ความรักถึงทางตัน ทิม พิธา แถลงข่าว หลัง ต่าย ชุติมา โพสต์ตามหาลูกสาวในอินสตาแกรมขอแรงชาวโซเชียลแจ้งเบาะแส และเข้าไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

29 มี.ค. 62 19:51 น. / ดู 1,305 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ย้อนไทม์ไลน์ไปก่อนหน้านี้หลังจากมีข่าวออกมาว่านางเอกสาวปาร์ตี้หนักจนสามีไฮโซขอหย่าคนก็พากันโยงไปคู่ของ ทิม พิธา กับ ต่าย ชุติมา และ ทิม พิธา ก็ออกมายอมรับว่ากำลังเผชิญกับปัญหาครอบครัว และอยู่ในช่วงของการแก้ปัญหาเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ต่อด้วย ต่ายที่ออกมาเผยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในครอบครัวมาจากทัศนคติการเลี้ยงลูกที่ต่างกันเรื่องราวเป็นประเด็นอยู่พักหนึ่งและก็เงียบไป แต่ต่อมาวันที่ 27 มีนาคม 2562 สาวต่ายก็ได้โพสต์อินสตาแกรมตามหาลูกสาวน้องพิพิมที่เซนทรัลเวิร์ล และได้เข้าไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ระบุว่า นัดรับส่งลูกสาว แต่ถึงเวลาทิม พิธา ไม่มาตามที่ตกลงกันไว้ และไม่สามารถติดต่อได้




...ต่ายโพสต์ขอโทษผุ้จัดงานที่ไม่ได้พาพิพิมไปงานตามตกลง...






ซึ่งในส่วนของ ต่าย ได้เผยว่ายังเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายยังไม่มีการหย่าร้างกัน หลังจากมีเรื่องมีราวกันก็แยกกันอยู่ โดยตกลงว่าจะผลัดกันเลี้ยงลูกคนละ 5 วัน ซึ่งในวันเกิดเหตุก็คือวันที่เป็นคิวของสาวต่ายที่จะรับลูกมาเลี้ยง โดยนัดกันที่ชั้น 6 โซนของเล่น ที่เซนทรัลเวิร์ล แต่พอถึงเวลานัดก็ไม่มีวี่แวว "นัดกันแล้วว่าที่นี่เวลานี้ แล้วก็มาติดต่อไม่ได้ทั้ง 2 เบอร์ และเบอร์พี่เลี้ยง คนรถ และก็เบอร์ทนาย ทุกคนปิดเครื่องหมด ตั้งแต่ทุ่มหนึ่งรอจนห้างปิด มีการให้ห้างประกาศว่าให้มาเจอที่จุดประชาสัมพันธ์"




และล่าสุดวันนี้ (29 มีนาคม 2562) ทิม พิธา ได้ตั้งโต๊ะแถลงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น
บอกว่า "ไม่นึกว่าจะถึงวันนี้ที่จะต้องมาพูดด้วยรอยยิ้มที่ฝืนและหัวใจที่หนักอึ้ง"




โดยเปิดใจยอมรับว่า "ความรักถึงทางตัน เป็นระยะเวลานาน น่าจะ 13 14 เดือนล่ะ ก็คงไม่มีใครอยากให้ออกมาลักษณะนี้ ตอนนี้ก็คงต้องยอมรับว่าพยายามเต็มที่แล้วในตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ประคับประคองด้วยการพูดคุยกันเอง ด้วยการพูดคุยให้มีผู้ใหญ่ที่เคารพมาช่วย ก็มีการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านเกี่ยวกับการสมรส แต่ในที่สุดแล้วก็ไม่สำเร็จ บทบาทสามีภรรยาก็คงต้องยุติลง แต่ว่าก็ยังเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมายอยู่เพราะว่ายังไม่ได้ไปเซ็นหย่าที่เขต เมื่อมันไปต่อไม่ได้มันถึงทางตันเราก็ต้องยอมรับ และมองไปในอนาคต ผมเองก็อยากที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงยังไงก็ยังจำบรรยากาศดีๆ หรือจำความรู้สึกดีๆ ที่ยังเคยมีให้กันและกันได้ และยังหวังถึงแม้ว่าบทบาทในการเป็นสามีภรรยาอาจจะไม่ได้ไปต่อ แต่ในความเป็นพ่อเป็นแม่มันยังมีอยู่ และยังมีความหวังว่าอยากจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและก็ช่วยกันเลี้ยงลูกต่อไป"




ทิม พิธา บอกว่าการให้ลูกย้ายบ้านไปมาส่งผลกระทบต่อลูก "สำหรับพิพิม สิ่งที่เป็นสิทธิของเขา ถึงแม้ว่าผมจะเป็นพ่อเขาแต่ผมไม่มีสิทธิไปเผยแพร่หรืออธิบายสาธยายให้ฟังได้ว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นกับลูกจากความไม่เข้าใจกันของผู้ใหญ่มันมากมายเพียงใด ผมก็เป็นห่วงลูกสาวเป็นหลักเพราะว่าชีวิตผมส่วนตัวไม่มีปัญหายินดีที่จะไปต่อด้วยตัวคนเดียว แต่สิ่งเดียวที่ห่วงมากที่สุดคือลูก เพราะลองคิดถึงหัวใจของเด็กมันเกินไป รายละเอียดอยู่ในชั้นศาลหมดแล้ว ก็ต้องยอมรับว่าพิพิมได้รับผลกระทบ ทั้งที่จริงๆ เขาเป็นเด็กร่าเริง แต่ว่าน้องได้รับผลกระทบพอสมควร มีเรื่องของการเครียด ความสับสนจากความผิดของพ่อและแม่ ตลอดเวลา 6 เดือนที่มีการแยกบ้านกัน ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กที่ให้ดู ว่าได้รับผลกระทบไหมจากปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะเราไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรอย่างมีเสถียรภาพได้ ก็ได้รับคำแนะนำมาว่าในฐานะพ่อก็ต้องปกป้องลูก จะปล่อยให้ลูกมารับกรรมจากความไม่เข้าใจกันของผู้ใหญ่ไม่ได้ ไม่ใช่ครั้งเดียวก็คือพิพิมได้รับความเครียดและความสับสน จากการที่คุณต่ายพูดเอง ว่าข้อตกลงของเขาคือการย้ายบ้านไป 5 วัน กับ 5 วัน มีใครอยากจะย้ายบ้านในทุก 5 วัน หรือว่ามีใครอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในกระเป๋าเดินทางที่ทุก 5 วันต้องเก็บตุ๊กตาเก็บเสื้อผ้าโดยที่ไม่มีคำอธิบาย แล้วก็ย้ายกลับไปกลับมา"




"เพราะฉะนั้นสิ่งที่ในใบรับรองแพทย์เขียนมาก็คือว่าความผาสุกของลูกเป็นสิ่งสำคัญ ความมั่นคงทางอารมณ์ของลูกเป็นสิ่งสำคัญปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำๆ จะเกิดผลในระยะยาว ผมเองก็ไม่เห็นด้วย ก็พูดพยามยามอยากจะกำหนด แต่ว่าเราจดทะเบียนกันสิทธิก็เป็น 50 50 สมัยก่อนสิทธิเป็น 50 50 มีผลกระทบกับลูกก็ต้องหยุด แต่พูดคุยกันก็ไม่สำเร็จ พิพิมก้ยังได้รับผลกระทบต่อไปเรื่อยๆ"




"คิดว่าถ้าพูดคุยกันไม่ได้ ผู้เชี่ยวชาญหมอก็แนะนำว่าต้องพึ่งคนกลาง ผมก็เลยต้องตัดสินใจที่ต้องฟ้องหย่าเมื่อพฤศจิกายนที่ผ่านมา ขอสิทธิในการเลี้ยงดูบุตรและก็สามารถที่จะพูดคุยกันให้รู้เรื่อง ก็มีการไต่สวนกัน 11 กุมภาพันธ์ คุณต่ายขาดนัดศาลไม่ได้มา ศาลก็ตัดสินพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน แล้วก็ให้สิทธิปกครองบุตรกับผมแต่เพียงผู้เดียว และตอนนี้คุณต่ายก็ขอคำร้อง ขอรื้อคดีใหม่อีกรอบ ซึ่งก็ไม่เป็นไรเป็นกระบวนการทางกฎหมาย"




"ล่าสุดผมเดินทางไปที่เซ็นทรัลเวิร์ล ในใจผมคิดไว้แล้วว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะมันเป็นหลายครั้งแล้วที่พอไปถึง อย่างที่คุณต่ายพูดไว้ที่สน. บอกว่ามีปัญหานิดหน่อยเวลาที่จะส่งมอบลูกกัน ซึ่งที่เขาพูดมันเป็นเรื่องจริงไง ก็คือถ้าเกิดพิพิมอยากจะไปก็โอเค เพราะว่ามีปัญหา ถ้าครั้งนี้ไม่มีปัญหาก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเกิดมีปัญหาผมก็คิดว่าพอแล้วที่ลูกต้องมาเป็นผลลัพธ์จากความขัดแย้งของพ่อและแม่ ผมก็คิดว่าคงจะไม่ให้ไป ถ้าลูกโอเคไม่มีอะไรยิ้มแย้มแจ่มใสก็โอเค แต่ถ้าเกิดลูกเกิดร้องบอกว่าไม่อยากไปผมก็คิดว่าวันนั้นมันไม่ให้ไปแล้ว ก็มาหาที่บ้านแล้วกัน ขอพูดตรงนี้เลยว่าไม่ได้กีดกัน"




"ก่อนหน้านี้ก็คงต้องยอมๆ กันไปเพราะมัน 50 50 เราจดทะเบียนกัน
แต่ตอนนี้มันก็ไม่ใช่อย่างนั้นตามเอกสาร ก็พยายามอยากจะวิงวอนไม่อยากจะใช้สิทธิพร่ำเพื่อก็เป็นพ่อกับแม่กัน
พอได้แล้วเธอมาหาลูกได้ทุกเมื่อดีกว่ามาหาที่บ้านก็แล้วกัน แทนที่จะให้ลูกย้ายไปย้ายมา"




"ตอนนี้พิพิมมี 2 โรงเรียน คือตั้งแต่ตุลา พฤศจิกาที่ผ่านมาลูกก็ 2 ขวบครึ่ง มีความตั้งใจจะหาโรงเรียนใกล้บ้าน และก็ได้โรงเรียนที่ลูกชอบ ก็ได้แจ้งทางคนของคุณต่าย คือวันนั้นคุณต่ายไม่ได้มาด้วย ก็สมัครเรียนที่โรงเรียนนานาชาติแถวสุขุมวิท สมัครไปตั้งแต่พฤศจิกายน แล้วก็ปรากฏว่าน่าจะเดือนกุมภามั้ง ที่เขาก็ไปสมัครอีกโรงเรียนหนึ่งใกล้บ้านเขา"




โดย ทิม พิธา บอกว่าในวันที่เกิดเรื่องราวขึ้น นอกจากจะเป็นวันที่ส่งมอบลูกแล้วยังเป็นวันที่ทั้งคู่จะนัดคุยกัน แต่แบตมือถือของหนุ่มทิม พิธากำลังจะหมด และได้มีการบอกทางสาวต่ายไปแล้วว่าแบตมือถือจะหมด ให้ติดต่อทางทนาย และคิดว่าอยากจะคุยกันในที่ที่เป็นที่ลับเป็นส่วนตัว เลยตัดสินใจว่าจะรอ แต่พอรู้เรื่องอีกทีก็เกิดเป็นเรื่องไปแล้ว...





#ทิมพิธา #ต่ายชุติมา

ขอบคุณภาพจาก
@tim_pita @tye_chutima @Tudd_Entertain @gossipstar @SpringNews
แก้ไขล่าสุด 29 มี.ค. 62 19:56 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 7

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | sz413506 | 30 มี.ค. 62 18:16 น.

ชอบ

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

#2 | awkward55555 | 1 เม.ย. 62 10:07 น.

ขอให้หาทางออกกันได้ไวๆ เพื่อลูก

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 7

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google