เศรษฐีตอบจดหมายเปิดผนึกของท่านนายกรัฐมนตรี

เมื่อประเทศเกิดวิกฤติโควิด19 และนายกตู่ก็ออกขอความช่วยเหลือกับเศรษฐีไทย 20 ราย โดยไม่ได้ประสงค์ที่จะได้เงิน แต่อยากจะให้เศรษฐีนั้น ช่วยสนับสนุนเป็นโครงการต่างๆ ร่วมถึงข้อเสนอแนะให้ทางรัฐบาลได้พัฒนาต่อไป เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจในภาวะวิกฤติโควิดเช่นนี้
จากการออกจดหมายเปิดผนึกสู่เศรษฐี 20 ราย ขณะนี้ก็ได้มีทยอยตอบรับจดหมายเปิดผนึกจากท่านนายกมาบ้างแล้วแต่มันมีอยู่รายหนึ่งที่อ่านแล้วรู้สึกตะหงิดในหัวใจ ว่าแบบนี้เรียกว่าช่วยแล้วใช่ไหม คือจดหมายเปิดผนึกของเซ็นทรัล
เซ็นทรัลบอกว่าจะสร้างอาชีพเสริมรายได้-ลดค่าครองชีพ-ส่งเสริมสุขภาพ มูลค่า 2,300 ล้านโดยจะมุ่งเน้นไปที่กระบวนการภายใต้ความต้องการพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ 1.มาตรการสร้างอาชีพเสริมรายได้
โดยให้พื้นที่ขายของในศูนย์การค้า 44 จังหวัด รวมไปถึงการขายของออนไลน์ การให้พื้นดังกล่าวนั้นก็จะอยู่ใน เซ็นทรัล โรบินสัน ท็อปส์ ไทวัสดุ ฟรีเป็นเวลา 3-6 เดือน และอนุมัติวงเงิน 1.5 ล้านบาท เพื่อรับซื้อสินค้าโดยตรงจากเกษตรและชุมชน

2. มาตรการลดค่าครองชีพ 
              ลดและตรึงราคาสินค้ากว่า 3,000 รายการ / ลดราคาอาหาร 20% ในศูนย์อาหาร 87 แห่ง 43 จังหวัด โดยจะมีอาหารราคาพิเศษ 19 บาท ที่จะจำหน่ายในฟู้ดคอร์ทในห้างที่ร่วมโครงการ

3. มาตรการส่งเสริมสุขภาพ
              สร้างมาตรฐานใหม่ เป็นแผนแม่บททำธุรกิจให้ปลอดภัยเพื่อป้องกันโรคระบาดโดยใช้มาตรการสะอาดปลอดภัยในศูนย์การค้าและผู้เช่าทุกราย/ ใช้งบประมาณ สนับสนุนเงินและอุปกรณ์ทางการแพทย์มอบให้กับ 30 โรงพยาบาล/ จัดสรรงบประมาณทำห้องปลอดเชื้อ / มอบถุงยังชีพ
https://thejournalistclub.com/%E0%B8%96%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%A7-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%A5/

คงต้องขอสารภาพตามตรงว่าแผนของเซ็นทรัลที่ออกมาบอกครั้งนี้ไม่มีอะไรที่เป็นรูปแบบใหม่ให้น่าสนใจ แถมยังมีข้อสงสัยอีกว่า พื้นที่ 90,000 ตรม พื้นที่ส่วนนี้คือตรงไหน? เพราะมันก็มีความเป็นไปได้ว่าหลังโควิดผู้เช่าหลายรายก็อาจจะต้องเจอพิษเศรษฐกิจอยู่ต่อไม่ไหว มีพื้นที่เหลือ ก็เลยเอาพื้นที่ว่างนั้นมาให้ตั้งร้านฟรีๆ ร้านจะได้ดูเต็ม

อีกส่วนคือการอนุมัติวงเงิน 1.5 ล้านบาท มันไม่ใช่วงเงินที่ใช้สำหรับซื้อของอยู่แล้วหรือไง? เป็นห้างก็ต้องซื้อของมาขาย มันเป็นเรื่องที่ห้างจะต้องทำอยู่แล้วใช่ไหม?  ประเด็นสำคัญอีกหนึ่งอย่างคือ...การที่บอกว่าจะลดและตรึงราคา การจำหน่ายอาหาราคาพิเศษ ตรงนี้มีกระบวนการอย่างไร? ทางเซ็นทรัลจะเป็นคนจ่ายค่าส่วนต่างหรือว่าไปบังคับให้ซัพพลายเออร์เขาลดราคาให้? ถ้าเป็นการให้ซัพพลายเออร์ลดราคา ลองนึกถึงคนที่ขายอาหารตามสั่งในฟู้ดคอร์ทสิ แทนที่เขาจะได้ขายราคาเดิมเขาก็ไม่ได้ แถมยังต้องขายในราคาที่ถูกกว่า เพราะเขาก็ต้องแบกต้นทุนไว้ ขายก็ขาดทุนเพราะนโยบายที่อยากจะช่วยชาติของเซ็นทรัล แต่ลำบากซัพพลายเออร์ แล้วในเรื่องของมาตรการความสะอาดความปลอดภัยมันต้องทำอยู่แล้วแหละ ไม่งั้นใครเขาอยากจะเข้าห้างหละ การตอบจดหมายเปิดผนึกของเซ็นทรัล นอกจากไม่มีอะไรใหม่แล้วก็ยังเกิดข้อสงสัยหลายอย่างเลย อันนี้ไม่ได้มาโจมตี แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เซ็นทรัลอธิบายให้กระจ่างกับประชาชนที่เฝ้าจับตาดูอยู่

สำหรับเศรษฐีอย่างหมอปราเสริฐก็เป็นอีกหนึ่งรายที่ได้รับจดหมายจากท่านนายกแล้วตอบกลับมาโดยมีใจความสำคัญว่า ตนมีความพร้อมทางด้านเครื่องบินการบินและการแพทย์พร้อมที่จะรับส่งบุคคลากรทางการแพทย์เดินทางไปรักษาผู้ป่วยตามต่างจังหวัดโดยเฉพาะภูเก็ต และจะช่วยเหลือปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ โดยจะขุดน้ำใต้ดินมาใช้ โดยอยากจะช่วยออกเงินแล้วให้รัฐหาตัวแทนมามีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยจัดหาพื้นที่ที่เหมาะสม คำถามคือ นั่นหมายความว่าท่านมีความประสงค์จะช่วยเรื่องนี้ ส่วนเรื่องดำเนินการก็ต้องเป็นคนอื่นใช่หรือป่าว? เอาจริงแล้วสำหรับหมอปราเสริฐนั้นมีศักยภาพด้านการแพทย์มากมายเหตุใดถึงไม่ดึงจุดเด่นของตนเองออกมาให้เต็มที่กว่านี้นะ การจัดการเรื่องน้ำอ่านจากข่าวแล้วก็เหมือนเป็นแค่ผู้ออกเงินอย่างเดียว ส่วนเรื่องดำเนินการอื่นๆ ให้ไปจัดสรรกันมา มันช่วยเหลือแบบลำบากๆ ยังไงก็ไม่รู้
https://www.thairath.co.th/news/business/1826083

ไม่เหมือนเจ้าสัวรายอื่นๆ อย่าง ซีพี และคิงเพาเวอร์ ที่มีโครงการเดิม และโครงการใหม่เพิ่มเติมและดูมีไอเดียที่น่าสนใจมากๆ

เช่น  "คิงเพาเวอร์" เจ้านี้เขาขึ้นชื่อเรื่องการทำกิจกรรมเพื่อสังคมกันอยู่แล้ว แต่สิ่งทำให้รู้สึกว้าวมากคือ โครงการแต่ละอย่างเรา จะมีการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยสกรีนบนเสื้อนักฟุตบอลทีมเลสเตอร์ซิตี้ รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ในคิงเพาเวอร์สเตเดี้ยมที่อังกฤษ นับว่าเป็นความคิดที่ฉีกออกไปมาก อย่าลืมว่าลีกอังกฤษได้รับความนิยมมากๆ และทีมเลสเตอร์ภายใต้การบริหารงานของคุณต๊อบ อัยวัฒน์ ก็มีผลงานที่ได้รับการยอมรับเป็นอย่างมาเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีความเชื่อเหลือเกินว่ามันต้องประสบความสำเร็จ หลังจากโควิดการท่องเที่ยวไทยต้องกลับมาบูมอีกครั้งได้แน่นอน

เจ้าสัวธนินทร์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP)
โดยเครือซีพีได้ทำการช่วยเหลือแบบอิมแพคไปแล้วคือการตั้งโรงงานผลิตหน้ากากอนามัยฟรี เพิ่มอุปกรณ์การแพทย์ ชุดPPE Test kit และสิ่งโดดเด่นสำหรับซีพีเลยก็คือ "อาหาร" ซีพีได้สนับสนุนอาหารสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่กักตัว นอกจากนี้ยังมี่ข้อเสนอแนะที่ดูน่าสนใจอีกคือ
1. มาตรการด้านดิจิตอลยุค New Normal
2. มาตรการดึงดูดคนเก่งผู้เชี่ยวชาญมาอยู่เมืองไทย
3. มาตรการช่วยเหลือด้านท่องเที่ยวสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพ
4. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้สูงขึ้น
5. มาตรการปฎิรูประบบชลประทานให้ครอบคลุมพื้นที่เกษตร 100%

    รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/business/1835109
3 ใน 5 ข้อ เป็นข้อเสนอแนะที่ดีมาก โดยเฉพาะในด้านท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพ เป็นแนวคิดที่ดีเจ๋งอีกเช่นกัน จากสถานการณ์โควิด19 ที่พิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นว่าระบบการแพทย์ของไทยก็เก่งไม่แพ้ชาติใดในโลก และวิกฤตินี้จะทำให้คนหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ตรงนี้จึงเป็นจุดแข็งของประเทศที่จะสามารถนำมาเป็นโอกาสให้กับประเทศอีกทางหนึ่งเช่นกัน

ถ้าจะทำก็ควรทำด้วยใจจริงครับ ไม่ควรฉวยโอกาสมั่วนิ่มตีเนียน คิดให้ฉีก มองให้ไกลทำให้มันไร้ข้อกังขา แล้วประชาชนเขาจะรู้เองว่าใครจริงใจ หรือไม่จริงๆ ถ้ามองอีกมุมนึงการที่รัฐบาลขอความช่วยเหลือครั้งนี้มันก็เปรียบเหมือนกับมีโอกาสประชาสัมพันธ์วิสัยทัศน์ของเจ้าของแบรนด์ต่างๆ ว่าใครจะรุ่ง หรือร่วง
อย่างไรก็ดีขณะนี้การตอบจดหมายเปิดผนึกอาจจะยังไม่ครบ แต่ก็ต้องขอขอบคุณเจ้าสัว เศรษฐีทั้งหลายที่ท่านได้มีโครงการแผนการทำงานและข้อเสนอแนะดีดีที่เป็นประโยชน์ต่อยอดให้กับประเทศได้เป็นอย่างมาก ช่วยได้มาก ช่วยได้น้อย ตอนนี้ก็ต้องช่วยเหลือกันไปก่อน สุดท้ายนี้ก็เชื่อเหลือเกิน ถ้ารัฐบาลสามารถที่จะหยิบจุดแข็งของประเทศและผลักดันให้มันเกิดขึ้นได้จริง ได้รับความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน เศรษฐกิจที่ดีของประเทศก็คงจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมหรอกท่าน

#โควิด-19 #ข่าวเศรษฐกิจ #การเมือง

ขอบคุณข้อมูล : https://pantip.com/topic/39882735