เสริมหน้าอกอย่างปลอดภัย สร้างความมั่นใจกลับคืนมา กับโรงพยาบาลนนทเวช

9 ก.ย. 63 15:26 น. / ดู 1,582 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

ปัจจุบันการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งได้รับความนิยมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดโดยการฉีดยาชา เช่น การเสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น เป็นต้น หรือจะเป็นการผ่าตัดที่ต้องดมยาสลบ เช่น การผ่าตัดเสริมหน้าอก การผ่าตัดดึงหน้า เป็นต้น แต่มีการผ่าตัดที่มีสถิติสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เฉพาะในกลุ่มคนไทย แต่รวมถึงชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาผ่าตัดในประเทศไทยด้วยนั้น คือ "การผ่าตัดเสริมหน้าอก" โดยเป็นการผ่าตัดเพื่อเพิ่มขนาดของเต้านมให้มีขนาดใหญ่ขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อความสวยงาม แต่ยังรวมไปถึงแก้ไขความผิดปกติที่เกิดจากการรักษามะเร็งเต้านมอีกด้วย
วัตถุประสงค์หลักๆ ของการผ่าตัดศัลยกรรมตกแต่งเสริมหน้าอก
• แก้ปัญหาเต้านมไม่ได้รูปทรงที่สวยงาม ทำขนาดเล็กให้ใหญ่ หรือทำขนาดที่ใหญ่เกินไปให้เล็กลง
• แก้ปัญหาหย่อนคล้อย สร้างเต้านมใหม่สำหรับผู้ป่วยมะเร็งหลังตัดเต้านม ปรับเปลี่ยนรูปร่าง และขนาดของ**ก็สามารถทำได้ด้วย

ซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอก สามารถแบ่งชนิดได้ตามรูปทรง ดังนี้
• ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงกลม เป็นลักษณะที่เลือกใช้กันมากที่สุด
• ซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงหยดน้ำ เหมาะสำหรับรูปร่างสูงบาง ลดปัญหาเต้านมทรงลูกบอล


ขนาดและลักษณะของซิลิโคนสำหรับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก
เริ่มต้นตั้งแต่ 100 ซีซี ไปจนถึง 800-1000 ซีซี ตามแต่ความเหมาะสม ซึ่งควรได้รับการวิเคราะห์แนะนำโดยศัลยแพทย์ตกแต่งเฉพาะทาง ซึ่งซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอก สามารถจำแนกได้ 2 ลักษณะ คือ
• ผิวทราย เป็นมาตรฐานที่ใช้กันมากที่สุดในช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา แต่ล่าสุดมีรายงานว่า ซิลิโคนสำหรับการเสริมหน้าอกลักษณะผิวเรียบอาจจะมีความเสี่ยงกับการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้ (breast implant associated anaplastic large cell lymphoma)
• ผิวเรียบ ใช้กันดั้งเดิมก่อนมีการผลิตผิวทราย ไม่มีการรายงานว่าเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเม็ดเลือดขาว

สารภายในถุงเต้านมเทียม ปัจจุบันจะมีการใช้งาน เพียง 2 ชนิด คือ
• ถุงน้ำเกลือ ภายในตัวถุงจะเป็นน้ำเกลือ ซึ่งหากรั่วออกมา ร่างกายสามารถดูดซึมกลับไปได้ทั้งหมด
• ถุงซิลิโคนเจล ให้สัมผัสที่นุ่มหยุ่นเป็นธรรมชาติมากกว่า หากรั่วออกมาจากตัวถุงหุ้มร่างกาย ไม่สามารถดูดซึมไปได้เอง โครงสร้างเหนียวยึดเกาะกันเอง สามารถลดการกระจายได้เมื่อรั่วซึม

ตำแหน่งการสร้างแผลผ่าตัดเพื่อการศัลยกรรมเสริมหน้าอก
• แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกใต้ฐานขอบใต้ราวนม ได้เต้านมที่ตำแหน่งแม่นเท่ากันที่สุด เกิดการช้ำน้อย และไม่มีโอกาสเกิดปัญหา**ชา หรือท่อน้ำนมอุดตันบาดเจ็บ
• แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกที่รักแร้ ไม่มีรอยแผลบนเต้านม แต่การผ่าตัดค่อนข้างเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะจะมองไม่เห็นจุดเลือดออกขณะผ่าตัด การกำหนดตำแหน่งซิลิโคนแม่นยำต่ำกว่า มีโอกาสเกิดผังผืดมากกว่า เพราะเป็นการเลาะโพรงด้วยการแหวกเนื้อ (blunt dissection) ศัลยแพทย์บางท่านใช้กล้องผ่าตัดร่วมด้วยเพื่อลดปัญหา
• แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกรอบปานนม รอยแผลครึ่งวงกลมตามแนวปานนม มีความเสี่ยงบาดเจ็บเส้นประสาทและท่อน้ำนมมากกว่าวิธีอื่น
• แนวแผลผ่าตัดเสริมหน้าอกบริเวณสะดือ เป็นวิธีที่แผลเล็กที่สุด และไม่มีแผลบนเนื้อเต้านม ความยากคือการสอดถุงน้ำเกลือผ่านแผลสะดือ และเติมน้ำเกลือจนพองได้รูป ซับซ้อนมากกว่าวิธีอื่นๆ และจำเป็นต้องใช้เครื่องมือผ่านกล้อง ทำให้มีราคาค่อนข้างสูง

ความลึกของการวางตำแหน่งซิลิโคนเสริมหน้าอก
• ใต้กล้ามเนื้อ หากเกิดปัญหาพังผืดจะอยู่ในชั้นลึก เต้านมใหม่มีความพุ่งน้อยกว่า เป็นภูเขาฐานกว้าง
มีความจำเป็นต้องตัดกล้ามเนื้ออกบางส่วนเพื่อสร้างโพรง อาจทำให้กำลังแขนและไหล่ของนักกีฬาลดลง
เมื่อเกร็งกล้ามเนื้ออกอาจเห็นเต้านมขยับ
• ใต้เนื้อเต้านม เจ็บน้อยกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่า เพราะไม่มีการตัดผ่านกล้ามเนื้อ ได้ความพุ่งเป็นเต้ามากกว่า ไม่ทำให้เกิดปัญหาในนักกีฬา


ความเปลี่ยนแปลงในช่วงแรกหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• อาจมีความรู้สึกตึงแน่นบริเวณหน้าอก อาการจะดีขึ้นเองใน 1 - 2 วัน
• รอยช้ำอาจเกิดขึ้นในบางราย และจะค่อยๆ จางหายไปเอง แต่ไม่ควรจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณของเลือดออกภายใน
• อาการชาที่**อาจเกิดขึ้นได้มากในกรณีที่เนื้อถูกยืดด้วยซิลิโคนขนาดใหญ่ แต่ไม่ควรเกิดอาการชานานเกิน 1 - 2 สัปดาห์ในกรณีปกติ
                 
https://sv1.picz.in.th/images/2020/09/09/O39ySV.jpg
การเตรียมตัวก่อนรับการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• เมื่อตัดสินใจผ่าตัดเสริมหน้าอก ควรได้รับการตรวจหามะเร็งเต้านมอย่างละเอียด
• งดอาหารเสริมและยาที่อาจทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติ
• งดน้ำและอาหารก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก อย่างน้อย 6 ชั่วโมง

การดูแลตนเองหลังจากการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• หลีกเลี่ยงการขับรถ การยกของหนัก และใช้กำลังแขนหนักใน 1 - 2 สัปดาห์ หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
• ทำความสะอาดแผลผ่าตัดตามคำแนะนำของศัลยแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• การพันผ้ารัดหน้าอกมีทั้งผลดีและผลเสีย ควรเลือกพันในกรณีที่ศัลยแพทย์แนะนำ
• หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะจะมีผลกระทบกับการหายของแผล อาจทำให้แผลไม่ติด แผลแยก
• หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดเลือดออกและบวมหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก
• ไม่ควรนวดเต้านมด้วยตัวเอง หากการผ่าตัดทำให้เกิดความช้ำน้อยและหายไว
• พังผืดอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยหลังผ่าตัดเสริมหน้าอก จึงไม่มีความจำเป็นต้องนวดทุกราย
• เมื่อจำเป็นต้องนวดในกรณีเต้านมแข็งหรือผิดรูป ควรอยู่ในความดูแลของศัลยแพทย์
• หลังผ่าตัดเสริมหน้าอกสามารถให้นมบุตรได้ในตามปกติ แต่หากวางแผนตั้งครรภ์แนะนำให้มีระยะเวลาห่างจากการผ่าตัดเสริมหน้าอกอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ขณะตั้งครรภ์
• ประมาณ 1 – 2 เดือนแรก รูปร่างของเต้านมจะใหญ่กว่าขนาดจริง และจะค่อยๆ หย่อยตัวลงเป็นธรรมชาติใกล้เคียงขนาดจริง หลังผ่าตัดเสริมหน้าอก 2 – 3 เดือน


คำถาม? ยอดฮิต การผ่าตัดเสริมหน้าอก

Q: หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก สามารถให้นมบุตรได้หรือไม่?
A:  เมื่อการผ่าตัดหายดี สมบูรณ์ สามารถให้นมบุตรได้ตามปกติ

Q: หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก ต้องพักฟื้นกี่วัน?
A:  พักที่โรงพยาบาล 1 คืน เพื่อให้ยาปฏิชีวนะ กลับพักฟื้นที่บ้าน 1 วัน เพื่อปรับตัวการทำกิจวัตรประจำวัน จากนั้นใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ควรเลี่ยงการออกกำลังกายหรือยกของหนัก 1 – 2 เดือน

Q: หลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลหรือไม่?
A: หลังผ่าตัดคนไข้ควรได้รับการนอนพักฟื้น 1 คืน เพื่อให้ยาปฏิชีวนะทางเส้นเลือด จนครบ 24 ชม. และมีการเฝ้าระวังการฟื้นตัวหลังดมยาสลบ

Q: อายุซิลิโคนเสริมหน้าอก อยู่ได้กี่ปี?
A: อยู่ได้ตลอดไป หากไม่มีปัญหาแทรกซ้อนหรืออุบัติเหตุรุนแรง

Q: หากมีความจำเป็นต้องนำซิลิโคนเสริมหน้าอกออก ลักษณะของหน้าอกจะเป็นอย่างไร?
A:  แฟบลง อาจเกิดรอยย่นผิดรูป

Q: ผ่าตัดเสริมหน้าอกมาแล้ว พออายุเริ่มมากขึ้น หรือผ่านการให้นมบุตรมาแล้ว รูปร่างของหน้าอกจะหย่อนคล้อย หรือเปลี่ยนแปลงไปมากหรือไม่?
A: อาจหย่อนคล้อยได้ แต่ไม่มากเท่าคนที่ไท่เคยเสริมหน้าอก

Q: การผ่าตัดเสริมหน้าอกมีโอกาสทำให้เสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมได้มากขึ้นหรือไม่?
A: ปัจจุบันหากเลี่ยงซิลิโคนเนื้อทราย จัดว่าเป็นการผ่าตัดที่ไม่สร้างความเสี่ยงกับมะเร็งเต้านม

การที่ใครๆ ต้องการมีบุคลิกภาพที่ดูดี รูปร่างที่สมส่วน เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเองน่ามองยิ่งขึ้น หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่ผ่าตัดรักษามะเร็งเต้านมก็ต้องการเสริมความมั่นใจให้ตัวเองกลับมาดูดีอีกครั้ง ด้วยการศัลยกรรมเสริมหน้าอกไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงการทำศัลยกรรมก็เช่นกัน หากตัดสินใจที่จะทำศัลยกรรมตกแต่งความงามแล้วต้องศึกษาหาข้อมูลให้ละเอียดรอบคอบ ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลนนทเวช พร้อมให้คำปรึกษาโดยศัลยแพทย์ตกแต่งความงามเฉพาะทาง พร้อมพยาบาล วิชาชีพ และเครื่องมือที่ทันสมับภายใต้มาตรฐาน JCI ที่ทั่วโลกยอมรับ





ข้อมูลโดย: นพ.ศุภฤกษ์ กมลวัทน์ 
ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง
https://www.nonthavej.co.th/Breast-Augmentation.php
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | babala | 9 ก.ย. 63 16:39 น.

 

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google