บาส กับเส้นทางสายวายที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พร้อมเผยเป็นคนชวน เพิร์ธ มาเล่นหนังด้วยกัน

ปกติแมะๆ หรือผู้คนมักจะเห็น บาสเด็กอ้วน ในมุมที่มีแต่ความขี้เล่นน่ารักสดใสอยู่เสมอ
แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้รอยยิ้มนั้น เจ้าตัวก็เป็นเหมือนคนๆ นึงที่มีความอ่อนไหว ซึ่งต้องขอบคุณ
บทสัมภาษณ์จากทาง Mata Channel เลยที่ทำให้พวกเราได้รู้จักตัวตน มุมมองและทัศนคติต่างๆ
ของบาส และประสบการณ์กว่า 4 ปีในวงการว่าเด็กคนนี้เติบโตขึ้นจากเดิมมากแค่ไหน เปิดมาพูดถึงซีรีส์ Gen Y บาสสงสารคุณดุลที่แฟนๆ อินจนบอกจะเผารถ แต่ก็บอกว่าดีใจที่ทำให้คนดู
เข้าใจกับความรู้สึกของตัวละครวายุได้ เพราะแต่ก่อนเป็นเด็กใหม่ยังไม่ได้แสดงดีตอนนี้ก็พัฒนาทำให้
ทุกคนอินได้ก็ดีใจ ส่วนฉากร้องไห้ที่มีแฟนๆ เห็นบาสร้องแล้วรู้สึกจะขาดใจ เจ้าตัวก็บอก ทุกคนเห็นผม
ร้องไห้บ่อย ผมเป็นคนอ่อนไหวกับคำว่าความรู้สึก แต่ถ้าใครจะเผารถคุณดุลให้รอดูให้จบก่อน แล้วค่อยเผาทีหลัง XD




และไม่พลาดที่จะพูดถึงกระแส ดุลบาส
บาส "แฮชแท็ก ดุลบาส แฟนๆ ก็ชอบ ชอบความเทกแคร์ของคุณเขา เห็นและก็ดีใจ
กับทุกคน ผมไม่ได้มีคู่ที่เขาชิปมานานแล้ว จริงๆ เราเริ่มต้นมาจากวาย สาววายที่อยู่กับเราก็ต้องการความวายบ้าง
แต่บางคนอยู่กับเราจนรักในตัวเรา ไม่ต้องการเสพวายแต่พอได้มีให้เขาก็กระชุ่มกระชวย ก็เป็นผลดีต่อทุกคน
เหมือนที่เคยบอก ผมไม่ได้บอกว่าผมต้องคู่กับคนนี้คนนั้นเท่านั้น บอกทุกคนเสมอว่าคุณมีความสุขที่จะเห็นผมอยู่กับใคร ขอให้ดูสิ่งๆ นั้น ก็ไม่อยากให้ไปว่าคนอื่น คนเราความคิดความชอบไม่เหมือนกัน ถ้าผมเป็นความสุขให้ทุกคนได้
ผมก็อยากเป็นความสุขในแบบที่ทุกคนอยากเห็น"




จุดเริ่มต้นก่อนจะมาเป็นดุลบาส บาสบอกตอนแรกก็เป็นเพื่อน เขาเป็นน้องใหม่ของ Star Hunter ก็เทกแคร์
กันอยู่แล้ว แต่ตอนเทกแคร์คนอาจจะเห็นว่า เฮ้ย ได้! ก็เลยจับจิ้นกัน พอทีมงานแซวถึงโมเมนต์ที่คุณพี่ขับรถมาหามารับหลังเลิกงาน ก็บอก ผมอยากซิ่ง และถ้าใครจะเผาไปทุบหัวคุณดุลเขาดีกว่า
และเดี๋ยวผมเอารถไป
แสบนะแบบนี้ คุณพี่ว่าไงคะ 




การวางตัวไม่ว่าจะดุลหรือกับใคร บาสบอก เขาก็เป็นแบบนี้ ตลก ไม่ได้คีปลุคอะไรอยู่แล้ว แรกๆ ตอนเดือนเกี้ยวเดือนอาจมีเกร็ง แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้เป็นตัวเองดีกว่า และทุกคนก็รับได้ในสิ่งที่ผมเป็น ไม่มีอะไรต้องมานั่งเก๊กหล่อ เพราะผมเก๊กไม่เป็น
เก๊กหล่อไม่เป็น เป็นแต่ดึงเดชใช่ไหม หยอกๆๆ XD




และบาสยังระวังเรื่องการเล่นโซเชียลมากๆ เพราะเป็นคนสาธารณะ เกิดมากับดราม่า คนด่าคนอะไรอยู่แล้ว
แถมปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบเล่นโซเชียล ทุกวันนี้ก็มียังกลัวว่าลงจะหรืออัปเดตอะไรไปแล้วจะผิดใจใครรึเปล่า
ก็กดดัน อยู่กับแฟนๆ มานาน ก็ไม่อยากเสียใครไป เลยที่จะมอบสิ่งดีดีที่สุดให้ดีกว่า ยิ่งเวลาไลฟ์ยิ่งอันตราย
มันแก้ทุกอย่างไม่ได้ พูดผิดทีนึงคือไปไกล แต่ก่อนคือเล่นทวิตบ่อยมาก แต่พอมีดราม่าบ้านนั้นบ้านนี้ไม่ชอบ เลยตัดปัญหา เคยถึงขั้นจะลบทวิตแล้ว แต่ว่าทวิตก็ยังเป็นช่องทางที่ได้ติดต่อสื่อสารกับแฟนๆ คืออยากตอบโต้ แต่ไม่อยากให้ทุกคนตีกัน




ถึงจะผ่านไปแล้ว แต่เหตุการณ์บูลลี่ ก็ยังเป็นบาดแผล จากเด็กต่างจังหวัดที่มาแคสต์อยากทำงานแต่ทำไมทุกคนต้องด่า นี่คือสิ่งที่คิดในใจว่า ทำไมต้องบูลลี่ด้วย ฉันอ้วนและทำให้คุณเดือดร้อนหรืออะไร ไม่ได้อยากว่าใคร ถ้าเขาอยาก
ว่าอ้วนก็อ้วนจริงๆ เจ้าตัวภูมิใจกับความอ้วนของตัวเอง แฟนๆ ก็แฮปปี้ ตอนนี้โอเคแล้ว ยังเป็นบาสที่ทุกคนเห็นยิ้มเสมอ




แล้วที่เห็นเป็นเด็กอ้วนที่ร้องเพลงเพราะๆ ออกซิงเกิลมาให้ฟังกันอย่างทุกวันนี้
บาสเคยโดนเรียกว่า นักร้องกะต็อกกะต๋อย ด้วย"หลังจากนั้นผมก็ต้องทำให้เขาเห้นว่าผมร้องเพลงได้
ทุกวันนี้ก็พิสูจน์ได้ในระดับนึง ผมอาจจะไม่ใช่คนร้องเพลงเก่งแต่ก็ได้ก้าวมาหนึ่งก้าวแล้ว ผมไม่อยู่กับที่
ใน Fantopia เหมือนแจ้งเกิดเลยนะ พวกผมร้องเต้นมา 3 ปี เหมือนมีคนเพิ่งมองเห็นพวกเรา ซาบซึ้งเลยนะ
ดีใจ สิ่งที่เราทำกันมานานมันไม่มีใครมองเห็นนอกจากแฟนๆ แต่คนนอกเขาไม่รู้จักว่า T-Pop ในจังหวะนี้
มันคืออะไร เมื่อก่อนมันเฟื่องฟูแล้วตอนนี้ไม่เหรอ จริงๆ มันมีนะพวกเราทำมานาน และเราก็สู้จนวันนี้ที่
ทุกคนได้เห็น เราก็ไม่ได้เก่ง แต่ก็มีความสามารถเข้าไปอยู่ในใจทุกคนได้ ถามว่าเคยมีท้อไหมก็มีบ้าง
เวลาอยู่คนเดียว ซึ่งมันคิดไปไกล เราเหนื่อยเราได้เงินแต่ที่สุดแล้วมันคืออะไร เราตอบตัวเองไม่ได้
แล้วทำไมเราต้องพยายามขนาดนี้ด้วย คนเราแน่นอนทำงานอยากได้เงินอยู่แล้ว แต่สิ่งที่นอกเหนือ
จากเงินคือทุกคนเลย ที่คอยรอว่าเราทำอะไร ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ และแฟนๆ ด้อมอื่น
ที่เห็น SBFive เก่งนะ มีความสามารถ ผมพอใจมาก"




แล้วเส้นทางในวงการบันเทิงของบาสกว่าจะมีวันนี้ไม่ได้ง่าย เพราะมาจากเชียงใหม่เข้ากรุงเทพ
ไม่มีเงินติดตัวสักบาทอาศัยความเป็นนักกีฬาปิงปองไปขอนอนพักกับเพื่อนๆ จนเกือบจะหมดสโมสร
นอนล็อบบี้โรงแรมก็ผ่านมาแล้ว จนได้มาเจอพี่โอ๋ และยุคตอนบาสแจ้งเกิดจากซีรีส์วาย กระแสการยอมรับ
ในสังคมยังไม่เปิดกว้างเท่าปัจจุบัน ยุคนั้นบาสเล่นซีรีส์เสร็จก็โดนบูลลี่ เพื่อนๆ บอกเป็นตุ๊ดเป็นเกย์ แต่ก็ไม่สนใจ
เพราะเจ้าตัวก็เป็นยุคแรกที่ทำให้ LGBT ขับเคลื่อนมาถึงตอนนี้




แล้วนี่น่าจะทำให้หลายๆ คนจากที่เอ็นดูคู่พี่น้อง บาส เพิร์ธ อยู่แล้วยิ่งเอ็นดูเข้าไปอีก
เพราะบาสบอกว่า เขาเป็นคนชวนเพิร์ธมาเล่นภาพยนตร์ บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึ-ง ด้วยกัน
"จริงๆ แล้วเราจะได้ทำ 18 ฝน แต่ว่าภายในปีนี้พี่พชร์อยากให้ลองก่อนว่าเล่นได้ไหม ผมสนิท
กับน้องอยู่แล้ว คุยกันบ่อย น้องชอบอะไรที่คล้ายๆ ผม ชอบเพลง 90s ชอบหนังมุมกล้องสไตล์ฮ่องกงเก่าๆ
น้องเคยมาบอกผมช่วงรู้จักกันแรกๆ ว่า พี่จะได้เล่น 18 ฝน เหรอ ผมชอบมากเลย ผมก็ถามอายุแค่นี้ไปรู้จัก
มาจากไหน น้องบอกบ้านพ่อชอบเปิด คือน้องชอบอะไรเหมือนเรา เราเกิดไม่ทันแต่เราก็ดู พอพี่พชร์จะทำ
เรื่องนี้ก็นึกถึงน้องก่อนเลย เพิร์ธน่าจะได้ก็เลยชวน ตอนแรกไปขายให้พี่พชร์ก่อน น้องน่ารักมาก นิสัยดีมาก
อยากให้น้องได้ร่วมงานกัน พี่พชร์เอา ลองดูน้องน่ารักจริง คนนี้เป็นคนเดียวที่ผมรู้สึกว่าน่ารักที่สุด ถ้าเป็น
รุ่นน้องในวงการ"




ส่วนตอนได้ร่วมงานกัน เพิร์ธก็คล้ายๆ กับบาสเอง เป็นยังไงก็เป็นหยั่งงั้น แต่ก็มีเกรงใจน้อง
ว่าพามาเจ็บตัวเปล่าเนี่ย ถ้าสมมติเกิดอุบัติเหตุเราเป็นคนชวน แต่น้องก็บอกไม่เป็นไรพี่ ผมอยากเล่น
น้องเขาเป็นคนน่ารัก
งือพี่บาสชมน้องไม่ขาดปากเลย อยู่ด้วยกันต้องน่ารักมากแน่ๆ 




ช่วงท้ายทีมงานให้บาสขอบคุณตัวเอง ที่ฝ่าฟันอุปสรรคจนมาเป็นบาสอย่างทุกวันนี้
"ก็ขอบคุณเท้าอ้วนๆ สองข้างที่พาเราเดินมาถึงตรงนี้ ได้เจอได้รู้จักทุกคน ขอบคุณที่ซัปพอร์ต
ดีใจที่วันนี้ได้มาอยู่กับอ้อมกอดของทุกคน ก็อยากจะอยู่แบบนี้ไปตลอดเท่าที่ทุกคนจะกอดผมไว้ได้"



#บาสสุรเดช