สัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ที่คุณควรรู้

2 พ.ย. 61 14:11 น. / ดู 617 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

หลายคนอาจอยากมีลูกมาก แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่ามาท้องหรือยังอาการแบบนี้ใช่หรือเปล่า วันนี้เราจะมาพาทุกท่านทราบถึงอาการเตือนที่คุณจะได้รู้ว่า ถ้าคุณกำลังตั้งครรภ์แล้วอาการจะเป็นอย่างไร
1. ประจำเดือนขาด
วิธีนี้จะใช้ได้ค่อนข้างชัวคุณจะต้องมีประจำเดือนที่มาตรงเวลาทุกเดือน เพราะไม่อยากนั้นคุณจะไม่ทราบว่าคุณท้องหรือแค่ประจำเดือนมาไม่ปกติ สำหรับคนที่ประจำเดือนมาตรงเวลาทุกเดือน เเล้วถ้าจู่ๆประจำเดือนมาช้ากว่าปกตินั้นเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังตั้งคัญ ซึ่งมันอาจไม่ชัวดังนั้นคุณควรไปซื้อที่ตรวจครรภ์มาเพื่อความมั่นใจอีกที

2. แพ้ท้องหลังตื่นนอน
ข้อนี้ถือว่าเป็นอาการที่ค่อนข้างชัดเจนมาก ซึ่งคุณอาจรู้สึกเวียนหัว หรือรู้สึกไม่สบาย โดยเฉพาะช่วงเช้า ส่วนใหญ่คุณผู้หญิงจะแพ้ท้องหลังจากตั้งครรภ์ประมาณ 2-3 สัปดาห์

3. ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
อาการปัสสาวะบ่อย ก็เป็นอีกสัญญาณการตั้งครรภ์ เกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปในช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก หากคุณปัสสาวะมากกว่าปกติ ควรลองหาที่ตรวจครรภ์มาตรวจดู

4. รู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ
คนที่ท้องใหม่ๆบางคนอาจรู้สึกเหนื่อยมากกว่าปกติ ซึ่งอาการนี้ เกิดจากฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าคุณไม่เคยมีอาการแบบนี้มาก่อน นี่อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณตั้งครรภ์ก็เป็นได้

5. เต้านมเปลี่ยนไป
หากผิวหนังรอบ**มีสีคล้ำขึ้น หรือมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็อาจเป็นไปได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆอยู่

6. ตัวร้อน
การตกไข่ทำให้อุณหภูมิในตัวคุณสูงขึ้น สังเกตง่ายๆ ว่าช่วงที่มีประจำเดือน คุณจะรู้สึกว่าตัวร้อนขึ้น การตั้งครรภ์ก็เช่นกัน หากคุณตั้งครรภ์ ช่วง 2 สัปดาห์แรก คุณมักจะรู้สึกตัวร้อนกว่าปกติ

7.คลื่นไส้ อยากกินของเปรี้ยว
ถ้าหาคุณเป็นคนไม่ชอบกินเปรี้ยว หรืออยู่ดี ๆ ก็อยากกินอะไรแปลก ๆ ขึ้นมา นั่นเพราะฮอร์โมนในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ร่างกายต้องการสารอาหารมากขึ้น และมีผลทางอ้อมคือ เมื่อร่างกายอ่อนเพลีย ระบบประสาทจะสั่งการให้อยากกินอาหารรสเปรี้ยว หรืออยากกินอะไรแปลก ๆ นั่นเอง

8. มีเลือดออกหรืออาการตะคริว
เมื่อตัวอ่อนเคลื่อนตัวเข้ามาฝังตัวในมดลูก ช่วงสัปดาห์ที่ 3 - 4 บางครั้งอาจมีผลข้างเคียง เช่น เป็นตะคริว หรือเลือดออกจากช่องคลอดเล็กน้อย ซึ่งเลือดจุดเล็กๆ นี้อาจมีสีแดง ชมพู ซึ่งมันจะหายไปเองภายใน 1 – 2 วัน ต่อจากนั้นให้คุณสังเกตเรื่องประจำเดือน หากประจำเดือนไม่มาตามกำหนดก็ควรทำการตรวจการตั้งครรภ์เพื่อความมั่นใจต่อไป

จบกันไปแล้วสำหรับสัญญาณเตือนการตั้งครรภ์ที่คุณควรรู้ไว้ ซึ่งจริงๆแล้วยังมีอีกหลายวิธีที่เป็นอาการว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งหวังว่าทุกคนที่มีความตั้งใจที่จะมีน้องๆสมหวังกันทุกคนนะ หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์สำหรับบทความนี้

#การตั้งครรภ์ #สาระน่ารู้ #สุขภาพ
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | ctoon | 16 ก.พ. 62 02:21 น.

พอดีว่าดิฉันไปอ่านเจอบทความนึงเกี่ยวกับสัญญาณการตั้งครรภ์มาค่ะ ยังไงก็ขอแชร์นะคะ
1. มีอะไรบางอย่างออกมาจากช่องคลอด
หากมีเมือกออกมาจากช่องคลอด ลักษณะคล้ายตกขาวแต่ไม่ใช่ เช่น เมือกสีเหลืองอ่อน หรือเมือกเหนียวๆ สีขาว อาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ได้ เนื่องจากเวลา ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลง ทำให้มดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย จึงอาจมีเมือกที่คล้ายตกขาวออกมาจากช่องคลอด ซึ่งเป็นอาการที่ไม่รุนแรง แต่หากมีอาการติดเชื้อในช่องคลอด หรือมีอาการดังต่อไปนี้ ควรไปพบคุณหมอ

อวัยวะเพศมีกลิ่น
รู้สึกแสบที่อวัยวะเพศ
คันอวัยวะเพศ
ตกขาวเป็นสีเขียวอมเหลือง
2. ตัวร้อน
เวลาที่ผู้หญิงเกิดภาวะตกไข่ อุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น และเป็นแบบนี้จนกระทั่งมีประจำเดือนในครั้งถัดไป แต่ถ้าอุณหภูมิในร่างกายสูง นานกว่า 2 สัปดาห์ อาจหมายความว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ วิธีสังเกตอาการคือ อาจจะมีความรู้สึกหนาว รู้สึกร้อน สลับกัน หรือรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แปลกๆ ตัวรุมๆ อาการเหล่านี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เนื่องจากการ ตั้งครรภ์

3. ปัสสาวะบ่อย
ถ้าพบว่าตัวเองเข้าห้องน้ำบ่อยๆ นี่อาจเป็นสัญญาณของ อาการคนท้อง ก็เป็นได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปัสสาวะบ่อย อาจเป็นเพราะฮอร์โมนแห่งการตั้งครรภ์ (HCG) จะกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อย นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปัสสาวะบ่อยคือ เมื่อเวลาผ่านไปมดลูกจะขยายตัวเพื่อการตั้งครรภ์ ทำให้มดลูกดันทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ต้องปัสสาวะบ่อย

4. วิงเวียน อาเจียน คลื่นไส้
ช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ผู้หญิงมากกว่า 50% จะวิงเวียน คลื่นไส้ และอาเจียน แต่บางคนก็ไม่มี อาการคนท้อง จนกระทั่ง 2 สัปดาห์ หรือ 2 เดือนต่อมาหลังจากการตั้งครรภ์ ถึงจะมีอาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ เพราะร่างกายมีฮอร์โมนแห่งการตั้งครรภ์ (HCG hormone) สูง อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ การตั้งครรภ์จะทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ ข้อควรระวังคือ หากมีอาการเลือดออกทางช่องคลอด และมีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย นี่อาจเป็นอาการของโรค Ectopic pregnancy หรือภาวะที่ไข่ที่ปฏิสนธิกับอสุจิแล้ว ไปฝังตัวนอกมดลูก ซึ่งควรรีบไปหาคุณหมอ เพื่อให้วินิจฉัยและรักษาอาการต่อไป

5. ท้องผูก หรือมีปัญหากับการขับถ่าย
เวลาตั้งครรภ์กระบวนการย่อยอาหารจะช้าลง เนื่องจากร่างกายต้องใส่ใจกับการดูดซึมสารอาหาร เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ และฮอร์โมนในร่างกายของผู้หญิงตั้งครรภ์ก็เปลี่ยนแปลงด้วย จึงอาจเป็นเหตุให้เกิดอาการท้องผูก การกินอาหารที่อุดมไปด้วยใยอาหาร อย่างผัก ผลไม้ และการดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ก็จะช่วยแก้ปัญหาท้องผูก และดีต่อระบบขับถ่าย

6. มีเลือดออกจางๆ
ประมาณ 25%-40% ของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ จะมีเลือดออกเล็กน้อย หรืออาจสังเกตเห็นเลือดเป็นจุดๆ บนผ้าอนามัย เลือดออกอาจเกิดขึ้นได้เมื่อตัวอ่อนฝังตัวในผนังมดลูก หรือที่มักจะเรียกกันว่าเลือดล้างหน้าเด็ก (Implantation bleeding) หมายถึงภาวะที่มีเลือดออกมาจากช่องคลอด เนื่องจากตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูก โดยอาจเกิดขึ้น 2 สัปดาห์หลังจากตั้งครรภ์

7. เป็นหวัด
การตั้งครรภ์ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลง นั่นหมายความว่าคุณมีแนวโน้มที่จะไอ เป็นไข้หวัด หรือเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีอาการไข้หรือเป็นไข้หวัดใหญ่ก่อนตั้งครรภ์ ให้ปรึกษาคุณหมอเพื่อรักษาอาการป่วย นอกจากนี้ผู้หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรงจากการเป็นไข้หวัดใหญ่ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพของทารกในครรภ์

8. มีอาการกรดไหลย้อน
ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงทุกอย่างขณะตั้งครรภ์ รวมถึงกล้ามเนื้อหูรูด (Valve) ที่กั้นระหว่างหลอดอาหารและกระเพาะอาหารจะคลายตัว ในช่วงตั้งครรภ์ ส่งผลให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนมาที่หลอดอาหาร เป็นเหตุให้เกิดอาการกรดไหลย้อน สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการกินอาหารมื้อเล็กๆ แต่กินหลายมื้อ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีฟองแก๊ส น้ำผลไม้ และอาหารรสเผ็ด

9. อารมณ์แปรปรวน
ขณะตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่ออารมณ์ความรู้สึก โดยคุณอาจจะรู้สึกว่าอารมณ์อ่อนไหวผิดปกติ นอกจากนี้การมีอารมณ์ในเรื่องทางเพศก็จะเปลี่ยนแปลงไปมา จากร้อนเป็นเย็นจากนั้นกลับมาร้อนอีกครั้ง คุณอาจจะมีอารมณ์แปรปรวน ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ซึ่งเป็นอาการปกติเนื่องจากการตั้งครรภ์

10. มีรสชาติของโลหะในปาก
การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในช่วงตั้งครรภ์ นำไปสู้การเปลี่ยนแปลงการรับรู้รสชาติของผู้หญิงตั้งครรภ์หลายคน อาการที่เรียกว่า Dysegusia หรือการที่ผู้หญิงตั้งครรภ์รับรู้รสของโลหะในปาก โดยคุณจะรู้สึกเหมือนกำลังเคี้ยวเหรียญบาทเก่าๆ วิธีบรรเทาอาการคือให้เคี้ยวเกลือ หรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล รวมถึงให้ดื่มน้ำเย็น หรือกินอาหารรสเผ็ดก็จะช่วยได้

11. เต้านมเกิดการเปลี่ยนแปลง
เต้านมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในช่วงสัปดาห์ที่ 4-6 ของการตั้งครรภ์ คุณมีแนวโน้มที่จะมีอาการหน้าอกนุ่มและบวมเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งอาการจะหายไปหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์เมื่อร่างกายปรับฮอร์โมน นอกจากนี้การเปลี่ยนแปลงของ**และเต้านมอาจเกิดขึ้นประมาณสัปดาห์ที่ 11 ฮอร์โมนจะเป็นสาเหตุให้ผู้หญิงหน้าอกใหญ่ขึ้น และบริเวณ**จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้นและมีขนาดใหญ่ขึ้น

12. จมูกไวต่อกลิ่น
หนึ่งในสัญญาณของการตั้งครรภ์คือมีอาการไวต่อการได้กลิ่นอาหาร และคุณอาจรู้สึกเหม็นกลิ่นอาหารจนไม่สามารถกินได้ โดยมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับอาการไวต่อกลิ่นในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ได้แก่รายงานในปี 1922 ถึงปี 2014 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการได้กลิ่นกับการตั้งครรภ์ ผลการศึกษาพบว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ในช่วงแรกจะได้กลิ่นรุนแรงขึ้น ซึ่งการไวต่อกลิ่นอาจส่งผลทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและอาเจียน รวมถึงอาการเหม็นกลิ่นอาหารจนไม่สามารถกินอาหารได้

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google