5 ขั้นตอนลดความอ้วน ดูแลตัวเองให้หุ่นไซส์ S ได้ง่ายๆ ไม่ยาก

สาเหตุของ 'ความอ้วน' ส่วนใหญ่ มีอยู่ไม่กี่เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรรมพันธุ์ โรคภัยต่างๆ และสาเหตุยอดฮิตที่หลายคนมักจะเป็น อ้วนเพราะการกิน และยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับ 'สุขภาพ' ตามมาอีกมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน โรคที่เกี่ยวกับไขมันในเส้นเลือด ฯลฯ วันนี้ เราจึงขอมาแชร์ทริคการทานในแบบของเรา ในวันที่เราต้องการ ลดความอ้วน ซึ่งก็เป็นวิธีที่ใครๆ ก็สามารถลองทำดูได้ แต่ขอบอกไว้ก่อน ว่าเราเป็นคนที่ไม่ออกกำลังลังกาย ที่อ้วนก็เพราะกิน และที่ผอมก็เพราะกินเช่นกันค่ะ ไปเริ่มกันเลย ! 1. ทำอาหารกินเอง



อาหารที่เราซื้อทานเป็นประจำ อาจเป็นส่วนหนึ่งของการเกิดภาวะอ้วนได้ บางร้านก็ใส่น้ำตาลในปริมาณที่เยอะ บางร้านก็ใส่ผงชูรสเข้าไป หรือบางร้านก็ใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของไขมันทรานส์ และถ้าเรารับประทานอาหารที่ถูกปรุงแบบนี้ในทุกวัน รับรองว่าไม่ช้า น้ำหนักต้องขึ้นแน่นอนค่ะ

เราเลยหันมาทำอาหารทานเอง อันนี้เราทำแบบตามใจปากเลย ไม่ได้คลีนนะคะ แต่เพียงแค่เลือกวัตถุที่จะมาปรุงรสต่างๆ โดยใช้น้ำมันรำข้าวแทนน้ำมันพืช ใช้ข้าวกล้องแทนข้าวขัดสี ลดปริมาณน้ำตาล และทานแบบไม่ใส่ผงชูรสค่ะ

2. เลือกสิ่งที่มีประโยชน์เป็นอาหารว่าง



หลายคนอาจจะทานไม่เยอะ แต่ทานได้เรื่อยๆ ตลอดเวลา โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย อันที่จริงก็ทานได้นะคะ เพียงแต่ว่าไม่ควรทานจนติดเป็นนิสัย เพราะว่าขนมส่วนใหญ่โดยเฉพาะขนมถุงเนี่ย มักจะมีโซเดียมในปริมาณที่สูงมาก หากเราบริโภคมากเกินไป ก็ทำให้ให้ไตเสื่อม มีอาการบวมน้ำ ส่งผลให้โรคต่างๆ ตามมา ส่วนสายของหวานทั้งหลายก็ไม่ต้องถามเลย ทั้งน้ำตาล ทั้งแป้ง ไม่อ้วนก็ให้รู้ไปเลยค่ะ (5555)

จะดีกว่าไหมถ้าในระหว่างวันเราเลือกสิ่งที่มีประโยชน์กิน สำหรับเราในระหว่างวันเราก็จะชอบมีกล้วยหอมติดอยู่ที่บ้าน หรือที่ทำงานไว้เสมอ เหมาะสำหรับช่วงที่ต้องการน้ำตาล กล้วยหอมยังช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยเรื่องขับถ่าย ที่สำคัญคือทานแล้วอิ่มด้วยค่ะ

3. เปลี่ยนมื้อเย็นให้เป็นโปรตีน



เคยสังเกตไหมคะ ตอนเช้าทำไมพุงเรายังป่อง ? นั่นคือสัญญานเตือนของความอ้วนนั่นเองค่ะ นี่จะเกิดขึ้นบ่อยมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่ออกกำลังกายแบบเรา นั่นก็เพราะไขมันในร่างกายส่วนใหญ่มักจะสะสมมาจาก อาหารมื้อเย็น นี่แหละ เป็นมื้อที่ไม่ควรทานแป้งเยอะ เมื่อคุณทานแล้วนอน ร่างกายก็จะลดอัตราการเผาผลาญลง ทำให้สิ่งพวกนี่กลายเป็นไขมันที่สะสมตามส่วนต่างๆ ทางที่ดีเราจึงเลือกทานอาหารประเภท โปรตีนและผัก เป็นส่วนใหญ่ เพราะของพวกนี้จะไปช่วยซ่อมแซมส่วนต่างๆ และไปทดแทนพลังงานที่เราใช้ไปทั้งวัน รวมทั้งเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

4. กินตามใจปากได้ ถ้ามีตัวช่วยดี!!



พักหลังมานี้เราเองก็ทานตามใจปากบ่อย และความอยากเป็นเหตุ (555) แต่เรามีไอเท็มเด็ด จะกินเยอะแค่ไหนก็ไม่กลัว จะกี่แคลก็หายห่วง นั่นก็คือ CHAME' SYE S / ชาเม่ ซาย เอส ตัวที่ เชียร์ ฑิฆัมพร เป็นพรีเซ็นเตอร์ไงคะ ซึ่งเจ้าตัวนี้เขามีประสิทธิภาพในการ บล็อกแป้ง บล็อกน้ำตาล บล็อกไขมัน แบบเน้นๆ สารสกัดเน้นๆเต็มๆ 3,000 มก. มากกว่า 10 ชนิด เช่น สาหร่ายสีน้ำตาลจากฝรั่งเศส ช่วยบล็อกน้ำตาลและไขมัน, ไคโตซานจากพืช 100% ช่วยดักจับไขมันส่วนเกิน นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากชาเขียว และ ราสเบอร์รี่ คีโตน ช่วยเผาผลาญไขมันสะสม

แค่กินชาเม่ ซาย เอส ก่อนอาหาร 15 นาที โดยการเทใส่ปากเลย แล้วเค้าดูดซึมได้เร็วกว่า น้องเขาอร่อย ทานง่ายมากคะ เหมือนทานขนมรสสตรอเบอร์รี่เลยเหอะ ! ถ้าทานแบบทั่วไปคือวันละ 1 ซอง จบ! พอมีเจ้าตัวนี้เข้ามา ใครๆ ก็ทักว่า ผอมลงอย่างเห็นได้ชัดกว่าเดิมเลยค่ะ ^^ อันนี้เราไปซื้อมาจากวัตสันแหละ แค่กล่องละ 550บาทเอง มี 10 ซอง

5. ห้ามละเลยเรื่องการขับถ่าย !



การขับถ่ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะทุกคน เพราะไม่ว่าเรากินดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่ขับถ่ายเลยหรือระบบขับถ่ายทำงานผิดปกติ ย่อมส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอน และยังทำให้ดูเหมือนคนอ้วนลงพุงด้วย

สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย เราก็มีตัวช่วยดีๆ ที่จะมาบอกต่ออย่าง CHAME' 1 DAY FIBER /ชาเม่ วันเดย์ ไฟเบอร์ เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องขับถ่าย ท้องผูก หรือต้องการขับของเสียสะสม ด้วยสารสกัดอันเลอค่าอย่าง พรีไบโอติก, ฟรุตโตโอลิโกแซคคาไลด์ (FOS), ไฟเบอร์สูง, ไซเลียมฮัสก์ เกรดพรีเมี่ยม  ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายดี และยังมี Oxxynea 5 A day และ เบอร์รี่ 7 ชนิด ซึ่งเป็นการสกัดผักผลไม้จุกๆ 200% มีตั้ง 15 ชนิด กับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ที่ช่วยในการบำรุงผิวพรรณจากการสูญเสียน้ำระหว่างขับถ่าย ทำให้ผิวดูกระจ่างใส ไม่ว่าจะถ่ายหนักแค่ไหน ผิวพรรณก็ยังใสอยู่ เพียงแค่ชงดื่มทุกวันก่อนนอน รับรองว่าหน้าท้องแบนราบ ผิวใสอีกต่างหาก อ่อๆ ลืมบอกเราไปซื้อมาจาก 7-11 ซองละ 49บาท ^^ นี่ๆแล้วเอาใบเสร็จไปสะสมคะแนน CHAME' Rewards เอาไว้แลกรางวัลได้ด้วยนะที่ LINE @CHAMEThailand




คำถามยอดฮิตที่หลายคนมักถามกันเข้ามา คือ เมื่อไหร่เห็นผล ? เราขอตอบตรงนี่เลยว่ามันขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคนด้วย ในเรื่องของผลลัพธ์ที่ช้าหรือเร็วจึงต่างกัน และยังรวมไปถึงระเบียบวินัยของแต่ละคน ซึ่งก็ต่างกัน ตรงนี่มีผลอย่างมาก และเป็นตัวกำหนดว่าคุณจะมีวันมีรูปร่างที่ดีหรือไม่ สำหรับเราเองใช้เวลาประมาณ 3 เดือนกว่า จากน้ำหนัก 70 ตอนนี้ลงมาอยู่ที่ 51 ได้ ทั้งนี้เป็นเพราะการกินอย่างเดียวเลยค่ะ เหมือนกับที่เขาพูดกันว่า "YOU ARE, WHAT YOU EAT" กินอะไรเข้าไป ก็ได้อย่างนั้นแหละค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ^^