ภัทราวดี แง้มเหตุผลรับงานละคร เลือดข้นคนจาง
SZ News
26 ต.ค. 61 13:45 น. /
ดู 953 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#เลือดข้นคนจาง #เล็กภัทราวดี
"เล็ก - ภัทราวดี มีชูธน" กลับมารับงานแสดงละครอีกครั้งกับเรื่อง "เลือดข้นคนจาง" หลังจากห่างหายไปนาน ตอนนี้เรียกได้ว่าเนื้อเรื่องกำลังเข้มข้น ชวนติดตาม ว่าด้วยเรื่องของเหตุการณ์นองเลือดในตระกูล จิระอนันต์ ครอบครัวเชื้อสายจีนที่มีลูกหลานอยู่รวมกันมากมาย กับปมปริศนา ใครฆ่าประเสริฐ และทำไปเพื่ออะไร ซึ่งก็ได้นักแสดงมากฝีมือทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็กมารวมตัวกันถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ทำให้แฟนละครคอยติดตามเอาใจช่วยกันทั้งประเทศ ซึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่ได้มาเปิดใจเรื่องราวผ่านทางรายการ "คุยแซ่บ Show" ถึงเรื่องของการทำงานละคร และชีวิตปัจจุบัน
เหตุผลที่ตัดสินใจรับแสดงละคร เรื่อง เลือดข้นคนจาง
"คือเวลาเราจะทำอะไรกับใครเราต้องมีการถูกใจนะคะ แล้วก็ต้องมีการชื่นชม ครูเนี่ยจะชื่นชม ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) ก็เห็นงานแล้ว เห็นว่าเด็กคนนี้ฉลาดนะ เรียกได้ว่าเขาเป็นสมบัติของประเทศเลยนะ เขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจ แล้วเราก็อยากรู้จักเขา อยากทำงานกับเขา อยากจะรู้ว่าเขาคิดยังไง พอเขาติดต่อมาก็เลยตอบตกลง ตอนที่ตอบรับก็ยังไม่ได้อ่านบท เขาก็บอกว่าเล่นเป็นอาม่า เราก็ว่าดีเพราะเกิดมายังไม่เคยเล่นเป็นอาม่า แล้วก็ค่อนข้างน่าสนใจที่เราจะได้มีโอกาสเข้าไปใกล้ชิดอาม่าที่เราควรจะต้องรู้จัก พอเข้าไปคุยกับเขา เราก็สนุก คือความสุขของอาม่าทั้งหมดก็คือลูกหลาน ถ้าเลี้ยงไม่ดีก็จะโตไปเป็นพลเมืองที่ไม่ดีของประเทศ ด้วยตัวบทด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้น่าสนใจ"
แม้แต่ระดับครูในด้านการแสดงก็ยังแสดงฉากเดิมๆ หลายครั้ง
"ตั้งแต่ฉากแรกเลยค่ะ ผู้กำกับเทก 10 หน แล้วมันเป็นฉากยาวๆ ด้วยนะ เราก็ไม่เข้าใจว่าจะเล่นยังไง ตอนนั้นเราเล่นเหมือนกันหมด เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังไง แล้วเราก็ไม่ได้อยู่กับทีวีมานานพอสมควร ต้องบอกว่าโคตรของความเหนื่อยเลย แต่ว่ามันกลับทำให้เราเนี่ยแข็งแรงขึ้น ทั้งจิตใจ ทั้งสมาธิ ทั้งร่างกาย มันเหมือนกับเราได้ปรับอะไรในตัวเอง เราเป็นคนเล่นเราจะไม่เห็นแต่ผู้กำกับเป็นคนดูเขาจะเห็น หรือบางทีเราหันเร็วไป เพราะเรามาจากละครเวที อาม่าก็ต้องหันช้านิดหนึ่ง ก็เลยแบบขออีกนิดหนึ่ง แต่ที่ร้ายที่สุดคือมีบทหนึ่งวันนั้นอาม่านอนอย่างเดียว เราก็คิดในใจแล้วว่าวันนี้หวานหมูนะ แต่ปรากฏว่าเทก เพราะว่าหน้าย่น ก็เลยบอกว่า โยมฉัน 70 แล้วนะ ไม่ได้โบท็อกไม่ได้อะไรนอนยังไงมันก็ต้องย่น เราก็เลยต้องนอนยังไงให้มันดูสบาย ดูผ่อนคลาย นอนแล้วสวย อันนี้ต้องขอบคุณย้งจริงๆ นะ"
บทนี้คนละขั้วกับตัวจริงมากน้อยแค่ไหน
"จริงๆ มันก็ไม่ได้ขัดนะคะ แต่ด้วยความที่เราเป็นหญิงทำงาน แล้วเราก็มีสังคม แล้วสังคมของเราก็จะแตกต่างกับอาม่า อย่างอาม่าเขาก็จะสนใจแค่ลูกหลาน คนนู้นเรียนจบอะไร หรือแต่งงานกับใคร แต่เราจะไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ก็จะมองโลกคนละมุมกัน จริงๆ แล้วการที่เราเข้าไปเป็นตัวละคร มันจะทำให้เรารอบรู้โลกเยอะมากขึ้น และเข้าใจมนุษย์มากขึ้นว่ามนุษย์แต่ละคนเขารู้สึกยังไง แล้วเราก็จะไม่โกรธ เหมือนเราเห็นหัวใจเขา เพราะฉะนั้นแล้วการเป็นตัวละครมันจะยิ่งใหญ่ตรงนี้แหละ ไม่ใช่ว่ามาทำงานแล้วเป็นดาราหรืออะไรไม่ใช่นะ มันได้ศึกษาชีวิตมนุษย์ แล้วจะทำให้เราเป็นมนุษย์ที่นุ่มลึกขึ้น มีความเมตตา มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาก"
ชีวิตจริงตอนนี้ทำอะไรบ้าง
"ตอนที่ครูอายุ 60 แม่บอกว่าแก่แล้วให้ทำอะไรเพื่อแผ่นดิน แล้วพอดีเราไปหัวหิน แล้วเขาจะเช่าที่เราทำโรงลิเก เราก็เลยมองดูว่าตรงนี้น่าอยู่จังเลย ก็เลยคิดอยากจะทำโรงละครให้เขาเล่นลิเก พอทำเสร็จลิเกก็วิ่งหนีไปเลย เพราะมันเวอร์วังอลังการเกินไป เขาก็ไม่กล้ามาเล่น เราก็เลยทำเป็นโรงเรียนสอนการแสดง ทำเป็นโรงเรียนประจำ แล้วก็มีการสอนหนังสือ เป็นสามัญศึกษา ไม่ใช่โรงเรียนสอนการแสดงนะ แล้วเราก็จะสร้างเด็กๆ โดยใช้ศิลปศาสตร์ทำให้เขาอยากเรียนหนังสือ ใช้ศิลปศาสตร์ทำให้เขามองเห็นมุมต่างๆ ของการมองโลกมนุษย์ แล้วก็สอนให้เขารู้ว่าวิชาที่เขาเรียนสามารถนำเอามาใช้ในการดำรงชีวิตอย่างไร ตอนนี้ก็ผลิตไป 4-5 รุ่นแล้วค่ะ"
#เล็กภัทราวดี #เลือดข้นคนจาง
"คือเวลาเราจะทำอะไรกับใครเราต้องมีการถูกใจนะคะ แล้วก็ต้องมีการชื่นชม ครูเนี่ยจะชื่นชม ย้ง (ทรงยศ สุขมากอนันต์) ก็เห็นงานแล้ว เห็นว่าเด็กคนนี้ฉลาดนะ เรียกได้ว่าเขาเป็นสมบัติของประเทศเลยนะ เขาเป็นอะไรที่ค่อนข้างน่าสนใจ แล้วเราก็อยากรู้จักเขา อยากทำงานกับเขา อยากจะรู้ว่าเขาคิดยังไง พอเขาติดต่อมาก็เลยตอบตกลง ตอนที่ตอบรับก็ยังไม่ได้อ่านบท เขาก็บอกว่าเล่นเป็นอาม่า เราก็ว่าดีเพราะเกิดมายังไม่เคยเล่นเป็นอาม่า แล้วก็ค่อนข้างน่าสนใจที่เราจะได้มีโอกาสเข้าไปใกล้ชิดอาม่าที่เราควรจะต้องรู้จัก พอเข้าไปคุยกับเขา เราก็สนุก คือความสุขของอาม่าทั้งหมดก็คือลูกหลาน ถ้าเลี้ยงไม่ดีก็จะโตไปเป็นพลเมืองที่ไม่ดีของประเทศ ด้วยตัวบทด้วยอะไรหลายๆ อย่างทำให้น่าสนใจ"
แม้แต่ระดับครูในด้านการแสดงก็ยังแสดงฉากเดิมๆ หลายครั้ง
"ตั้งแต่ฉากแรกเลยค่ะ ผู้กำกับเทก 10 หน แล้วมันเป็นฉากยาวๆ ด้วยนะ เราก็ไม่เข้าใจว่าจะเล่นยังไง ตอนนั้นเราเล่นเหมือนกันหมด เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังไง แล้วเราก็ไม่ได้อยู่กับทีวีมานานพอสมควร ต้องบอกว่าโคตรของความเหนื่อยเลย แต่ว่ามันกลับทำให้เราเนี่ยแข็งแรงขึ้น ทั้งจิตใจ ทั้งสมาธิ ทั้งร่างกาย มันเหมือนกับเราได้ปรับอะไรในตัวเอง เราเป็นคนเล่นเราจะไม่เห็นแต่ผู้กำกับเป็นคนดูเขาจะเห็น หรือบางทีเราหันเร็วไป เพราะเรามาจากละครเวที อาม่าก็ต้องหันช้านิดหนึ่ง ก็เลยแบบขออีกนิดหนึ่ง แต่ที่ร้ายที่สุดคือมีบทหนึ่งวันนั้นอาม่านอนอย่างเดียว เราก็คิดในใจแล้วว่าวันนี้หวานหมูนะ แต่ปรากฏว่าเทก เพราะว่าหน้าย่น ก็เลยบอกว่า โยมฉัน 70 แล้วนะ ไม่ได้โบท็อกไม่ได้อะไรนอนยังไงมันก็ต้องย่น เราก็เลยต้องนอนยังไงให้มันดูสบาย ดูผ่อนคลาย นอนแล้วสวย อันนี้ต้องขอบคุณย้งจริงๆ นะ"
บทนี้คนละขั้วกับตัวจริงมากน้อยแค่ไหน
"จริงๆ มันก็ไม่ได้ขัดนะคะ แต่ด้วยความที่เราเป็นหญิงทำงาน แล้วเราก็มีสังคม แล้วสังคมของเราก็จะแตกต่างกับอาม่า อย่างอาม่าเขาก็จะสนใจแค่ลูกหลาน คนนู้นเรียนจบอะไร หรือแต่งงานกับใคร แต่เราจะไม่สนใจเรื่องพวกนั้น ก็จะมองโลกคนละมุมกัน จริงๆ แล้วการที่เราเข้าไปเป็นตัวละคร มันจะทำให้เรารอบรู้โลกเยอะมากขึ้น และเข้าใจมนุษย์มากขึ้นว่ามนุษย์แต่ละคนเขารู้สึกยังไง แล้วเราก็จะไม่โกรธ เหมือนเราเห็นหัวใจเขา เพราะฉะนั้นแล้วการเป็นตัวละครมันจะยิ่งใหญ่ตรงนี้แหละ ไม่ใช่ว่ามาทำงานแล้วเป็นดาราหรืออะไรไม่ใช่นะ มันได้ศึกษาชีวิตมนุษย์ แล้วจะทำให้เราเป็นมนุษย์ที่นุ่มลึกขึ้น มีความเมตตา มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมาก"
ชีวิตจริงตอนนี้ทำอะไรบ้าง
"ตอนที่ครูอายุ 60 แม่บอกว่าแก่แล้วให้ทำอะไรเพื่อแผ่นดิน แล้วพอดีเราไปหัวหิน แล้วเขาจะเช่าที่เราทำโรงลิเก เราก็เลยมองดูว่าตรงนี้น่าอยู่จังเลย ก็เลยคิดอยากจะทำโรงละครให้เขาเล่นลิเก พอทำเสร็จลิเกก็วิ่งหนีไปเลย เพราะมันเวอร์วังอลังการเกินไป เขาก็ไม่กล้ามาเล่น เราก็เลยทำเป็นโรงเรียนสอนการแสดง ทำเป็นโรงเรียนประจำ แล้วก็มีการสอนหนังสือ เป็นสามัญศึกษา ไม่ใช่โรงเรียนสอนการแสดงนะ แล้วเราก็จะสร้างเด็กๆ โดยใช้ศิลปศาสตร์ทำให้เขาอยากเรียนหนังสือ ใช้ศิลปศาสตร์ทำให้เขามองเห็นมุมต่างๆ ของการมองโลกมนุษย์ แล้วก็สอนให้เขารู้ว่าวิชาที่เขาเรียนสามารถนำเอามาใช้ในการดำรงชีวิตอย่างไร ตอนนี้ก็ผลิตไป 4-5 รุ่นแล้วค่ะ"
#เล็กภัทราวดี #เลือดข้นคนจาง
แก้ไขล่าสุด 26 ต.ค. 61 23:31 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google