กินแคลเซียมให้พอดี โดยปรับอาหารให้มีแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม
29 ก.ย. 61 18:26 น. /
ดู 545 ครั้ง /
3 ความเห็น /
1 ชอบจัง
/
แชร์
ในงานประชุมวิชาการประจำปี 2560 ของสำนักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย (สกว.) หน่วยวิจัยด้านแคลเซียม และกระดูก และภาควิชาสรีรวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ค้นพบองค์ความรู้ใหม่ที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคแคลเซียม ตลอดจนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่มีประสิทธิภาพการดูดซึมสูง
ศ.ดร.นพ.นรัตถพล เจริญพันธุ์ เมธีวิจัยอาวุโส เปิดเผยว่า แม้ร่างกายจะต้องการแคลเซียมเพียงเล็กน้อยวันละ 800 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นแร่ธาตุ ที่มีความสำคัญต่อร่างกายทุกระบบ แคลเซียมกว่าร้อยละ 99 เก็บสะสมภายในกระดูกทั่วร่างกาย จึงใช้ "ความหนาแน่นของกระดูก" เป็นตัวชี้วัด รวมถึงการคาดการณ์ถึงความแข็งแรงและความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก โดย มีตัวแปรที่ขึ้นอยู่กับอายุและตำแหน่งของกระดูก
ผัก แคลเซียม
กระดูกจะมีความหนาแน่นสูงสุดที่อายุประมาณ 30 ปี และจะค่อนข้างคงที่อีก ประมาณ 15-20 ปี จากนั้นจะเริ่มลดลงโดยเฉพาะในผู้หญิงที่ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะเริ่มสูญเสียแคลเซียมอย่างรวดเร็วจนเกิดกระดูกพรุนและกระดูกหักได้
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงวัยกระดูกพรุน ทั้งจากอายุที่มากขึ้น โรคในผู้สูงอายุทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันสูงในเลือด อ้วน และโรคทางเมแทบอลิซึม เป็นต้น
เมธีวิจัยอาวุโส สกว.ระบุว่า เราควรรับประทานแคลเซียมเสริมหรือยาเม็ดแคลเซียมเมื่อมีข้อบ่งชี้ชัดเจนว่า ร่างกายขาดแคลเซียม ส่วนเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ยังไม่สูงอายุควรรับประทานแคลเซียมตามที่สำนักโภชนาการ กรมอนามัย แนะนำ โดยปรับอาหารให้มีแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม การเสริมแคลเซียมมากเกินแทบจะไม่ได้ประโยชน์ แต่เนื่องจากคนไทยทั่วไปรับประทานแคลเซียมไม่ถึงปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน การพัฒนาอาหารเสริมแคลเซียมหรือผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดีจึงยังมีความจำเป็น เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมเสริม
สลัดผัก
"ผลการวิจัยยืนยันว่าเซลล์ของลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้จำกัด คือ ดูดซึมได้ประมาณร้อยละ 15-20 ของปริมาณที่รับประทาน หากต้องการให้อัตราการดูดซึมสูงขึ้น เซลล์ต้องได้รับการกระตุ้น ด้วยฮอร์โมน เช่น วิตามินดี โพรแลคติน (ในระหว่างให้นมบุตร) หรือเอสโตรเจน แต่การให้ฮอร์โมนเสริมไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย จึงต้องมีการวิจัยเพื่อเติมองค์ประกอบบางอย่างลงในผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ลำไส้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น"
ผู้ที่รับประทานแคลเซียมเกินกว่าปริมาณที่แนะนำ โอกาสเกิดโทษจากแคลเซียมเกินขนาดก็ยังไม่สูงมากนัก (เว้นแต่รับประทานสูงกว่าปกติ 2-3 เท่าขึ้นไป) เช่น อาจเพิ่มโอกาสที่ทำให้เกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหรือโรคทางสมองบางชนิดได้ ทั้งนี้ในร่างกายมีกลไกระดับเซลล์และการใช้ฮอร์โมนในการควบคุมอัตราการดูดซึมแคลเซียม จากอาหารเข้าสู่ร่างกาย หากดูดซึมมากเกินไปเซลล์ของลำไส้จะมีการสร้างสารเคมี "ไฟ โบรบลาสต์โกรทแฟคเตอร์-23" เพื่อยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม เป็นต้น
ที่มา https://www.mfoodservice.com/Page/Content/22
_________
โปรแกรมร้านอาหาร ใช้งานฟรี
ศ.ดร.นพ.นรัตถพล เจริญพันธุ์ เมธีวิจัยอาวุโส เปิดเผยว่า แม้ร่างกายจะต้องการแคลเซียมเพียงเล็กน้อยวันละ 800 มิลลิกรัมสำหรับผู้ใหญ่ แต่ก็เป็นแร่ธาตุ ที่มีความสำคัญต่อร่างกายทุกระบบ แคลเซียมกว่าร้อยละ 99 เก็บสะสมภายในกระดูกทั่วร่างกาย จึงใช้ "ความหนาแน่นของกระดูก" เป็นตัวชี้วัด รวมถึงการคาดการณ์ถึงความแข็งแรงและความเสี่ยงที่จะเกิดกระดูกหัก โดย มีตัวแปรที่ขึ้นอยู่กับอายุและตำแหน่งของกระดูก
ผัก แคลเซียม
กระดูกจะมีความหนาแน่นสูงสุดที่อายุประมาณ 30 ปี และจะค่อนข้างคงที่อีก ประมาณ 15-20 ปี จากนั้นจะเริ่มลดลงโดยเฉพาะในผู้หญิงที่ขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนหลังหมดประจำเดือน กระดูกจะเริ่มสูญเสียแคลเซียมอย่างรวดเร็วจนเกิดกระดูกพรุนและกระดูกหักได้
ปัจจัยที่ทำให้ผู้สูงวัยกระดูกพรุน ทั้งจากอายุที่มากขึ้น โรคในผู้สูงอายุทั้งความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันสูงในเลือด อ้วน และโรคทางเมแทบอลิซึม เป็นต้น
เมธีวิจัยอาวุโส สกว.ระบุว่า เราควรรับประทานแคลเซียมเสริมหรือยาเม็ดแคลเซียมเมื่อมีข้อบ่งชี้ชัดเจนว่า ร่างกายขาดแคลเซียม ส่วนเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ยังไม่สูงอายุควรรับประทานแคลเซียมตามที่สำนักโภชนาการ กรมอนามัย แนะนำ โดยปรับอาหารให้มีแคลเซียมในปริมาณที่เหมาะสม การเสริมแคลเซียมมากเกินแทบจะไม่ได้ประโยชน์ แต่เนื่องจากคนไทยทั่วไปรับประทานแคลเซียมไม่ถึงปริมาณที่แนะนำในแต่ละวัน การพัฒนาอาหารเสริมแคลเซียมหรือผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมที่ดูดซึมได้ดีจึงยังมีความจำเป็น เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมเสริม
สลัดผัก
"ผลการวิจัยยืนยันว่าเซลล์ของลำไส้ดูดซึมแคลเซียมได้จำกัด คือ ดูดซึมได้ประมาณร้อยละ 15-20 ของปริมาณที่รับประทาน หากต้องการให้อัตราการดูดซึมสูงขึ้น เซลล์ต้องได้รับการกระตุ้น ด้วยฮอร์โมน เช่น วิตามินดี โพรแลคติน (ในระหว่างให้นมบุตร) หรือเอสโตรเจน แต่การให้ฮอร์โมนเสริมไม่ใช่ทางเลือกที่ปลอดภัย จึงต้องมีการวิจัยเพื่อเติมองค์ประกอบบางอย่างลงในผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ลำไส้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น"
ผู้ที่รับประทานแคลเซียมเกินกว่าปริมาณที่แนะนำ โอกาสเกิดโทษจากแคลเซียมเกินขนาดก็ยังไม่สูงมากนัก (เว้นแต่รับประทานสูงกว่าปกติ 2-3 เท่าขึ้นไป) เช่น อาจเพิ่มโอกาสที่ทำให้เกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจหรือโรคทางสมองบางชนิดได้ ทั้งนี้ในร่างกายมีกลไกระดับเซลล์และการใช้ฮอร์โมนในการควบคุมอัตราการดูดซึมแคลเซียม จากอาหารเข้าสู่ร่างกาย หากดูดซึมมากเกินไปเซลล์ของลำไส้จะมีการสร้างสารเคมี "ไฟ โบรบลาสต์โกรทแฟคเตอร์-23" เพื่อยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม เป็นต้น
ที่มา https://www.mfoodservice.com/Page/Content/22
_________
โปรแกรมร้านอาหาร ใช้งานฟรี
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย MFood
- สถานการณ์แบบนี้เรามาดูวิธีสร้างระบบ Delivery จัดส่งอาหารฟรี ผ่านแอพพลิเคชั่น M Food Service (เทคโนโลยี)
- แชร์เทคนิควิธีการใช้แอพรีวิวร้านอาหารที่สามารถระบุพิกัดตำแหน่งได้ด้วย (กินๆ เที่ยวๆ)
- แจกสูตร แกงฮังเล วิธีการทำแกงฮังเล ซึ่งเป็นอาหารเหนือ (กินๆ เที่ยวๆ)
- กระทู้โดย MFood ทั้งหมด
แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
อายุ 27 ตอนนี้ก็เริ่มทานมา1ปีแล้วค่ะ อาหารเสริมต่างๆรวมไปถึงแคลเซียมของแบลคมอร์สด้วย เพราะเดินไปทำงาน กะขึ้นบันไดตลอด ไม่เคยเชื่อว่าการไม่ทานอาหารเสริมจะไม่ช่วย เพราะปกติเป็นคนที่ไม่ดื่มนมเลยย คิดว่าการทานแคลเซียมนี้แหละที่ทำให้ยังเดินขึ้นบันไดได้อยู่ 5555
ไอพี: ไม่แสดง
| โดย Windows 7
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google