ต้องระวัง!! 8 สัญญาณเตือนก่อนหลับใน

19 ต.ค. 63 16:54 น. / ดู 280 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์


การขับรถเดินทางไกลเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้เกิดอาการเหนื่อยล้าจนเกิดภาวะง่วงนอนขณะขับรถ (Drowsy driving) หรือ "หลับใน" ได้ โดยพบว่า 1 ใน 25 ของผู้ขับรถพบปัญหาง่วงขณะขับขี่ และพบว่าผู้ขับขี่มากกว่า 50% เคยหลับในขณะขับรถซึ่งเป็นอันตรายมาก เพราะในเวลาเพียง 4 วินาที หากรถวิ่งด้วยความเร็ว 90 กม./ชม. จะทำให้รถจะวิ่งต่อไปอีก 100 เมตรโดยที่ไม่มีคนควบคุม หากมีการชนจะรุนแรงเป็นอันตรายถึงชีวิตผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และผู้ร่วมทางได้ �
สินมั่นคงประกันรถยนต์ �มีสัญญาณเตือนก่อนเกิดอาการ "หลับใน" มาเตือนใจให้ระวังกันดังนี้

ภาวะง่วงนอนขณะขับรถ (Drowsy driving) หรือหลับใน
"การหลับใน" คือ การหลับในระยะเวลาสั้น ๆ เพียงชั่ววูบเดียว เป็นภาวะที่ร่างกายมีการทำงานลดลงหรือช้าลง มีการสับสนระหว่างการหลับในและการตื่น โดยมีการหลับเข้ามาแทรกการตื่นอย่างเฉียบพลันโดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลาสั้น ๆ เพียง 1-2 วินาที �"การหลับใน" ยังเป็นอันตรายเช่นเดียวกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะผลต่อการทำงานของสมองส่วนประมวลผล ทำให้การตัดสนใจแย่ลง และการตอบสนองช้าลง นักวิจัยพบว่า การอดนอนเป็นเวลา 17-19 ชั่วโมง เปรียบเหมือนร่างกายมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่ากับ 0.05 (ตามกฎหมายเท่ากับ 0.08 ถือว่าเมาขณะขับขี่) �หมายความว่าหากเราอดนอน 24 ชั่วโมงแล้วไปขับรถก็อาจเท่ากับว่าว่าเรามีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเท่ากับ 0.10 เลยทีเดียว �ดังนั้นก่อนขับขี่เราต้องจำไว้ว่าการอดนอนเป็นอันตรายในการขับขี่

ช่วงเวลาที่พบการเกิดอุบัติเหตุจาก "หลับใน"
มีสองช่วง ได้แก่ ช่วง 24.00-08.00 น.ของวันรุ่งขึ้น และช่วง 13.00-15.00 น. ดังนั้น ถ้าต้องขับขี่ในช่วงเวลาดังกล่าว ต้องคอยระมัดระวังการขับขี่ให้มากขึ้น ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาดังกล่าว และควรได้รับการนอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ

8 สัญญาณเตือนก่อน "หลับใน"
เมื่อเกิดสัญญาณเตือนเหล่านี้ ควรหยุดแวะพักผ่อนเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่

1. หาวบ่อยและต่อเนื่อง

2. กระพริบตาถี่ ๆ ลืมตาไม่ขึ้น

3. มองข้ามสัญญาณไฟและป้ายจราจร

4. ใจลอยไม่มีสมาธิ

5. รู้สึกหนักศีรษะ หงุดหงิด กระวนกระวาย

6. ขับรถส่ายไปมาหรือออกนอกเส้นทาง

7. จำไม่ได้ว่าขับรถผ่านอะไรมาในช่วง 2-3 กิโลเมตรที่ผ่านมา

8. ขับจี้ติดรถคันหน้าหรือฝ่าไฟแดงโดยไม่รู้ตัว



"หลับใน" ป้องกันได้อย่างไร?

1. นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอ 7-9 ชั่วโมง อย่างน้อย 2 คืนก่อนวันเดินทาง จากการศึกษาพบว่า ผู้ขับขี่ที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อวัน มีโอกาสประสบอุบัติเหตุมากกว่าคนนอนเต็มอิ่มถึง 5 เท่าเลยทีเดียว


2. ทานอาหารแต่พอดี อย่ากินอิ่มจนเกินไป เพราะจะทำให้ง่วงได้


3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายเพียงนิดเดียว ก็มีผลทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง และอาจนำไปสู่การหลับในเฉียบพลันได้


4. ก่อนเดินทางไม่ควรกินยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม ควรงดกินยาระงับประสาท ยาแก้ปวด ยาแก้ หรือยาที่ออกฤทธิ์ทำให้ง่วงซึมด้วย อย่างไรก็ตามหากเป็นยารักษาโรคที่ต้องกินเป็นประจำ ให้ขอคำปรึกษาแพทย์กับโดยตรงหรือขอปรับยาเป็นตัวที่ไม่มีผลข้างเคียงแทน


5. จิบน้ำบ่อย ๆ อย่าให้ขาดน้ำ เพราะการขาดน้ำจะทำให้อ่อนเพลียและเหนื่อยล้าง่าย


6. งดดื่มกาแฟ น้ำอัดลม ชา โกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง ก่อนเดินทาง 2-3 วัน เพราะอาหารเหล่านี้มีคาเฟอีนที่ทำให้นอนไม่หลับสนิท


7. แวะพักระหว่างทาง เมื่อต้องเดินทางไกลควรหยุดพักทุก ๆ 2 ชั่วโมง หรือทุก 160 กิโลเมตร เพื่อล้างหน้าล้างตา ยืดเส้นยืดสายให้ร่างกายตื่นตัวตลอดเวลา หรือหากผู้ขับขี่รู้สึกง่วง ควรตั้งนาฬิกาปลุกแล้วงีบหลับสัก 20-30 นาที วิธีนี้จะช่วยป้องกันการหลับในได้ดี


8. หลีกเลี่ยงการขับขี่ในช่วงเวลา 24.00-07.00 น. เนื่องจากช่วงนี้เป็นเวลาที่ร่างกายคุ้นเคยกับการนอนหลับในเวลานี้ ดังนั้นในระหว่างขับขี่อาจเกิดอาการง่วงซึมหรือหลับในได้


9. พาเพื่อนร่วมเดินทางไปด้วย สามารถสลับกันขับเมื่อเกิดอาการอ่อนเพลีย หรือช่วยพูดคุยกระตุ้นสมองให้ทำงานตลอดเวลา และช่วยดูการขับขี่และเตือนคุณเมื่อมีอาการอ่อนเพลียอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก สินมั่นคงประกันรถยนต์
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | _uwu_ | 19 ต.ค. 63 22:47 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

#2 | sz421978 | 21 ต.ค. 63 09:08 น.

8o   

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google