ขั้นตอนการดูแลตัวเองก่อน และหลังการผ่าตัดส่องกล้อง
5 มิ.ย. 62 17:23 น. /
ดู 495 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#ผ่าตัดส่องกล้อง
ไม่ว่าใครก็กลัวการผ่าตัดด้วยกันทั้งนั้น เพราะเมื่อลองนึกถึงการที่จะต้องถูกกรีดด้วยมีดเป็นแผลยาวเพื่อทำการรักษาอวัยวะภายในนั้น ไหนจะเสียเลือด ไหนจะเจ็บแผล และกว่าจะหายกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติก็ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรม การผ่าตัดส่องกล้อง หรือการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งข้อดีหลัก ๆ ของการผ่าตัดผ่านกล้อง จะทำให้กระทบต่ออวัยวะข้างเคียงน้อย เสียเลือดน้อย มีแผลเพียงเล็ก ๆ หรือไม่มีแผลภายนอกเลย ลดโอกาสเกิดโรคหรือภาวะแทรกซ้อนได้ดี ทำให้กลับใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น จึงเป็นการผ่าตัดที่ลดความกังวลของผู้ป่วย และในปัจจุบันผู้หญิงเป็นโรคภายในค่อนข้างมาก จากสถิติพบว่า ผู้หญิงอายุ 30 ปีขึ้นไปมีโอกาสตรวจพบโรคเนื้องอกมดลูก ซีสต์รังไข่ และเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โดยโรคที่พบมากเป็นอันดับแรกคือ เนื้องอกมดลูก และที่น่าสนใจคือในผู้หญิง 10 คนจะพบผู้หญิงที่เป็นโรคภายใน 3 ถึง 4 คน โดย 3 ถึง 4 คนนี้มี 30 เปอร์เซ็นต์ที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษา เพราะฉะนั้นการใส่ใจตรวจภายในเป็นประจำทุกปีหรือเมื่อพบความผิดปกติรีบพบสูติ-นรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ย่อมช่วยให้ตรวจพบได้เร็ว รักษาทันท่วงที ไม่ให้ลุกลามในอนาคต และหากใครตรวจพบโรคภายในและจำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัดส่องกล้องนั้นควรที่จะดูแลตัวเองยังไงบ้าง ตามมาดูกันค่ะ
ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
จำเป็นต้องงดอาหารและน้ำทุกชนิดนานอย่างน้อย 6 ชั่วโมง เพื่อลด และป้องกันการสำลักอาหารในขณะที่มีการให้ยาระงับความรู้สึก และอาหารมื้อสุดท้ายที่รับประทานก่อนการผ่าตัดควรจะเป็นอาหารอ่อน และย่อยง่าย การรับประทานอาหารมากเกินไปก่อนผ่าตัดจะเกิดความเสี่ยงต่อการสำลักอาหาร และยังทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และท้องอืดหลังผ่าตัดได้อีกด้วย กรณีที่ผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรงดี สามารถบริจาคเลือดของตนเอง เพื่อสำรองไว้ในกรณีที่มีเลือดออกมากขณะผ่าตัด และจำเป็นต้องให้เลือดตัวเองต่อได้
หลังการผ่าตัด
ผู้ป่วยอาจจะรู้สึกเหนื่อย และไม่มีแรงอยู่ประมาณ 2-3 วัน ซึ่ง ถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ การลุกขึ้นจากเตียงและพยายามเคลื่อนไหวร่างกายตั้งแต่วันแรกหลังผ่าตัด จะช่วยให้ฟื้นตัวภายหลังการผ่าตัดได้เร็วยิ่งขึ้น และช่วยลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ได้อีกด้วย โดยทั่วไปแพทย์มักปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ ผู้ป่วยสามารถอาบน้ำได้โดยไม่ต้องกลัวแผลเปียก แต่หากเป็นพลาสเตอร์ปิดแผลแบบไม่กันน้ำ ก็ควรระวังไม่ให้แผลโดนน้ำอย่างเด็ดขาด จนกว่าจะครบกำหนดวันที่แพทย์นัดไปตรวจอีกครั้ง
งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด
อาการปวดแผล อาจพบได้ในช่วงสัปดาห์แรกของผ่าตัด การรับประทานยาแก้ปวดก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดลงได้ และอาการปวดแผลจะทุเลาลงเมื่อระยะเวลาผ่านไป
หลีกเลี่ยงการยกสิ่งของที่หนักเกิน 4 กิโลกรัม หรือการเกร็งกล้ามเนื้อหน้าท้องในช่วง 6 สัปดาห์แรก และงดการออกกำลังกายอย่างหนัก ประมาณ 2-4 สัปดาห์ หลังการผ่าตัด
หลีกเลี่ยงการขับรถเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 7-10 วัน หลังผ่าตัด
งดการมีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลาประมาณ 6 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 - 10 ชั่วโมง ในสถานที่ซึ่งมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
รับประทานยาให้ตรงตามเวลา และครบจำนวนตามที่แพทย์สั่ง
ในช่วง 2-3 สัปดาห์หลังผ่าตัด ตับจำเป็นต้องได้รับการบำรุง เนื่องจากยาทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกายจะไปทำปฏิกิริยากับตับ ควรรับประทานอาหารเสริมจำพวก มิลค์ทิสเทิล (Milk Thistle) ซึ่งมีสรรพคุณเป็นแอนติออกซิแดนท์ เลือกรับประทานผัก ผลไม้สด หลีกเลี่ยงช็อกโกแลต ชา กาแฟ เนื่องจากมีคาเฟอีนที่จะไปเพิ่มภาระการทำงานของตับให้มากขึ้น
ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นในการปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดส่องกล้อง ไม่สามารถนำมาใช้ได้กับทุกคนในแบบแผนเดียวกันทั้งหมด ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และปัจจัยเฉพาะของแต่ละบุคคล ชนิดของการผ่าตัด ตลอดจนสภาพของร่างกายที่แตกต่างกันอีกด้วย
#ผ่าตัดส่องกล้อง
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google