เรื่องเล่าข้างมิวเซียม : ให้ขนมไหว้เล่าเรื่อง : ขนมเทียน ขนมเข่ง
10 ก.ย. 62 21:40 น. /
ดู 1,516 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ที่บ้านไหว้มั้ย อย่าลืมขนมเข่งกับขนมจีนมาฝากด้วยนะ
ประโยคที่คนไทยเชื้อสายจีนอย่างเรามักจะได้ยินจากเพื่อนๆเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน
เมื่อถึงเทศกาลไหว้เจ้าของคนจีน หรือประเพณีมงคลของจีนทุกคนจะต้องนึกถึงขนมเข่ง ขนมเทียนเสมอ
และด้วยเราเป็นคนไทยเชื้อสายจีนเรามักจะต้องเตรียมของไหว้เจ้าทุกปี เรียกว่าเหนื่อยมากอยู่เหมือนกัน
บางปีก็นึกสนุกทำขนมเข่งเองบ้าง แต่บางปีก็สั่งเอาบ้าง หรือบ้านญาติก็จะทำแล้วแบ่งเอามาให้บ้าง
แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าทำไมต้องไหว้ด้วยขนมเข่งและขนมเทียน วันนี้ก็เลยถือโอกาสลองค้นเรื่องราวของขนมเข่งและขนมเทียนดู
เลยถึงได้รู้ว่าขนมเข่งและขนมเทียนเดิมที่ถูกใช้ในไหว้ช่วงเทศกาลสารทจีนเท่านั้น บรรพบุรุษชาวจีนจะคุ้นเคยกับขนมนี้กันเป็นอย่างดี พอถึงวันไหว้บรรพบุรุษ ลูกหลานจึงนิยมนำขนมชนิดนี้มาเซ่นไหว้
ขนมเข่ง
มีเรื่องเล่าตำนานของขนมเข่ง เล่าไว้ว่า สมัยก่อนมีเทพเจ้าจีนซึ่งคอยปกปักรักษามนุษย์ มีหน้าที่ต้องขึ้นไปรายงานความดีและความชั่วที่ของมนุษย์ให้กับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ พอในช่วงก่อนที่จะถึงวันตรุษจีน ก็มีมนุษย์ที่ไม่ค่อยได้ทำความดีก็หัวหมอ ได้คิดทำขนมเข่งขึ้นมาให้กับเทพเจ้าได้กิน เพื่อหวังให้ขนมเข่งช่วยปิดปากเทพเจ้าให้ไม่สามารถรายงานความชั่วได้ เพราะขนมเข่งมีลักษณะเหนียวหนืด เมื่อเคี้ยวในปากแล้วจะพูดไม่ถนัด เพราะขนมนี้ทำจากแป้งกวนกับน้ำตาลทรายแล้วนำไปนึ่งจนสุก มนุษย์นี้เข้าใจคิดจริงๆ
และมีอีกเรื่องเล่าว่า ขนมเข่งเป็นขนมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ชาวจีนอพยพมาเมืองไทย และต้องการอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้นานจึงมีการเริ่มทำขนมเข่งขึ้นมา เพราะว่าขนมเข่งที่นึ่งจนสุกแล้วสามารถเก็บได้นาน ไม่เสียง่าย จนขนมเข่งกลายเป็นขนมสำคัญของคนจีน และเพื่อทำให้ระลึกถึงช่วงชีวิตที่ยากจน เร้นแค้นและยากลำบาก ชาวจีนจึงนำขนมเข่งมาเซ่นไหว้แด่บรรพบุรุษ (ในวันสารทจีน) และเทพเจ้า (ในวันตรุษจีน)
ขนมเทียน
เราพึ่งรู้ว่าขนมเทียนนี้ไม่ใช่ขนมของคนจีนมาตั้งแต่แรก แต่ขนมเทียนนั้นเป็นขนมที่ชาวจีนดัดแปลงมาจากขนมใส่ไส้ของไทย โดยมีปรับเปลี่ยนจากตัวแป้งที่ผสมจากแป้งข้าวเจ้ากับน้ำกะทิ มาเป็นแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำ
ขนมเทียนมีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น แต่ชื่อหลัก และนิยมใช้จะเป็นขนมเทียน ส่วนชื่อที่มักเรียกต่าง ได้แก่ ขนมจ๊อก ทางภาคเหนือ ส่วนทางภาคกลางเรียก ขนมนมสาว และภาคอีสานเรียก ขนมหมก ขนมเทียนจะมีวิธีทำคล้ายกับขนมเข่งที่ชาวจีนไว้ไหว้เจ้า แต่แตกต่างกันที่การห่อทับด้วยใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยม และมีไส้หวานที่ทำจากมะพร้าวขูดฝอยผัดเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บ และไส้เค็มที่ทำจากถั่วเหลืองบดแล้วนำมาผัดเกลือกับพริกไทยเพื่อให้ได้รสชาต
ขนมเทียน มีความหมายคือ การมีชีวิตที่ราบรื่น และด้วยรูปร่างขนมที่เป็นกรวยแหลมเหมือนเจดีย์ในวัด จึงถือว่าเป็นขนมมงคลที่ใช้ในวันสำคัญทั้งของชาวไทยและชาวจีน
เครดิต museumthailand
[urlhttps://www.museumthailand.com/th/505/webboard/topic/%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-:-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87/]
ประโยคที่คนไทยเชื้อสายจีนอย่างเรามักจะได้ยินจากเพื่อนๆเมื่อถึงเทศกาลตรุษจีน
เมื่อถึงเทศกาลไหว้เจ้าของคนจีน หรือประเพณีมงคลของจีนทุกคนจะต้องนึกถึงขนมเข่ง ขนมเทียนเสมอ
และด้วยเราเป็นคนไทยเชื้อสายจีนเรามักจะต้องเตรียมของไหว้เจ้าทุกปี เรียกว่าเหนื่อยมากอยู่เหมือนกัน
บางปีก็นึกสนุกทำขนมเข่งเองบ้าง แต่บางปีก็สั่งเอาบ้าง หรือบ้านญาติก็จะทำแล้วแบ่งเอามาให้บ้าง
แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าทำไมต้องไหว้ด้วยขนมเข่งและขนมเทียน วันนี้ก็เลยถือโอกาสลองค้นเรื่องราวของขนมเข่งและขนมเทียนดู
เลยถึงได้รู้ว่าขนมเข่งและขนมเทียนเดิมที่ถูกใช้ในไหว้ช่วงเทศกาลสารทจีนเท่านั้น บรรพบุรุษชาวจีนจะคุ้นเคยกับขนมนี้กันเป็นอย่างดี พอถึงวันไหว้บรรพบุรุษ ลูกหลานจึงนิยมนำขนมชนิดนี้มาเซ่นไหว้
มีเรื่องเล่าตำนานของขนมเข่ง เล่าไว้ว่า สมัยก่อนมีเทพเจ้าจีนซึ่งคอยปกปักรักษามนุษย์ มีหน้าที่ต้องขึ้นไปรายงานความดีและความชั่วที่ของมนุษย์ให้กับองค์เง็กเซียนฮ่องเต้บนสวรรค์ พอในช่วงก่อนที่จะถึงวันตรุษจีน ก็มีมนุษย์ที่ไม่ค่อยได้ทำความดีก็หัวหมอ ได้คิดทำขนมเข่งขึ้นมาให้กับเทพเจ้าได้กิน เพื่อหวังให้ขนมเข่งช่วยปิดปากเทพเจ้าให้ไม่สามารถรายงานความชั่วได้ เพราะขนมเข่งมีลักษณะเหนียวหนืด เมื่อเคี้ยวในปากแล้วจะพูดไม่ถนัด เพราะขนมนี้ทำจากแป้งกวนกับน้ำตาลทรายแล้วนำไปนึ่งจนสุก มนุษย์นี้เข้าใจคิดจริงๆ
และมีอีกเรื่องเล่าว่า ขนมเข่งเป็นขนมที่เกิดขึ้นในช่วงที่ชาวจีนอพยพมาเมืองไทย และต้องการอาหารที่สามารถเก็บรักษาได้นานจึงมีการเริ่มทำขนมเข่งขึ้นมา เพราะว่าขนมเข่งที่นึ่งจนสุกแล้วสามารถเก็บได้นาน ไม่เสียง่าย จนขนมเข่งกลายเป็นขนมสำคัญของคนจีน และเพื่อทำให้ระลึกถึงช่วงชีวิตที่ยากจน เร้นแค้นและยากลำบาก ชาวจีนจึงนำขนมเข่งมาเซ่นไหว้แด่บรรพบุรุษ (ในวันสารทจีน) และเทพเจ้า (ในวันตรุษจีน)
ขนมเทียน
เราพึ่งรู้ว่าขนมเทียนนี้ไม่ใช่ขนมของคนจีนมาตั้งแต่แรก แต่ขนมเทียนนั้นเป็นขนมที่ชาวจีนดัดแปลงมาจากขนมใส่ไส้ของไทย โดยมีปรับเปลี่ยนจากตัวแป้งที่ผสมจากแป้งข้าวเจ้ากับน้ำกะทิ มาเป็นแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำ
ขนมเทียนมีชื่อเรียกแตกต่างกันในแต่ละท้องถิ่น แต่ชื่อหลัก และนิยมใช้จะเป็นขนมเทียน ส่วนชื่อที่มักเรียกต่าง ได้แก่ ขนมจ๊อก ทางภาคเหนือ ส่วนทางภาคกลางเรียก ขนมนมสาว และภาคอีสานเรียก ขนมหมก ขนมเทียนจะมีวิธีทำคล้ายกับขนมเข่งที่ชาวจีนไว้ไหว้เจ้า แต่แตกต่างกันที่การห่อทับด้วยใบตองเป็นรูปสามเหลี่ยม และมีไส้หวานที่ทำจากมะพร้าวขูดฝอยผัดเคี่ยวกับน้ำตาลปี๊บ และไส้เค็มที่ทำจากถั่วเหลืองบดแล้วนำมาผัดเกลือกับพริกไทยเพื่อให้ได้รสชาต
ขนมเทียน มีความหมายคือ การมีชีวิตที่ราบรื่น และด้วยรูปร่างขนมที่เป็นกรวยแหลมเหมือนเจดีย์ในวัด จึงถือว่าเป็นขนมมงคลที่ใช้ในวันสำคัญทั้งของชาวไทยและชาวจีน
เครดิต museumthailand
[urlhttps://www.museumthailand.com/th/505/webboard/topic/%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87-:-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%87/]
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google