่ะ 15 เมษา แม่มีอาการเลือดไหลในลำไส้ พยาบาลก็โทรมาว่าจะให้เรียกรถเลยไหม เลือดออกเยอะมาก ตั๊กก็บอกว่าให้เรียกรถพยาบาลเลย ทีนี้แม่ตั๊กเขามีเชื้อแขกขาวเลือดจะเป็นกรุ๊ปเอบีเนกาทีฟซึ่งหายาก ทางโรงพยาบาลบอกว่าเลือดที่มีมันไม่พอ เลยให้มอเตอร์ไซค์วิ่งไปเอาที่สภากาชาด ระหว่างที่เราเดินทางเขาก็ถามว่าจะปั๊มหัวใจไหม ด้วยความที่เราเคยปั๊มให้กลับมาทีหนึ่งแล้วเราก็เลยบอกว่าปั๊มค่ะ พอเราไปถึงเขาให้เรานั่งรออยู่ข้างนอก แต่ด้วยความที่เรารู้สึกว่าเขาทำอะไรกันอยู่ทำไมดูวุ่นวายจัง เลยเดินตรงเข้าไปเลย พยาบาลก็ห้ามไม่ให้เข้า

ภาพที่เห็นคือทุกคนรุมแม่ 6 คน แล้วเราก็มองเลือด แล้วก็มองแม่ แม่ถูกปั๊มหัวใจอยู่ตลอด เราก็แหงนดูมอนิเตอร์ ไม่มีเคลื่อนอะไรเลย ตาแม่ก็ลืมอยู่ เลือดไหลออกจากปาก จมูก หู เราก็รู้แล้วว่าแม่ทวารแตก แล้วก็พูดกับแม่ว่า แม่หนูขออโหสิกรรมนะ ถ้ากรรมใดที่หนูเคยทำให้แม่เสียใจ ทุกข์ใจ แม่อโหสิกรรมให้ได้ไหม พี่ใหญ่เขาก็บอกเราว่าให้เราเอาเสื้อมาเปลี่ยนให้แม่เพราะเดี๋ยวแม่จะตัวแข็ง แล้ววันนั้นเป็นวันสงกรานต์ รถก็ติด ทำให้เรานึกถึงวันที่แม่เล่าว่าวันที่เขาคลอดตั๊ก เขานั่งอยู่บนสามล้อเจ็บท้องมาก รถก็ติด คนเขาเล่นน้ำกัน แล้ววันนั้นเราไปเอาเสื้อผ้าให้แม่ คนเล่นน้ำกัน รถติดมาก ทำให้เรานึกถึงวันที่แม่เล่าให้ฟัง"

ถ้ามีโอกาสได้บอกลาคุณแม่ อยากจะบอกอะไรคุณแม่
ตั๊ก "อยากจะบอกแม่ว่า ตั๊กไม่รู้ว่าแม่จะจากตั๊กไปเร็วขนาดนี้ ถ้าหากตั๊กรู้ ตั๊กจะใช้เวลาอยู่กับแม่มากกว่านี้ ชาติหน้าถ้ามีจริง ถ้าตั๊กได้เกิดมาอีก ขอเกิดเป็นลูกแม่และตั๊กขอตั้งจิตอธิษฐานจะไม่ทำให้แม่ต้องช้ำใจ เสียใจด้วยเรื่องอะไรทั้งนั้น ขอให้ตั๊กมีปัญญาตั้งแต่เด็ก ตั๊กจะได้ไม่เดินทางผิด แม่จะได้ไม่ต้องปวดหัวเพราะตั๊ก แม่จะได้ภูมิใจในตัวตั๊กตั้งแต่เด็กๆ"


ตอนนี้ชีวิต ตั๊ก เหลือแค่เจ้าสัวคนเดียว
เจ้าสัวบุญชัย "ครับ มีเวลาเหลือเท่าไรก็จะสอนให้เขารู้จักชีวิต รู้จักความเข้มแข็งในทุกด้าน เพราะว่าเขาจะต้องเป็นโค้ชให้กับข้าวหอมต่อไป ก็ไม่มีอะไรที่ทำให้เขากังวล นอกจากพวกโซเชียลมีเดีย

ตั๊ก "ตั้งแต่เราแต่งงานเรารู้ว่าพี่ใหญ่เขาก็เป็นที่พึ่งให้กับลูกๆ ของเขาเอง เราเองก็ไม่อยากเป็นภาระ อันไหนเราทำได้เราก็ทำ เราตัดสินใจเองได้เราก็ทำ เพราะเรารู้ว่าพี่ใหญ่เขาก็รับผิดชอบเองเยอะ พอเราเรียนธรรมะ เรารู้เลยว่าสุดท้ายแล้วเราไปแค่เราคนเดียว วันที่แม่ตั๊กไปเนี่ย เราใส่สร้อย แหวน นาฬิกาให้แม่ คนที่จะเอาแม่เข้าโลงเขาบอกว่าเอาออกเถอะ เราก็รู้สึกว่ามนุษย์เราเอาไปไม่ได้เลย นอกจากความดี บุญ คือจากนี้ไปเราไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากให้เรามีความสุข"

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ อยากจะแก้ไขอะไรที่เกี่ยวกับคุณแม่ไหม
ตั๊ก "ตั๊กเคยคิดว่าอยากย้อนเวลากลับไป แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่ถ้าคิดว่าจะทำวันข้างหน้าให้ดีที่สุด ตั๊กคิดว่าตั๊กจะเลี้ยงลูกให้ดี จะดำเนินชีวิตคู่ให้แข็งแรง คือตั๊กเคยมาปรึกษาแม่ เพราะตอนนั้นตั๊กมีปัญหาเรื่องความห่างของอายุว่าหนูไม่ไหวแล้ว หนูอยากจะเลิก แม่ก็บอกว่าตั๊กลองคิดดูนะว่าผู้ชายคนไหนจะมาเอาผู้หญิงที่มีลูกแล้ว เป็นหม้าย คำว่าแม่หม้ายของผู้หญิงไทยเรื่องใหญ่นะ"

ถามเรื่องน้ำหนักหน่อย
ตั๊ก "แม่เสียไม่นาน ตั๊กก็รู้สึกว่าอาการตั๊กเริ่มไม่ดี เพราะตั๊กเสียใจมาก ร้องไห้ทุกวัน พี่ใหญ่ก็บอกว่าตั๊กยังมีลูก มีครอบครัวนะ ถ้าเป็นแบบนี้ลูกจะพึ่งใคร ตั๊กขอพี่ใหญ่ไปบวชที่อินเดีย พี่ใหญ่ก็บอกว่าถ้าตั๊กไปแล้วลูกล่ะ ตั๊กต้องตั้งสตินะ เพราะยังไงวันหนึ่งคนเราก็ต้องตาย ตั๊กก็ยังซึมเศร้าอยู่เพราะอดีตมันทำให้เรานึกถึงแม่ แล้วมันก็กลายเป็นว่าพอเราลุกขึ้นมาแล้วเหมือนบ้านหมุน ตาฝ้าฟาง หมอเขาเลยให้ยาแก้เครียดมาแล้วมันมีสเตียรอยด์มันทำให้อยากกินข้าว แล้วก็กินหนักเลย จนรู้สึกว่าหัวใจเต้น มือสั่น เหงื่อออกแต่หนาว ก็เลยไปหาหมอ หมอเดียวกับแม่เลย หมอเบาหวาน หมอบอกว่าเราใกล้จะเป็นเบาหวานแล้วนะ ถ้ายังไม่ลดน้ำหนักหรือไม่ลดการกิน น้ำตาลตอนที่ตรวจมัน 400 ซึ่งคนปกติไม่เกิน 120 หมอก็เลยจะจ่ายยาเบาหวานให้เรากิน เราบอกว่าเราไม่เอา เพราะถ้ากินต้องกินไปตลอด หมอเลยบอกให้เราออกกำลังกายและควบคุมอาหาร เลิกกินหวาน"

ตอนนั้น 87 กิโลกรัม ตอนนี้เท่าไรแล้ว
ตั๊ก "ตอนนี้เหลือ 60 กิโลกรัม"

ตั๊ก เคยคิดว่าจะเลิกกับสามีใช่ไหม
ตั๊ก "เป็นเพราะว่าอายุเราห่างกันมากค่ะ แม้กระทั่งยาสีฟันเราก็ใช้กันคนละยี่ห้อ แปรงสีฟันเราก็ยังความเห็นไม่ตรงกัน ขนาดหมอนเราก็ยังนอนต่างกัน เราก็เลยมาคิดว่าเราต่างกันมาจริงๆ นะ"

อยากจะเลิกกันด้วยเรื่องเหล่านี้หรือ
ตั๊ก "มันก็มีเรื่องใหญ่ๆ นะ ตั้งแต่เรามาเป็นภรรยาเขา ด้วยความที่เราอายุน้อยกว่าเขา มันก็จะมีความเสียเปรียบในเรื่องของการตัดสินใจ บางเรื่องตั๊กบอกว่าตั๊กทำได้ อย่างเช่นเรื่องเลี้ยงลูก เขาก็จะให้คนสนิทเขามาอยู่กับเรา ตั๊กก็บอกว่าตั๊กอุ้มท้องเขามาตั้ง 9 เดือน เขายังอยู่ในท้องได้เลย ทำไมตอนนี้ตั๊กจะเลี้ยงเขาไม่ได้ เขาก็เลยพูดมาว่าตั๊กเพิ่งมีลูกคนเดียว แต่พี่มีลูกมาแล้ว 5 คน พี่มีประสบการณ์ ก็เลยรู้สึกว่าการออกความเห็นทำให้เสียงเราตกลง"

ตอนนี้ดีหรือยัง
ตั๊ก "ก็ดีขึ้น เพราะเรามองในแง่ดี เพราะเขาเป็นห่วงเรา แล้วอีกอย่างที่สำคัญคือเขามีพระคุณกับเรา อย่างตอนที่เราท้อง เราอ้วกตอนกลางคืนเขาก็เช็ดอ้วกให้เรา เขานวดขาให้เราตอนเป็นตะคริว มันทำให้เราลืมเรื่องบางเรื่องไปได้เลยค่ะ อย่างตอนแม่เราป่วยเขาก็อยู่กับเราตลอด"

#ตั๊กบงกช