จาก CSR สู่ CSV มุ่งคืนกำไรสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ
27 ต.ค. 62 19:58 น. /
ดู 497 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ใกล้สิ้นปีแล้ว ภาคธุรกิจน้อยใหญ่คงกำลังเร่งทำ CSR (Corporate Social Responsibility) กัน เพื่อให้ทันไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บางคนอาจจะมองว่า CSR เป็นการทำบุญ หรือเพื่อตอบแทนสังคมที่สนับสนุนธุรกิจ และบางคนอาจจะมองว่าเป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อโปรโมทธุรกิจ ทำให้เกิดคำใหม่ขึ้นที่เรียกว่า CSV หรือ Creating Shared Value ซึ่งเป็นแนวความคิดของ Michael E. Porter ผู้ซึ่งเป็นกูรูด้านกลยุทธ์การข่งขัน ที่มีแนวคิดปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย (Steak Holder) ที่เกี่ยวข้องกับกิจการ เช่น ผู้ถือหุ้น ลูกค้า Supplier รวมไปถึงแม้กระทั่งชุมชนที่บริษัทตั้งอยู่ เป็นการสร้างคุณค่าร่วมกันแทนที่จะมุ่งช่วยเหลือสังคมอย่างเดียวแบบ CSR เป็นการหาพื้นที่ตรงกลางระหว่างธุรกิจกับสังคมและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยการปรับเข้าสู่การเป็นธุรกิจที่ยั่งยืนด้วยการลดการใช้ทรัพยากร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความแตกต่างระหว่าง CSR และ CSV คืออะไร
CSR คือ ความรับผิดชอบของบริษัทต่อสังคมโดยมากจะเป็นการช่วยเหลือสังคมด้วยกิจกรรมในรูปแบบต่างๆซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทำให้หลายๆ บริษัท ที่ทำกิจกรรม CSR ถูกมองว่าทำไปเพียงเพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้บริษัทไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อสังคม ในขณะที่ CSV นั้น คือการสร้างคุณค่าร่วมกัน เพื่อหาตรงกลางที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทุกๆ ฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยที่บริษัทไม่ต้องจัดกิจกรรม หรือสนับสนุนใดๆ ทำให้เกิดการบูรณาการที่ยั่งยืนกว่าการทำ CSR ที่ทำจบโครงการแล้วก็จบไป
แนวคิด CSV จะก้าวข้ามไปอีกขั้น หากองค์กรธุรกิจมุ่งมั่นดำเนินงานที่ก่อประโยชน์แก่สังคม ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถแข่งขันกันได้
วิธีการสร้างคุณค่าร่วมแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1). ระดับของการคิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ที่เป็นความต้องการของสังคม Product โดยเฉพาะกับตลาดหรือกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เป็นการส่งมอบคุณค่าให้สังคมโดยตรงผ่านตัวสินค้าและบริการ ขณะที่ธุรกิจได้รับคุณค่าในรูปของส่วนแบ่งการตลาด, การเติบโต
ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจการเงิน มีการออกแบบสินเชื่อหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับผู้ประกอบการสังคม หรือโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ มีการพัฒนารูปแบบของแหล่งพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีการใช้สารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการในการประกอบหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ลดการใช้สารเคมีหรือสารปรุงแต่งอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ในธุรกิจบริการสุขภาพ มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับคนชั้นฐานราก ด้วยคุณภาพในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม ในธุรกิจบริการโทรคมนาคม มีการขยายบริการเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ชนบทห่างไกลและขาดแคลนบริการ เป็นต้น
2). ระดับของการกำหนดบรรทัดฐานใหม่ในเรื่องผลิตภาพ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นทางสังคมตลอดห่วงโซ่คุณค่า เป็นแนวปฏิบัติในการสร้างคุณค่าร่วมโดยมุ่งเน้นที่การยกระดับ Value Chain เป็นโจทย์ในการพัฒนาผลิตภาพร่วมกับคู่ค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเป็นการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมจากการจัดการทรัพยากร วัตถุดิบ แรงงาน ค่าตอบแทน ในขณะที่ธุรกิจจะได้รับคุณค่าในรูปของประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุน ความมั่นคงทางวัตถุดิบ คุณภาพ และความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างของการสร้างคุณค่าร่วมในระดับผลิตภัณฑ์ ของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ผ้าครามมัดย้อมจากสกลนครและผ้าทอตีนจกย้อมสีธรรมชาติจากภาคเหนือ ซึ่งเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่เป็นคู่คิดและคู่ค้ากับชุมชนต่างๆ เพื่อชูจุดแข็งและภูมิปัญญาของคนไทยและผสมผสานกับเทคนิคการออกแบบที่ทันสมัย สามารถใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันได้จริง อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะใช้สีจากธรรมชาติทั้งหมดมาในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งตรงกับ CSV ทุกประการ เพราะสร้างความพึงพอใจในทุกฝ่าย สร้างรายได้ให้ชุมชน ธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม
3). ระดับของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นที่เอื้อต่อธุรกิจ เป็นแนวปฏิบัติในการสร้างคุณค่าร่วมโดยมุ่งเน้นที่ Local Community โดยเพิ่มบทบาทในการร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในแง่มุมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมด้วยการสร้างงาน การสาธารณสุข การศึกษา เศรษฐกิจชุมชน สวัสดิการสังคม ในขณะที่ธุรกิจจะได้รับคุณค่าทั้งในแง่ของรายได้และการบริหารต้นทุน การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การกระจายตัวสินค้า รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างของการสร้างคุณค่าร่วมในระดับชุมชนท้องถิ่น อาทิ ให้การสนับสนุนสินเชื่อแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในระดับฐานราก (Microfinance) ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ หรือมีการร่วมพัฒนาชุมชนเพื่อเสริมสร้างบริบทการแข่งขันในตลาดเกิดใหม่ ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เช่นการเพิ่มมูลค่าสินค้าในชุมชนให้กลายเป็นสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนและยังเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์อีกด้วย
ทั้งนี้ การสร้างคุณค่าร่วมของทุกระดับ ย่อมก่อให้ธุรกิจรับคุณค่าด้านรายได้ และมีความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น นี่เป็นแค่แนวทางหนึ่งที่จะสร้าง
CSV อย่างมีคุณภาพ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการคิดและดำเนินสร้าง CSV ให้สอดคล้องกับชุมชนและวางแผนการดำเนินเพื่อให้โครงการนั้นยั่งยืน เชื่อว่าชุมชนต่างๆ ในประเทศของเรา จะช่วยเป็นฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าทัดเทียมต่างประเทศอย่างแน่นอน
ความแตกต่างระหว่าง CSR และ CSV คืออะไร
CSR คือ ความรับผิดชอบของบริษัทต่อสังคมโดยมากจะเป็นการช่วยเหลือสังคมด้วยกิจกรรมในรูปแบบต่างๆซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่บริษัท แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทำให้หลายๆ บริษัท ที่ทำกิจกรรม CSR ถูกมองว่าทำไปเพียงเพราะต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้บริษัทไม่ได้ตั้งใจทำเพื่อสังคม ในขณะที่ CSV นั้น คือการสร้างคุณค่าร่วมกัน เพื่อหาตรงกลางที่จะสร้างประโยชน์ให้กับทุกๆ ฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยที่บริษัทไม่ต้องจัดกิจกรรม หรือสนับสนุนใดๆ ทำให้เกิดการบูรณาการที่ยั่งยืนกว่าการทำ CSR ที่ทำจบโครงการแล้วก็จบไป
แนวคิด CSV จะก้าวข้ามไปอีกขั้น หากองค์กรธุรกิจมุ่งมั่นดำเนินงานที่ก่อประโยชน์แก่สังคม ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถแข่งขันกันได้
วิธีการสร้างคุณค่าร่วมแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ
1). ระดับของการคิดค้นผลิตภัณฑ์ขึ้นใหม่ที่เป็นความต้องการของสังคม Product โดยเฉพาะกับตลาดหรือกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง เป็นการส่งมอบคุณค่าให้สังคมโดยตรงผ่านตัวสินค้าและบริการ ขณะที่ธุรกิจได้รับคุณค่าในรูปของส่วนแบ่งการตลาด, การเติบโต
ตัวอย่างเช่น ในธุรกิจการเงิน มีการออกแบบสินเชื่อหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินสำหรับผู้ประกอบการสังคม หรือโครงการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ มีการพัฒนารูปแบบของแหล่งพลังงานทดแทน พลังงานสะอาด ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีการใช้สารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการในการประกอบหรือแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ลดการใช้สารเคมีหรือสารปรุงแต่งอาหารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ในธุรกิจบริการสุขภาพ มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับคนชั้นฐานราก ด้วยคุณภาพในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม ในธุรกิจบริการโทรคมนาคม มีการขยายบริการเครือข่ายที่ครอบคลุมพื้นที่ชนบทห่างไกลและขาดแคลนบริการ เป็นต้น
2). ระดับของการกำหนดบรรทัดฐานใหม่ในเรื่องผลิตภาพ โดยให้ความสำคัญกับประเด็นทางสังคมตลอดห่วงโซ่คุณค่า เป็นแนวปฏิบัติในการสร้างคุณค่าร่วมโดยมุ่งเน้นที่การยกระดับ Value Chain เป็นโจทย์ในการพัฒนาผลิตภาพร่วมกับคู่ค้าและหุ้นส่วนทางธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่า ซึ่งเป็นการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมจากการจัดการทรัพยากร วัตถุดิบ แรงงาน ค่าตอบแทน ในขณะที่ธุรกิจจะได้รับคุณค่าในรูปของประสิทธิภาพ การบริหารต้นทุน ความมั่นคงทางวัตถุดิบ คุณภาพ และความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างของการสร้างคุณค่าร่วมในระดับผลิตภัณฑ์ ของที่ระลึกสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ผ้าครามมัดย้อมจากสกลนครและผ้าทอตีนจกย้อมสีธรรมชาติจากภาคเหนือ ซึ่งเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่เป็นคู่คิดและคู่ค้ากับชุมชนต่างๆ เพื่อชูจุดแข็งและภูมิปัญญาของคนไทยและผสมผสานกับเทคนิคการออกแบบที่ทันสมัย สามารถใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันได้จริง อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย เพราะใช้สีจากธรรมชาติทั้งหมดมาในทุกขั้นตอนการผลิต ซึ่งตรงกับ CSV ทุกประการ เพราะสร้างความพึงพอใจในทุกฝ่าย สร้างรายได้ให้ชุมชน ธุรกิจสามารถดำเนินต่อได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่สร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม
3). ระดับของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในท้องถิ่นที่เอื้อต่อธุรกิจ เป็นแนวปฏิบัติในการสร้างคุณค่าร่วมโดยมุ่งเน้นที่ Local Community โดยเพิ่มบทบาทในการร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในแง่มุมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ซึ่งเป็นการส่งมอบคุณค่าให้แก่สังคมด้วยการสร้างงาน การสาธารณสุข การศึกษา เศรษฐกิจชุมชน สวัสดิการสังคม ในขณะที่ธุรกิจจะได้รับคุณค่าทั้งในแง่ของรายได้และการบริหารต้นทุน การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การกระจายตัวสินค้า รวมถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น
ตัวอย่างของการสร้างคุณค่าร่วมในระดับชุมชนท้องถิ่น อาทิ ให้การสนับสนุนสินเชื่อแก่กลุ่มผู้มีรายได้น้อยในระดับฐานราก (Microfinance) ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำทรัพยากรธรรมชาติไปใช้ประโยชน์ หรือมีการร่วมพัฒนาชุมชนเพื่อเสริมสร้างบริบทการแข่งขันในตลาดเกิดใหม่ ในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เช่นการเพิ่มมูลค่าสินค้าในชุมชนให้กลายเป็นสินค้าที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนและยังเป็นการยกระดับผลิตภัณฑ์อีกด้วย
ทั้งนี้ การสร้างคุณค่าร่วมของทุกระดับ ย่อมก่อให้ธุรกิจรับคุณค่าด้านรายได้ และมีความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น นี่เป็นแค่แนวทางหนึ่งที่จะสร้าง
CSV อย่างมีคุณภาพ หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการคิดและดำเนินสร้าง CSV ให้สอดคล้องกับชุมชนและวางแผนการดำเนินเพื่อให้โครงการนั้นยั่งยืน เชื่อว่าชุมชนต่างๆ ในประเทศของเรา จะช่วยเป็นฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าทัดเทียมต่างประเทศอย่างแน่นอน
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google