6 ประเภทและความรุนแรงของสิวที่หลัง
7 ต.ค. 63 16:42 น. /
ดู 3,867 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ไขข้อสงสัย สิวที่หลัง รักษาหายไหม?
Credit ภาพ : vogue.in
Credit ภาพ : livestrong.com
6 ประเภทและความรุนแรงของสิวที่หลัง
ประเภทที่ 1 สิวหัวขาว
เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นจุดหรือตุ่มเล็กๆ เกิดจากรูขุมขนอุดตัน ซึ่งมีผิวหนังชั้นบางๆ สีขาวเคลือบเอาไว้ สามารถกดออกได้ง่าย
ประเภทที่ 2 สิวหัวดำ
เป็นสิวที่เกิดจากรูขุมขนอุดตัน ที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจน จนกลายเป็นจุดดำๆ เล็กๆ บนผิวหนัง สามารถกดออกได้ง่ายเช่นเดียวกับสิวหัวขาว
ประเภทที่ 3 สิวอักเสบตุ่มนูนแดง
เป็นสิวที่เกิดจากการอักเสบของสิวอุดตัน เป็นสิวประเภทที่ไวต่อการสัมผัส หากแกะหรือบีบ อาจเกิดการติดเชื้อรุนแรง จนเป็นแผลเป็นได้ จึงไม่ควรแกะหรือบีบสิวประเภทนี้โดยเด็ดขาด
ประเภทที่ 4 สิวอักเสบหัวหนอง
เป็นสิวอักเสบ ที่มีตุ่มหนองอยู่ภายใน หากกดออก อาจทำให้เกิดเป็นรอยด่างดำหรือแผลเป็นได้
ประเภทที่ 5 สิวอักเสบแดง
เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่มีขนาดใหญ่ แข็ง อาจมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย และไม่สามารถกดออกได้ด้วยตัวเอง
ประเภทที่ 6 สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์
เป็นสิวระดับรุนแรงที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งภายในจะมีถุงน้ำที่มีเต็มไปด้วยหนอง มีอาการเจ็บปวดอย่างรุนแรง ไม่สามารถกดออกได้ ต้องใช้วิธีผ่าตัดเท่านั้น
Credit ภาพ : imabeautygeek.com
ต้นเหตุของการเกิดสิวที่หลัง
ฮอร์โมน
สิวทุกที่ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นบนใบหน้า หน้าอก แผ่นหลัง หรือก้น มีสาเหตุมาจากฮอร์โมนในร่างกายของเราที่มีความเปลี่ยนแปลง วัยรุ่น หรือผู้หญิงที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์ จึงมีโอกาสเป็นสิวมากเป็นพิเศษ
เหงื่อไคล
เมื่ออากาศร้อน เหงื่อจะออกมากกว่าปกติและเกิดการหมักหมม เพราะรูขุมขนที่เปิดกว้างจะเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และกระตุ้นให้เกิดสิว นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ อีก อย่างเช่น การสวมเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ไม่ดีพอ การสวมชุดนอนซ้ำ ชุดเครื่องนอนและเตียงไม่สะอาด ไม่อาบน้ำในทันทีหลังเล่นกีฬา เป็นต้น
ผิวแพ้ง่าย
เกิดการระคายเคืองจากผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น น้ำยาซักผ้า หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มต่างๆ สบู่ ครีมอาบน้ำหรือแม้แต่แชมพูที่ใช้สระผม ก็ล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้ทั้งสิ้น
รับประทานอาหารทอด อาหารมันเป็นประจำ
การรับประทานอาหารประเภทที่มีส่วนประกอบของไขมันสูงอยู่เป็นประจำ จะทำให้เกิดสภาวะผิวมัน ซึ่งจะทำให้เกิดการอุดตันในรูขุมขน ทำให้เกิดสิวที่แผ่นหลังได้ง่าย
Credit ภาพ : stylecraze.com
รักษาสิวที่หลัง ด้วยพลังจากธรรมชาติ
1. ดินสอพองผสมมะนาว นำมาพอกให้ทั่วแผ่นหลัง ประมาณ 30 นาที แล้วล้างออก ทำเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ดินสอพองมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบของผิว ทำให้สิวยุบและแห้งอย่างรวดเร็ว ในขณะที่มะนาวช่วยผลัดเซลล์ผิว ให้ริ้วรอยจางลง ช่วยเผยผิวกระจ่างใสได้เต็มที่
2. ว่านหางจระเข้ นำเนื้อวุ้นมาทาบริเวณที่เป็นสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที แล้วล้างออก จะช่วยลดการอักเสบของสิว ลดรอยแผลจากสิวและจุดด่างดำได้เป็นอย่างดี
3. เกลือขัดผิว นำมาสครับผิวบริเวณแผ่นหลังเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง จะช่วยทำความสะอาดรูขุมขน ช่วยลดสิวและทำให้ผิวขาวเนียนกระจ่างใสขึ้น
4. น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล นำมาใช้รักษาสิวบนแผ่นหลังได้ โดยการใช้สำลีชุบน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ลและเช็ดบริเวณสิวบนแผ่นหลังทุกวันก่อนนอน จะช่วยฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบของสิว และยังช่วยให้จุดด่างดำจางลงอีกด้วย
5. มะขามเปียกผสมขมิ้นและน้ำเปล่าเล็กน้อย นำมาทาให้ทั่วบริเวณที่มีสิว ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วล้างออก ผิวจะขาวผ่องขึ้น ด้วยคุณสมบัติของมะขามเปียก ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวและช่วยป้องกันการเกิดสิว ส่วนขมิ้นมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ต้นเหตุของสิวบนแผ่นหลัง
6. ใยบวบขัดผิว เมื่อสิวแห้ง นำมาถูแผ่นหลังเบาๆ อาจใช้ร่วมกับสบู่รักษาสิว ทำเป็นประจำ จะช่วยผลัดเซลล์ผิว และลดรอยสิว ช่วยให้ผิวแผ่นหลังเรียบเนียนได้เร็วขึ้น
Credit ภาพ : telegraph.co.uk
สิวที่หลัง ป้องกันได้
- แผ่นหลังของเราเป็นบริเวณที่มีต่อมไขมันมากกว่าส่วนอื่นๆ ทำให้มีการผลิตน้ำมันออกมาตามรูขุมขนได้มากกว่าบริเวณอื่นของร่างกาย สิวจึงเกิดบริเวณแผ่นหลังได้ง่าย จึงควรหมั่นทำความสะอาดหลังของเราอยู่เสมอ เพื่อชำระล้างความมันส่วนเกิน
- ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโลชั่นบำรุงผิว ครีมกันแดด หรือครีมนวดผม อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวบนแผ่นหลังของเราได้ จึงควรทำความสะอาดแผ่นหลังให้สะอาดหมดจดทุกครั้งที่อาบน้ำ รวมถึงคนที่มีผมยาวถึงหลัง ควรรวบผมมาด้านหน้า เมื่อชโลมครีมนวด เพื่อไม่ให้เนื้อครีมสัมผัสโดนแผ่นหลัง
- เสื้อผ้าที่รัดหรือคับเกินไป ทำให้ผิวเกิดการเสียดสีบ่อย ทำให้รูขุมขนเกิดการรบกวน จนเกิดอาการระคายเคืองและเป็นสิว จึงไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่รัดหรือคับแน่นเกินไป
- ของมัน ของทอด ของหวานและขนมที่ทำจากนม ทำให้เกิดสิวได้ จึงควรลดปริมาณในการรับประทานของเหล่านี้ลง และหันมารับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพผิวให้มากขึ้น เช่น ผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง นมถั่วเหลือง ไข่ เป็นต้น
ขอบคุณบทความดีๆ จาก https://www.lovelyeyeclinic.com/
แก้ไขล่าสุด 7 ต.ค. 63 16:52 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google