Review ตาสองชั้น สไตล์เกาหลี ไม่ใช่แค่ทำตาสองชั้นเหมือนที่เข้าใจกัน

Review ตาสองชั้น สไตล์เกาหลี ไม่ใช่แค่ทำตาสองชั้นเหมือนที่เข้าใจกัน 

อยากสวย อยากใส อยากเด่น แต่เจอหมอไม่เก่งขอให้ยกมือขึ้น!! เรื่องของฝีมือ งานตกงานแต่ง งานประณีต ที่คนสนใจอยากศัลย์ตามล่าหาหมอเก่งๆ กันให้วุ่นอยู่นั้น นับวันจะยิ่งหายากมากขึ้นทุกที ขนาดไปหาถึงแหล่งที่น่าเชื่อถือ สถานที่ดูสะอาดตา แต่ถ้าความชำนาญของแพทย์ไม่เพียงพอก็ต้องขอบายอ่ะเนอะ แต่ชีวิตจริงบนโลกของเรา ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีทำศัลยกรรมออกมาสวยปัง เป๊ะๆ เท่ากันหมด เหมือนตัวเราเองที่เคยตัดสินใจทำตาสองชั้นกับสถานที่ชั้นนำไป เพราะหวังตาสวยแววใสสไตล์เกาหลี แต่ผลที่ได้กลับไม่เป็นดั่งใจ ก็คุณหมอที่ไว้ใจไม่ได้ช่วยให้ตาโตสวยใสอย่างที่ต้องการ แต่ก่อนเราก็ตาชั้นเดียวนี่ล่ะ เลยตัดสินใจหาสถานที่ดัง ๆ หน่อยเพื่อไปทำตาสองชั้น แรก ๆ ก็ยังสองชั้นดีอยู่ แต่หลังทำไม่นานชั้นตาก็ไม่เท่ากัน หลังจากที่เราตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปแก้ปัญหาชั้นตาที่ทำมาแล้วแต่ไม่เท่ากัน เราเลือกที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกหน่อย แต่ครั้งนี้ขอเลือกแบบเน้นๆ เลย เป็นโรงพยาบาลชั้นนำโดยเฉพาะจริง ๆ พอมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือแล้วก็นัดปรึกษากับคุณหมอเลยค่ะ เหตุผลที่เลือกที่นี่ถ้าไม่นับชื่อเสียงของโรงพยาบาลแล้วก็อย่างที่ขอบอกเลยค่ะ ว่าที่โรงพยาบาลนี้คัดโปรไฟล์คุณหมอทุกคนมาเน้นๆ รู้สึกว่าถ้าได้ทำแล้วต้องสวยไม่ต้องกังวล โรงพยาบาลอยู่แถวถนนสุโขทัย เขตดุสิตค่ะ เดินทางง่าย ๆ ไม่ยาก โรงพยาบาลหจะอยู่ตรงข้ามซอยสวนอ้อย สังเกตง่าย ๆ ไม่มีหลง


คุณหมอให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำตาสองชั้นสไตล์เกาหลี
“การทำตาสไตล์เกาหลี ไม่ใช่แค่การผ่าตัดทำตาสองชั้นอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะปัญหาของคนไข้มีแตกต่างกัน วิธีสร้างตาสองชั้นจึงจำเป็นต้องใช้เทคนิคอื่น ๆ เข้าช่วยตามความเหมาะสม บวกกับพื้นฐานเดิมของคนไข้ร่วมด้วย การทำตาสองชั้นแบบเกาหลีคือการทำให้ดวงตากลมโตขึ้น เห็นตาดำชัดอย่างน้อย 90 เปอร์เซ็นต์” อย่างที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นว่า เทคนิคการทำตาสองชั้นสไตล์เกาหลีไม่ใช่แค่การทำชั้นตาเพิ่มเพียงอย่าง หากต้องการให้ดวงตาดูสวยหวาน กลมโตขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติจริง ๆ ต้องประกอบด้วยเทคนิคต่าง ๆ 5 เทคนิค ดังนี้

อัพเดทอาการผ่าตัดแก้ตากันหน่อย
วันที่ 1 : หลังผ่าตัดทำตาเสร็จ ไม่มีอาการบวมแดง หรือรอยช้ำให้เห็นเลยค่ะ หลังนอนพักฟื้นเสร็จเราก็ออกมาเดินห้างฝั่งตรงข้ามต่อเลย แต่คุณหมอกำชับมาว่าช่วง 3 สัปดาห์แรก ห้ามขยี้ตาเด็ดขาด นอกนั้นก็ล้างหน้าทำความสะอาดได้ปกติค่ะ
วันที่ 2 : อย่างแรกที่สังเกตได้ทันทีหลังตื่นนอนคือมีขี้ตามากขึ้นนิดหน่อย และมีอาการตึง ๆ ที่เปลือกตานิดหน่อย ไม่เจ็บค่ะ จริง ๆ คุณหมอบอกว่าสามารถแต่งหน้าแต่งตาได้ปกติเลยนะ วันที่สองก็ยังประคบเย็นอยู่ ใต้ตาที่ฉีดฟิลเลอร์ก็เริ่มชัดขึ้นค่ะ
วันที่ 3 : มีตึง ๆ นิดหน่อยหลังตื่นนอน แต่ไม่เท่าวันที่ 2 แผลเริ่มแห้งแต่ยังไม่สนิทมาก ยังต้องทำความสะอาดแผลอยู่ เพราะไม่ควรทิ้งคราบเลือดหรือสะเก็ดให้ติดตรงแผล
วันที่ 4-7 : รอยแผลเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนแห้งสนิทในวันที่สี่ค่ะ อาการตึงหลังตื่นนอนก็ไม่มีแล้ว เหลือแค่ยังต้องงดวิตามินตามหมอสั่งต่อไปอีก 2 สัปดาห์ และรอครบ 1 เดือน ก็กลับไปเช็คอาการกับคุณหมออีกครั้งค่ะ



การตัดสินใจทำตาสองชั้นครั้งนี้ เริ่มจากการที่เราไปพลาดทำตากับโรงพยาบาลแห่งหนึ่งมาอย่างที่ได้บอกไว้ในตอนแรก ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือชั้นตาไม่เท่ากัน รู้สึกว่าตัวเองตาดุ ตาแข็ง ยิ่งเวลาเผลอทำหน้าเฉยๆ หลายคนชอบบอกว่าถ้าไม่รู้จักกันนี่จะดูเป็นคนเหวี่ยงๆ ดุๆ หน่อย ทำให้เราตัดสินใจที่จะแก้ปัญหาชั้นตาของเราค่ะ  สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องฝีมือของคุณหมอค่ะ คุณหมอเก็บงานดีมาก ใส่ใจทุกรายละเอียด แผลหายไว แถมไม่ทิ้งรอยแผลหลังผ่าตัดอีกด้วย ฉะนั้นก่อนตัดสินใจทำศัลยกรรมอะไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งนั้นให้ดีค่ะ ดูผลงานของคุณหมอให้เยอะๆ จะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้นค่ะ


ด้วยความเคยตัดสินใจพลาดมาครั้งหนึ่งแล้วไง แต่ก็มาสะดุดผลงานโรงพยาบาลมาสเตอร์พีซ ที่มีแต่คนชมว่าฝีมือเบา ผ่าตัดสวย งานละเอียด สำคัญคือสามารถปรึกษาความเหมาะสมเกี่ยวกับการทำตาก่อนได้ แล้วค่อยตัดสินใจโทรนัดคิวกับทางไลน์ (@masterpiececlinic) ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ รู้สึกโอเคมาก นอกจากจะได้ชั้นตาที่ดูโตเหมือนสาวเกาหลีแล้ว ยังได้ความเป็นธรรมชาติ ไม่หลอกตาด้วย ที่สำคัญมีแต่คนชมว่าหน้าเด็กขึ้น ดูสดใสขึ้น
สำหรับคนที่มีความคิดอยากจะทำตา อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้เยอะๆ ทบทวนซ้ำ ๆ ตัดสินใจดี ๆ จะได้ทำครั้งเดียวจบ ไม่ต้องเสียเวลากลับมาแก้ซ้ำอีก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ความสวยระยะยาวตามที่เราหวังไว้ พร้อมความรู้สึกประทับใจแบบที่เราได้ในครั้งนี้ค่ะ
ขอขอบคุณ : โรงพบาลมาสเตอร์พีซ


.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องบันเทิงเอเชีย ...