โอ๊ต ปราโมทย์ เปิดใจเลิกแฟนสาว ไม่มีมือที่ 3 ปัดบอกเลิกเพราะหมด passion

"ผมจะถูกจะผิดจะเถียงจะอะไร บุคลิกอย่างผม ยังไงก็โดนด่า ไม่พูดก็โดนด่า อยู่เฉยๆ ก็โดนด่า คือจริงๆคนเลิกกันผมก็เสียใจมากพออยู่แล้วผมยังต้องมาโดนคนอื่นด่าอีก ผมก็รู้สึกว่าเราก็ช้ำใจอยู่แล้ว คนเลิกกันไม่มีใครดีใจหรอก มันก็มีแต่เสียใจคนคบกันมาเป็นสิบปี" "คือคนเราคบกันมันมีทั้งดี ทั้งไม่ดีอยู่แล้วความรักมันก็ขึ้นๆ ลงๆ ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกัน คุยกัน มีปัญหากัน ทะเลาะกัน เลิกกัน กลับมาดีกันอะไรก็แล้วแต่ มันผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ซึ่งผมก็คิดว่าสิบปี สิบเอ็ดปีที่ผ่ามาผมก็ดูแลเขาได้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะดูได้แล้ว เต็มที่"

สาเหตุที่เราบอกเลิกเขา
"ผมบอกก่อนเลยว่าผมไม่ใช่คนดีนะ แต่ผมก็ไม่ถึงขนาดใจร้ายที่จะเดินไปบอกผู้หญิงคนหนึ่งที่คบกันมาสิบปี สิบเอ็ดปีว่าเราหมด passion แล้วเราเลิกกันเถอะ มันใจร้ายเกินไป ไอ้คำว่าหมด passion ผมคุยกับเขาว่า ก่อนที่เราจะคุยเรื่องแต่งงานกัน เราคุยกันก่อนไหมว่า passion ที่เรามีให้กันตอนนี้ ไม่ใช่แค่ผม แต่คือที่เรามีให้ระหว่างกัน มันมีเพียงพอไหมที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน แต่งงานมันไม่ใช่เล่นขายของ ในมุมของผมคนที่จะแต่งงานกัน มันต้อง full feel ไปด้วยความรักทั้งสองคน มันไม่ใช่แต่งงานเพื่อเป็นเครื่องมือให้เราอยู่ด้วยกัน"

"หลังจากมีข่าวก็ไม่ได้คุยกัน แต่ก็โทรไปหาน้องชายเขา ฝากบอกเขาว่าไม่ได้โกรธเลย แล้วก็เข้าใจเหตุผมทุกอย่างที่เขาพิมพ์ ที่เขาทำ ก็ขอโทษด้วยถ้าที่ผ่ามาทำอะไรให้ไม่ดี หรือดูแลได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร"


เขาอยากแต่งงานแต่เราไม่อยากแต่งใช่ไหม
"ผมว่าเรื่องนี้เก็บไว้เป็นเรื่องของคนสองคนดีกว่า มันละเอียดอ่อน ผมไม่อยากมาพูดว่าอยากแต่งไม่อยากแต่งคนคบกัน การแต่งงานการใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมันมีดีเทลยิบย่อยมากกว่านั้นที่คนอื่นไม่รู้ในสิ่งที่มันเกิดขึ้นต่างๆ ในวันที่มันผ่านมา ผมเลยรู้สึกว่าขอเรื่องนี้ขอเรื่องนี้ให้มันเป็นเรื่องของคนสองคนว่ามันมีปัญหาตรงไหน แต่เชื่อเถอะครับว่าผมสองคนทำดีที่สุดแล้ว"

ที่บอกว่าจบคอนเสิร์ตจะคุยเรื่องแต่งงาน
"อันนี้เราคุยกันมาหลายปีแล้วครับ จริงๆ เรื่องแต่งานคุยมา 5 6 ปีแล้ว 5 ปีที่แล้วผมอยากแต่งงานผมก็ยอมรับ แต่ก็มีอะไรหลายอย่างที่มันไม่พร้อมเหมือนกันในวันนี้ก็มีอะไรหลายอย่างที่ไม่พร้อม รวมไปถึงเรื่องอื่นๆ ที่มันส่วนตัวมากๆ ที่ผมพูดไม่ได้ ไอ้เรื่องที่ผมบอกว่าจะไปขอหลังคอนเสิร์ตผมก็พูดจริงๆ แต่อย่าลืมว่า ก่อนจะถึงวันนั้นมันก็ผ่านเหตุการณ์อะไรอีก หลายๆเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องมานั่งทบทวนว่ามันใช่ตอนนี้จริงๆ หรอ"

มีตัวแปรรึเปล่า
"มันไม่มีตัวแปรเลย คนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผมสองคนไม่มีทางรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าให้ผมนั่งอธิบายทั้งหมดผมอธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในระหว่างทางบ้าง"

เพราะความเจ้าชู้ของเราไหม
"ผมเลิกกับเขาไม่ใช่เรื่องคนอื่นเลยครับ อย่าเอามือที่สามมาเกี่ยว ผมดูข่าวผมเห็นเขียนกัน แบบไปลากคนอื่นที่เขาไม่รู้เรื่องเข้ามาเกี่ยว ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรเลย ผมก็รู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับเขา เรื่องที่ผมทะเลาะกับเขาเรื่องเจ้าชู้ มันผ่านมาหลายปีแล้ว แล้วผมก็ยอมรับผมไม่ใช่คนดี และผมก็เคยเละเทะ ผมก็เคยนอกใจ ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นผู้ชาย ผมเจ้าชู้ผมก็ยอมรับ แล้วจะมาถามหาความสมบูรณ์แบบกับมนุษย์อย่างผม ผมก็ไม่มีความสมบูรณ์แบบให้ไง ผมก็เป็นแค่คนตลก คนกะล่อน แต่ที่ผมเลิกกับเขาผมไม่ได้มีคนอื่น และก็อย่าเอาคนอื่นมาเกี่ยวข้องมันเป็นเรื่องของคนสองคน คนเลิกกันสองคนผมก็ไม่คิดว่ามันจะเดือดร้อนกันทั้งประเทศ ติดแฮทแท็กด่าผมกันแบบสนุกปากเลย"

มันมีโอกาสคุยกันแล้วกลับไปจูนกันใหม่ไหม
"คือตอนนี้ปัญหามันไม่ใช่ผมแล้ว ปัญหามันคือเรื่องที่บ้านแล้ว แม่ผมอายุ 70 แต่ผมไม่เล่นโซเชียลเลยแต่มีคนเอาข่าวไปให้แม่ผมอ่าน เอาคอมเมนต์ไปให้อ่าน แม่ผมอายุ 70 กว่าต้องมานั่งอ่านคอมเมนต์ที่เขาด่าลูกชายตัวเอง ทั้งๆ ที่แค่เลิกกับแฟน เป็นแม่ผมจะเสียใจไหม ผมก็แค่แบบ ผมไปทำอะไรให้คนเดือดร้อนขนาดนั้นเลยหรอ ผมแค่เลิกกับแฟน แล้วก็เลิกด้วยเหตุผลส่วนตัวของคนสองคน คือถ้าอยากให้กำลังใจไปให้กำลังใจเขา แต่ถ้าอยากด่ามาด่าผม แต่อย่าด่าถึงพ่อถึงแม่ผม อย่าด่าครอบครัวผม บางคนไปเอาเรื่องครอบครัวผมมาด่า ด่าเรื่องอ้วน อัปลักษณ์ หน้าเหมือนหมีควายแล้วยังมั่นใจในตัวเอง คือแบบคนอย่างผมโดนด่ามาทั้งชีวิตอยู่แล้ว ฉะนั้นอะไรก็ได้ก็ด่าผม แต่อย่าไปทำร้ายคนอื่นที่ผมรัก อย่าไปด่าแม่ผม อย่าไปด่าเขา อย่าไปด่าบุคคลที่สาม อยากด่าก็ด่าผมเท่านั้นเองครับ"


#โอ๊ตปราโมทย์

ขอบคุณภาพจาก
@oatpramote