ซื้อบ้านต้องอ่าน! ค่าใช้จ่ายที่ควรรู้และต้องเตรียมไว้ เมื่อคุณคิดว่ากำลังจะซื้อบ้านหลังแรก
15 มิ.ย. 63 12:05 น. /
ดู 398 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
จะซื้อบ้านก็ไม่ได้มีแค่ค่าบ้านเท่านั้นที่ต้องเราจ่าย
[color=blue]แต่ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกหลายอย่างที่คนจะซื้อบ้านต้องรู้ไว้
ใครกำลังคิดจะซื้อบ้านหลังแรกต้องอ่าน![/color]
ค่าจองบ้าน
หลังจากที่เราเจอบ้านหรือเจอโครงการบ้านที่ถูกใจแล้ว เงินส่วนแรกที่เราต้องจ่ายก็คือเงินจองบ้านนั่นเอง หรือจะเรียกว่าเป็นเงินมัดจำก็ได้ จ่ายเพื่อจองแปลงบ้านหรือบ้านเลขที่เราชอบเอาไว้ก่อน ส่วนใหญ่เงินจองบ้านจะเริ่มต้นตั้งแต่ 5,000 บาทขึ้นไป ซึ่งทั้งนี้จำนวนเงินจองจะขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการกำหนดด้วย เมื่อเราจ่ายเงินจองแล้วโครงการจะออกใบเสร็จเงินค่าจองให้กับเรา เพื่อนำไปเป็นเอกสารประกอบการยื่นกู้สินเชื่อบ้านต่อไปนั่นเอง
จองไปแล้ว กู้ไม่ผ่าน จะได้เงินจองคืนมั้ย?
ขึ้นอยู่กับโครงการด้วยว่ากำหนดเงื่อนไขการจ่ายเงินจองบ้านไว้อย่างไร แต่โครงการส่วนใหญ่ ในกรณีที่ลูกค้ากู้ไม่ผ่านก็มักจะคืนเงินจองให้ ทั้งนี้[/size] [size=22pt]พี่ โปรโมชั่น[/size][size=18pt] ว่าก่อนที่จะทำวางเงินจองบ้านควรสอบถามเซลหรือผู้ขายให้ชัดเจนก่อนด้วยว่าถ้ากู้ไม่ผ่านเราจะได้เงินจองคืนแน่นอน
เงินดาวน์
จะซื้อบ้านก็ต้องมีเงินดาวน์นะ แต่ไม่ใช่การจ่ายก้อนเดียวแบบการดาวน์รถ เงินดาวน์บ้านจะอยู่ที่ประมาณ 5-10% ของราคาบ้าน แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าบ้านที่จะซื้อเป็นบ้านพร้อมโอน พร้อมเข้าอยู่หรือเป็นบ้านที่อยู่ในระหว่างการสร้าง
ถ้าซื้อบ้านแบบพร้อมโอนหรือบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว
ในกรณีนี้ไม่ต้องวางเงินดาวน์ สามารถยื่นกู้ได้เลยและรอผลอนุมัติจากธนาคาร ถ้าหากธนาคารอนุมัติก็สามารถดำเนินเรื่องโอนกรรมสิทธิ์และเริ่มผ่อนบ้านงวดแรกตามที่ธนาคารกำหนดได้เลย
ถ้าซื้อบ้านที่ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการสร้าง
โครงการจะให้เราจ่ายเงินดาวน์ก่อน โดยเงินดาวน์จะอยู่ประมาณ 5 - 10% ของราคาบ้าน โดยสามารถผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ ได้ จนกว่าบ้านจะสร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์
ค่าประเมินบ้าน
เงินส่วนนี้เป็นค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายให้กับธนาคารที่เรายื่นเรื่องขอสินเชื่อบ้านไป โดยก่อนที่จะอนุมัติสินเชื่อธนาคารจะเข้ามาทำการประเมินบ้านที่เราจะซื้อก่อนว่าราคาสมเหตุสมผลกับจำนวนเงินที่เราขอยื่นกู้ไปหรือไม่
ส่วนใหญ่ถ้าหากเราซื้อบ้านกับโครงการบ้านจัดสรรและให้โครงการยื่นกู้ให้ อาจจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนนี้ เพราะทางโครงการจะยื่นให้กับธนาคารที่เป็นพันธมิตรกันอยู่แล้ว ธนาคารเหล่านั้นก็จะมีข้อมูลของราคาหลักทรัพย์อยู่ในมือแล้วนั่นเอง
แต่ถ้าหากเรายื่นกู้เองกับธนาคารโดยตรงหรือยื่นเพื่อกู้ซื้อบ้านมือสอง เราอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้เพิ่ม ยิ่งยื่นกู้หลายธนาคารก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมประเมินบ้านมากขึ้นตามไปด้วย ค่าธรรมเนียมในการประเมินบ้านก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารกำหนด
ค่าโอนกรรมสิทธิ์
เป็นค่าธรรมเนียมที่เราต้องจ่ายให้กับกรมที่ดินในวันที่เข้าไปทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์บ้านให้เป็นชื่อเรา ซึ่งจะคิดเป็นของ 2% ของราคาบ้าน เช่น บ้านราคา 1,000,000 บาท เราต้องจ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 20,000 บาท แต่ส่วนใหญ่แล้วค่าโอนบ้าน ทั้งเราและโครงการอาจต้องจ่ายร่วมกันคนละครึ่งหรือแล้วแต่โครงการกับลูกค้าจะตกลงกัน ในบางโครงการก็มี[/size][size=22pt]promotion[/size] [size=18pt]'ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน' ด้วย คือโครงการบ้านที่เราซื้อจะเป็นผู้รับผิดชอบออกค่าใช้จ่ายค่าโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดนั่นเอง
แต่ถ้าซื้อบ้านภายในปี 2563 บ้านที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะจ่ายค่าโอนเพียง 0.01% เท่านั้น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังริมทรัพย์ของรัฐบาลนั่นเอง
ค่าจดจำนอง
เป็นอีกค่าใช้จ่ายที่คนกู้ซื้อบ้านต้องเตรียมไว้เช่นเดียวกัน โดยค่าจดจำนองจะคิดเป็น 1% ของราคาบ้าน เราต้องจ่ายให้กับกรมที่ดินและจ่ายพร้อมกับค่าโอนในวันที่เราไปโอนกรรมสิทธิ์นั่นเอง แต่ในตลอดปี 2563 นี้ สำหรับคนที่ซื้อบ้านหลังแรกในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท จะจ่ายค่าจดจำนองในราคาที่ถูกลง จาก 1% จะเหลือเพียง 0.01% ของราคาบ้านเท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาฯ ของรัฐบาล
สำหรับบ้านราคาตั้งแต่ 3 ล้านบาทขึ้นไป ยังต้องจ่ายค่าจดจำนองในอัตรา 1% เหมือนเดิม ถ้าหากซื้อบ้านด้วยเงินสด ไม่ต้องจ่ายค่าจดจำนอง ข้ามค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้เลย
ค่าประกันภัยคุ้มครองบ้าน
เป็นอีกค่าใช้จ่ายหลายๆ คนไม่คาดคิดและมองข้ามไป ในการกู้ซื้อบ้านธนาคารมักจะให้เราสมัครประกันภัยชีวิตคุ้มครองบ้านพ่วงไปด้วย จะคุ้มครองเมื่อตัวผู้กู้ซื้อบ้านเกิดอุบัติเหตุจนพิการหรือเสียชีวิต ธนาคารจะนำวงเงินคุ้มครองนั้นมาโปะค่าบ้านทันที ทำให้เงินต้นลดลง จำนวนค่างวดที่ต้องจ่ายก็น้อยลงไปด้วย หรือบางกรณีเหลือเงินต้นไม่มากแล้ว ก็สามารถโปะปิดยอดหนี้ได้เลย ทำให้คนข้างหลังไม่ต้องมารับภาระต่อนั่นเอง
สำหรับการชำระค่าเบี้ยประกัน จะถูกคิดคำนวนรวมกับค่างวดบ้านแล้วเรียบร้อย ส่วนวงเงินและระยะการคุ้มครองก็ขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารด้วย
ค่าจดมิเตอร์น้ำ มิเตอร์ไฟ
หรือที่เรียกกันว่าค่าประกันมิเตอร์ โดยจะจ่ายเพียงครั้งเดียวตอนที่เราไปยื่นเรื่องขอใช้ไฟฟ้าและน้ำประปานั่นเอง แต่ละบ้านก็จะจ่ายไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดของมิเตอร์และมาตรวัด ถ้ายิ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ก็จะต้องใช้ขนาดมิเตอร์และมาตรวัดที่มากขึ้น จึงเสียค่าประกันมากขึ้นนั่นเอง
ค่าธรรมเนียมการจดมิเตอร์ไฟฟ้า
ค่าธรรมเนียมการจดมิเตอร์น้ำประปา
ค่าใช้จ่ายอื่นๆ
ค่าส่วนกลาง
แน่นอนว่าถ้าเราเลือกซื้อบ้านกับโครงการบ้านจัดสรร ค่าส่วนกลางจึงเป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย การคำนวนค่าส่วนกลางขึ้นอยู่กับแต่ละโครงการกำหนด แต่ส่วนใหญ่มักจะคำนวนจากพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดของแต่ละบ้าน และจะเรียกเก็บเป็นรายปี ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จ่ายเพื่อเป็นค่าบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้าน สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมไปถึงค่าจ้างพนักงาน เช่น พนักงานรักษาความปลอดภัย เป็นต้น
ในปัจจุบันหลายๆ โครงการที่เปิดใหม่มี[/size] [size=22pt]โปร[/size] [size=18pt]'ฟรีค่าส่วนกลาง' อย่างมากสุดที่เราเคยเห็นคือฟรีนานถึง 3 ปี แต่บางโครงการก็เรียกเก็บทันทีล่วงหน้า 1-2 ปี แต่ก็จะให้โปรโมชั่นอื่นๆ มาเป็นการทดแทน
ค่าต่อเติม / ตกแต่ง
ความสนุกของการซื้อบ้านใหม่คือได้แต่งบ้านในแบบที่เราใฝ่ฝัน รวมถึงซื้อเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ เข้าบ้านใหม่ บอกเลยว่าค่าใช้จ่ายในการตกแต่งต่อเติมบ้าน ทำเอางบประมาณซื้อบ้านของหลายคนบานปลายมาแล้ว ต่อนู้นเติมนี่จนเพลินรู้ตัวอีกทีคือเกินงบที่ตั้งไว้ไปมาก เพราะฉะนั้นใครกำลังคิดว่าจะซื้อบ้านใหม่ อย่าลืมตั้งงบประมาณตรงนี้เอาไว้ด้วยนะ
ในการซื้อเฟอร์นิเจอร์หรือซื้อของเข้าบ้าน ถ้าพอมีเวลาเราแนะนำให้ไปเลือกดูสินค้าจริงจากหลายร้านๆ แล้วนำราคามาเปรียบเทียบว่าเจ้าไหนราคาถูกกว่ากัน ถ้าซื้อออนไลน์มีโปรคุ้มกว่ามั้ย ก็จะช่วยให้เราควบคุมงบประมาณตรงนี้ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ปันโปรสรุปให้
ในการซื้อบ้านเราแนะนำให้มีเงินสำรองเผื่อไว้สำหรับค่าใช้จ่ายข้างต้นแล้ว อาจจะต้องมีเงินก้อนเผื่อซักประมาณ 10-15% ของราคาบ้านไว้ด้วย ในกรณีที่อาจกู้ได้ไม่เต็มจำนวนบ้าน แต่ถ้าหากกู้ได้เต็มจำนวน ก็ปัดเงินก้อนที่เตรียมไว้ไปเป็นค่าต่อเติมหรือตกแต่งได้
บางค่าใช้จ่ายทางโครงการบ้านจัดสรรก็จัดเป็นโปรโมชั่นออกค่าใช้จ่ายให้โดยที่เราไม่ต้องจ่ายเอง เช่น ค่าใช้จ่ายวันโอน, ค่าจดจำนอง เป็นต้น อย่าลืมสอบถามรายละเอียดจากเซลดีๆ ก่อนทำการจองกันด้วยนะ
สำหรับใครที่จะยื่นกู้บ้าน แนะนำให้ยื่นผ่านโครงการเลยจะสะดวกกว่า เพราะบางธนาคารมี Fast Track ให้สำหรับคนที่ยื่นกับโครงการ จะช่วยให้เรารู้ผลการอนุมัติเร็วขึ้น และยังไม่ต้องเสียค่าตรวจประเมินบ้านด้วย
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google