บดินทร์ ดุ๊ก เล่าอาการป่วยซ้ำอัมพาตครึ่งหน้า

2 ต.ค. 61 15:38 น. / ดู 1,154 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
อดีตพระเอกดัง "บดินทร์ ดุ๊ก" หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงนานเกือบ 20 ปี วันนี้เจ้าตัวกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ มากมาย ล่าสุดก็ได้มาเปิดใจผ่านรายการ "คุยแซ่บ Show" ทางช่อง One 31 ถึงอาการป่วยเป็นอัมพาตครึ่งหน้า ไม่ใช่อัมพาตครึ่งตัว
เหตุที่ต้องใส่หน้ากาก
"ป่วยครับ เขาเรียกว่าเป็นอัมพาตครึ่งหน้า แต่ข่าวไปลงว่าจะเป็นอัมพาตครึ่งตัว เพราะว่าลงไม่ละเอียด หลายคนก็โทรกันเข้ามาใหญ่เลยว่าเป็นอะไร นอนโรงพยาบาลไหนอะไรแบบนี้ จริงๆ เป็นแค่ครึ่งหน้าครับ"

มีหลายคนเห็นไปร่วมงานศพ โอ - วรุฒ วรธรรม สนิทกันตอนไหน
"คือจริงๆ ในวงการบางอย่างที่ข่าวออกไปเนี่ย ประชาชนไม่ได้รับรู้ก็มี จริงๆ เราสนิทกับใคร ทุกคนก็ไม่จำเป็นจะต้องรู้ทั้งหมด คือเราทำงานด้วยกันหลายเรื่อง แล้วก็ส่วนใหญ่เป็นละครยาวเท่านั้นเลย อย่างเรื่อง ผู้กองยอดรักมี 30 กว่าตอน ถ้าเรตติ้งดีมันก็ยืด ก็เท่ากับว่าละครเรื่องนี้เป็นละครปี เพราะฉะนั้นเราก็จะอยู่กันทั้งปี"

ตอนป่วยมีการไปเยี่ยมกันบ้างไหม
"ตอนป่วยก่อนที่เขาจะเสียเนี่ย เราไปเชียงใหม่เราก็จะโทรหากัน ก็ถามอาการกันอยู่ตลอด ยังเตือนเรื่องการดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้พอ อะไรแบบนี้กันอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้ถึงกับบ่อย คือคนในวงการสมัยก่อนจะอยู่กันแบบครอบครัว เพราะฉะนั้นมันก็จะมีความสนิทสนมกันครับ ถึงไม่เจอกัน 5 ปี 10 ปี แต่ความรู้สึกดีๆ ความเป็นพี่เป็นน้องมันก็ยังมีครับ ไม่ใช่แค่โอนะครับ แต่กับทุกๆ คน"

หลังจากเปิดเผยเรื่องอาการป่วย ก็ถูกกล่าวหาว่าสร้างกระแส
"มันเป็นจังหวะ คืออยู่มาทุกคืนก็ไม่เป็นไร จนมาคืนสุดท้าย ตอนไปยังไม่เป็นอะไรก็ยังรับแขกได้ปกติ แต่พอมาคืนสุดท้าย หลังจากที่สวดอภิธรรมอะไรเสร็จ ก็กลับมาบ้านที่พัก แล้วก็นั่งคุยกันไปคุยกันมาก็รู้สึกว่าทำไมหน้าเราตึงๆ เราก็คิดว่าคงไม่มีอะไรก็เลยเข้านอน แล้วก็เล่นโทรศัพท์มือถือน้ำตามันก็ไหล ปากก็เริ่มตุ่ยๆ แข็งๆ เราก็แปลกๆ เดินไปส่องกระจก"

ครั้งแรกที่เห็นหน้าตัวเองในกระจกรู้สึกอย่างไร
"มันก็ตกแล้วไง หน้ามันจะนิ่ง มันเกิดขึ้นเร็วมาก สาเหตุมาจากเส้นประสาทคู่ที่เจ็ดอักเสบ มันสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยมาก อาจจะเกิดจากติดเชื้อไวรัส เกิดจากการอักเสบโดยส่วนตัวของอวัยวะเอง หรืออุบัติเหตุอะไรแบบนี้ จริงๆ มันมีเยอะมาก ต้องบอกก่อนว่าเคยเป็นมา 2 ครั้งแล้ว แต่ครั้งแรกเป็นแล้วจะหาย ก็คิดว่าเป็นอีกแล้ว แต่เป็นอีกข้างหนึ่ง เราเลยก็รู้แล้วว่าเป็นอะไร"

ครั้งที่แล้วที่เป็น นานไหมกว่าจะหาย
"ประมาณเกือบ 2 เดือน แต่ต้องทำกายภาพทุกวัน อย่างเช่นตอนนี้ต้องทำทุกวัน ครั้งนี้เป็นมาประมาณอาทิตย์หนึ่งแล้ว ที่ตั้งใจมาออกคืออยากเป็นวิทยาทานกับคนที่เป็น ก็คือไม่ต้องตกใจ สามารถหายได้แต่ว่าคุณต้องขยัน ทานยาให้ครบโดสที่หมอสั่ง ก็พยายามทำกายภาพ วิธีทำกายภาพก็คือไปทำที่ศูนย์กายภาพบำบัดโดยการใช้ไฟฟ้าจี้ กระตุ้นกล้ามเนื้อ เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อลีบ หลังจากนั้นก็ทำกายภาพตัวเองเขาก็จะมีท่าให้เราทำ ได้แต่ละท่าก็จะประมาณ 15 ครั้ง แต่คุณบอกว่าจะบอกว่าทำให้ได้มากที่สุดก็จะดีกับตัวเรา"

กลัวไหม ถ้าหากต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต
"ยังไม่คิดถึงขั้นนั้น เพราะว่าได้ทีมคุณหมอเดิม แล้วเขาทำให้เราหายได้ในครั้งนั้น เราก็ต้องโฟกัสที่ตัวเองความขยันในการออกกำลังมากกว่า เหมือนคนนอนติดเตียงที่นอนไปนานๆ แล้วแขนลีบขาลีบ แล้วลุกขึ้นมาทำกายภาพมันก็หายได้ แต่บางมุม เช่น มุมยิ้มมุมอะไรมันอาจจะไม่เหมือนเดิม"

การรักษาในตอนนี้อยู่ในขั้นตอนไหน
"คือตอนนี้จะแบ่งเป็น 2 ทาง คือทางเทอราปิส แต่คุณหมอประเมินด้วยสายตาเปล่า บอกว่ามันยังไม่ยกขึ้น คือถ้ามันดีมันก็ยกขึ้น คุณหมอก็เลยให้ทำสเตียรอยด์ไปอีก 1 อาทิตย์ เพื่อที่จะฆ่าเชื้อให้มันแน่นอน หลังจากนั้นถ้ายังไม่หายต้องเน้นทำกายภาพต่อ"

กระทบกับชีวิตมากไหม
"กระทบมาก ก็คืออย่างเวลาไปทำงาน ไปสอนหรืออะไรแบบนี้ มันจะพูดได้ด้านเดียว บางคำเราจะพูดไม่ได้ เสียงที่ออกมันไม่ชัด มันก็จะรำคาญนิดหนึ่ง แล้วก็เรื่องของการกิน เวลาตักอาหารเข้าปาก แล้วปากเราเปิดแค่ด้านเดียวมันก็หก เวลาดูดน้ำก็จะไหลออกทางข้างปาก ก็ต้องบีบปากอีกข้างหนึ่งไว้ การขับรถก็จะลำบากเรื่องสายตานิดหนึ่ง ก็ใช้ชีวิตลำบากนิดหนึ่ง ความรู้สึกถามว่าเศร้าไหม ก็ไม่เศร้านะมันเป็นธรรมดาของชีวิต"


#บดินทร์ดุ๊ก
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google