รถยนต์ไฮบริด นวัตกรรมประหยัด รักษ์โลกที่จับต้องได้

7 ส.ค. 61 10:54 น. / ดู 437 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

ในยุคปัจจุบัน ที่เราทุกคนต้องเผชิญกับความเสื่อมโทรมของ สภาพแวดล้อม ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ทั้งโลกร้อน ภาวะเรือนกระจก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สภาพอากาศที่เป็นพิษ มลภาวะที่เราใช้มันเพื่อหายใจเข้าออก กลับกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายเรามากที่สุด ส่วนหนึ่งที่เป็นสารตั้งต้นของอากาศเป็นพิษ มาจากการควันรถยนต์ที่เราใช้กันเป็นประจำ ปล่อยควันจากท่อไอเสียเพิ่มขึ้นทุกวันๆ จนส่งผลเสียต่ออากาศอย่างมาก
ทางค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ฝั่งญี่ปุ่นได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาจึงได้ริเริ่มแนวคิดจะสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วย การคิดค้นและผลิตนวัตกรรมที่เปลี่ยนโลก นั่นคือรถยนต์ไฮบริด รถที่ขับเคลื่อนได้จากการใช้ทั้งเชื้อเพลิงจากน้ำมันและพลังงานจากไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ซึ่งเริ่มจำหน่ายรุ่นแรกคือ Toyota Prius ในปี 1997 ถือเป็นไฮบริด Generation 1 และยังได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่าจนมาถึงยุคนี้ ยุคของไฮบริด Generation 4

ความพิเศษของไฮบริดรุ่นล่าสุด Generation 4 ที่ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของแบตเตอรี่ ที่เป็นแบตเตอรี่ไฮบริด Ni-MH (Nickel-Metal Hydride) ที่มีขนาดเล็กลง เก็บประจุไฟฟ้าได้เร็วขึ้น และสามารถจ่ายไฟให้แก่มอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพัฒนาระบบระบายความร้อนใหม่ ช่วยให้ทนทานและประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบ PCU (Power Control Unit) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ช่วยให้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไฮบริดรุ่นที่ 4 นี้ถูกนำมาใช้ในโตโยต้า C-HR ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานอีกด้วย

สำหรับหลายคนที่ยังกังขาในความปลอดภัยของแบตเตอรี่ หรือสงสัยว่าหากตัวรถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแบบนี้ต้องลุยมวลน้ำรอการระบายในเมืองกรุงแล้วจะเป็นอย่างไร ทางโตโยต้าเองได้พัฒนาความปลอดภัยของตัวแบตเตอรี่นี้ให้สามารถลุยน้ำได้ในระดับ 10-30 เซนติเมตร เทียบเท่ารถยนต์ปกติทีเดียว

ส่วนความปลอดภัยอื่นๆ ที่พัฒนาขึ้นมาของแบตเตอรี่ตัวนี้ ได้แก่ การตัดไฟอัตโนมัติเมื่อมีการชนเกิดขึ้น ตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเชื่อมต่อกับเซนเซอร์ที่ถุงลมนิรภัย ซึ่งเมื่อถุงลมนิรภัยทำงานด้านตัวแบตเตอรี่จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ แบตเตอรี่นี้จะมีเบรกเกอร์เหมือนกับไฟในบ้าน ซึ่งเมื่อเกิดไฟฟ้าลัดวงจรเบรกเกอร์ก็จะตัดลงมา มีตัววัดแรงเคลื่อนหรือโวลต์ของกระแสไฟ ซึ่งหากมีกระแสไฟออกมามากเกินไป ก็จะทำการตัดไฟอัตโนมัติ และตัวแบตเตอรี่ไฮบริดเองยังมีประกันนานถึง 10 ปี

ในปัจจุบันพลังงานทางเลือกนับว่าอยู่ในกระแสความสนใจของผู้คน รถยนต์ไฮบริดก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ เพราะรถยนต์ไฮบริดเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ขับเคลื่อนจะมาจากการชาร์จไฟเข้าขณะที่รถกำลังแล่นอยู่บนถนน ผ่านเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง หากเมื่อชาร์จไฟได้ประมาณ 80% ของแบตเตอรี่ เครื่องยนต์ก็จะทำงานร่วมกับระบบไฟฟ้าในขณะขับเคลื่อน จึงใช้เชื้อเพลิงน้อยลง กินน้ำมันน้อยลงอย่างชัดเจน รวมถึงระบบสามารถแปลงพลังงานจลน์ที่เกิดขึ้นจากการชะลอเบรกหรือหยุดรถ ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าส่งกลับไปเก็บในแบตเตอรี่ไฮบริดอีกด้วย


Toyota C-HR ไฮบริดรุ่นล่าสุด ประหยัดที่สุด เป็นมิตรที่สุด สำหรับ Toyota C-HR (Coupe High Rider) นับเป็นรถไฮบริดรุ่นที่ 4 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอกย้ำแนวคิด Ever Better Car กับการพัฒนาให้แบตเตอรี่ไฮบริดมีประสิทธิภาพสูงขึ้น พร้อมรับประกัน 10 ปี และระบบไฮบริดอีก 5 ปีรถอเนกประสงค์แบบ 5 ประตูยกสูงไซส์เล็กกะทัดรัดคล้ายรถแฮตช์แบ็คToyota ใช้การออกแบบเรือนร่างสไตล์รถต้นแบบใน C-HR โดยเติมความโฉบเฉี่ยวของเส้นสายรอบคันด้วยความเฉียบคมโดยเฉพาะไฟท้ายและบั้นท้ายที่ออกแบบได้อย่างลงตัว

เชื่อมั่นได้ว่า Toyota C-HR จะเป็นรถยนต์ไฮบริดที่ตอบโจทย์คนใช้รถได้อย่างรอบด้าน ทั้งตัวรถที่มีการออกแบบที่โดดเด่นไม่เหมือนใครและยังถือว่าเป็นรถประหยัดพลังงาน ที่พาเราไปในทุกที่ทุกทางอย่างปลอดภัยและยังรักษาสิ่งแวดล้อมดีต่อโลกและดีต่อใจไปพร้อมกัน

ขอบคุณข้อมูลจาก https://thestandard.co/toyota-hybrid-car/
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 8.1

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google