หาก Travel Bubble จับคู่ท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศ เหมาะไหมสำหรับตอนนี้

ส่วนตัวเห็นด้วยกับกระทู้ มองว่ารัฐควรออกนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่านี้ อยากให้นำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา
ใช้วิธี Travel bubble นี่แหละเหมาะสมสุดในการดึงเงินเข้าประเทศ เพื่อให้พ่อค้าแม่ค้าอยู่กันได้เหมือนเมื่อก่อน
และมองว่าคนไทยเองตอนนี้มีการป้องกันตัวกันได้ดีในระดับนึงอยู่แล้ว ขอแค่ทุกคนไม่การ์ดตกก็น่าจะเพียงพอแล้ว อยากให้คนในประเทศมีกินมีใช้กลับเป็นดังเดิม
ขอบคุณเนื้อหาจากกระทู้: https://pantip.com/topic/40368861           เกือบจะครบ 1 ปีแล้วกับโรค Covid –19 ที่เริ่มแพร่ระบาดปลายปีที่แล้ว จนกระทั่งถึงปัจจุบันที่ยังไม่เห็นทิศทางที่ชัดเจนของวัคซีนรักษาโรค ซึ่งทุกๆประเทศล้วนใช้มาตรการ lockdown ปิดประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรค และหลายๆประเทศล้วน lockdown มากกว่า 1 ครั้งแล้ว แต่สิ่งนึงที่ตามมาพร้อมกับการ lockdown คือปัญหาของเศรษฐกิจ ยิ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวด้วยแล้วยิ่งทำให้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจหนักกว่าปัญหา Covid-19 ทันที

          ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งประเทศที่พึ่งพาการ lockdown เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโรค จนกระทั่งเริ่มควบคุมได้และผลกระทบก็เป็นอย่างที่รู้กันคือ เศรษฐกิจพัง! ยิ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบด้วยแล้วก็เลยยิ่งมีผลกระทบอย่างหนักเลยทีเดียว รัฐบาลก็พยายามกระตุ้นการท่องเที่ยวโดยพึ่งพาโครงการกระตุ้นภาครัฐที่กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้เที่ยวในประเทศให้มากขึ้น แต่ก็ดูเหมือนจะไม่พอ เพราะพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในประเทศก็เริ่มเปลี่ยนไป โดยการเที่ยวของคนในประเทศเริ่มไปเน้นเที่ยวในพื้นที่ใกล้ๆที่สามารถขับรถไปได้ เช่น หัวหิน ชะอำ บางแสน ทำให้มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวยังไม่สามารถเยียวยาภาพใหญ่ของประเทศได้


              ในมุมของภาครัฐฯ คิดว่าคงต้องพึ่งพากำลังการท่องเที่ยวต่างประเทศเลยพยายามเสนอมาตรการรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศเข้ามาไม่ว่าจะเป็น Travel bubble หรือการเปิดรับนักท่องเที่ยวแบบพิเศษ ซึ่งก็ยังมีส่วนที่ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหลายๆประเทศในโลกกลับมาเปิดให้มีการท่องเที่ยวกันมากมายแล้ว

              Travel Bubble (ทราเวล บับเบิล) เป็นคำที่ใช้เรียกการจับคู่การท่องเที่ยวระหว่าง 2 ประเทศที่มีความมั่นใจว่าปลอดภัยจากเชื้อไวรัส Covid-19 ทั้งยังต้องมีการพิจารณาจากมาตรการผ่อนคลายการควบคุมโรค มาตรการการเดินทางระหว่างประเทศ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยโดยทั้ง 2 ประเทศจะมีการตกลงกันเพื่อให้สิทธิพิเศษในการเดินทางเข้า-ออกระหว่างกันและต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขมาตรการป้องกัน Covid-19 อยู่  อาทิ ตรวจเชื้อก่อนเดินทางเข้าประเทษ และตรวจอีกครั้งเมื่อเดินทางกลับ โดยประเทศที่เริ่มใช้นโยบายแบบนี้คือ
    - ญี่ปุ่น เตรียมจับคู่กับ ไทย นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และเวียดนาม
    - จีน จับคู่กับ เกาหลีใต้ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊า เปิดให้เที่ยวได้ใน 10 ภูมิภาคของจีน
    - กลุ่มประเทศในยุโรป ประกอบด้วย เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ และออสเตรีย เปิดให้เที่ยวระหว่างกันในกลุ่ม
    - สิงคโปร์ จับคู่กับ ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และจับคู่เดินทางไปบางมณฑลในจีน
    - กลุ่มประเทศในสแกนดิเนเวีย จับคู่เดินทางกันเอง ได้แก่ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ค
    - กลุ่มประเทศแถบทะเลบอลติก ในยุโรปตะวันออก ประกอบด้วย ลัตเวีย ลิทัวเนีย เอสโตเนีย อนุญาตให้ประชาชนเดินทางไป-มา ได้อย่างเสรี
    - อิตาลี เป็นประเทศแรกในยุโรปที่เปิดพรมแดนให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยว เพราะต้องการให้การท่องเที่ยวมาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ


              ในส่วนของประเทศไทยมีมาตราการตรงนี้เช่นเดียวกันโดยช่วงปลายเดือนที่ผ่านมากับการปิดรับนักท่องเที่ยวจีนประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV) กลุ่มแรกที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวเหล่านี้ต้องอยู่ภายในประเทศผ่านมาตรการต่างๆที่เกี่ยวกับการควบคุมโรค Covid-19 นี้เช่นกัน ซึ่ง ก็หวังว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวเหล่านี้จะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศที่ยังต้องพึ่งพานักท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากมีมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างละเอียดครบถ้วนแล้ว จขกท.เป็นอีกคนที่เสนอว่าควรเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้ามาอีก จะใช้ทั้ง Travel bubble หรือมาตรการอื่นๆก็ได้ เพราะปล่อยไปแบบนี้เศรษฐกิจเราจะแย่หนักอย่างแน่นอน

แหล่งข้อมูล
https://www.nationtv.tv/main/content/378801986
https://www.sanook.com/news/8279358/
https://www.thairath.co.th/news/business/1957010
https://www.thaipost.net/main/detail/81129
https://www.naewna.com/local/526452
https://travel.trueid.net/detail/qb0eDJ00Lr4R
https://travel.kapook.com/view227010.html