สรุปบทความเกี่ยวกับการจัดการสถานการณ์โควิด 12 ของรัฐบาล

18 เม.ย. 64 22:49 น. / ดู 3,426 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
1.สื่อในยุโรปหรืออเมริกาไม่ได้สนในไทม์ไลน์ของคนติดเชื้อแล้วไปไหนมาไหนก็ได้เพราะถ้าได้รับวัคซีนแล้วก็ได้รับการป้องกันโรคแล้ว
2.คนไทยยังคงสนใจไทม์ไลน์ของคนติดเชื้อและแพนิคไปกับมัน และยังมีการประณามที่ตัวบุคคลว่าดูแลตัวเองไม่ดี แม้แต่นายกยังออกมาบอก "สถานที่อโคจรก็ไม่ควรไป"  เป็นการบอกว่าไปเที่ยวกลางคืนแล้วติดเชื้อก็ไม่แปลกอะไร

3.ตีตราประชาชนคนไทยทำกันเป็นเรื่องปกติ จนลืมว่าเชื้อมันอยู่ในอากาศป้องกันดีแค่ไหนก็มีโอกาสติดได้ ถ้าให้อยู่บ้านอย่างเดียวแล้วจะทำมาหากินอะไร จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจกันได้อย่างไร ชีวิตคนต้องเดินต่อไปนะ

4.ทำไมคุณต้องโยนทุกอย่างให้ประชาชนรับผิดชอบชีวิตตัวเอง คือ ตั้งแต่มีโควิดมา ประชาชนไม่อดทนพออีกหรอ ประเทศไทยล็อกดาวน์กันอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ปี 2563 ธุรกิจต่างๆ ยอมเจ็บตัว การท่องเที่ยวกลืนเลือดตัวเองทุกวัน ร้านอาหารตั้งขายที่ร้านไม่ได้ นักดนตรีกลางคืนไม่มีงานให้เล่น คนทำธุรกิจอีเวนต์เจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว ดังนั้นอย่ามาบอกว่าประชาชนพยายามไม่มากพอ

5.ที่ประชาชนยอมทำทุกอย่างก็เพื่อจะหวังว่าวัคซีนมาให้ประชาชน แต่สุดท้ายก็ไม่พอ ก็ล่าช้า

6.ถึงแม้ว่ารัฐจะทำได้ดีในส่วนของโครงการต่างๆ ออกมาช่วยเหลือเยียวยาให้กับประชาชน แต่สุดท้ายแล้วยังไงก็ต้องวัคซีน

7.ความผิดพลาดมากๆ ก็คือประเด็นเรื่อง "โคแวกซ์" ที่ไม่เข้าร่วมกับโครงการของ UN ถึงแม้ว่าไทยจะมีรายได้ไม่เข้าเกณฑ์ที่ได้รับวัคซีนฟรี แต่ถ้าจะเข้าร่วมก็ต้องจ่ายค่าจอง สุดท้ายรัฐบาลไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะอยากจะไปซื้อเองกับผู้ผลิตโดยตรง อ้างเหตุผลว่าถูกกว่า เลือกยี่ห้อได้ ไม่ถูกบังคับซื้อ จนสุดท้ายชาติที่เข้าร่วมโคแวกซ์ ที่เขายอมเสียค่าจองไปก่อน ได้วัคซีนกันหมดแล้ว ส่วนประเทศไทยก็ไม่ได้อะไร

8.รัฐบาลพยามจะบอกว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นฉลาด เมื่อหันไปมองประเทศที่เจริญแล้ว สิงคโปร์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ไม่ฉลาดงั้นหรือ นั่นคือประเทศพัฒนาแล้ว เขายังเลือกเข้าร่วมโคแวกซ์ด้วย

9.อีกประเด็นคือการที่รัฐบาลมั่นใจมากว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนส์ จะผลิตวัคซีน AstraZeneca ขึ้นมาได้เพียงพอต่อความต้องการ แต่สุดท้ายความจริงก็ปรากฏว่า กว่าจะถ่ายทอดเทคโนโลยี กว่าจะผลิตขึ้นมาใช้ได้อย่างเป็นรูปธรรม สิ้นปีนี้ ก็ยังไม่ครอบคลุมทั้งประเทศอยู่ดี

10.แผนการจัดหาวัคซีนของประเทศไทย คือ วัคซีน Sinovac ตามที่กระทรวงสาธารณสุขแจ้ง ไทยจะได้วัคซีนทั้งหมด 3 รอบ เป็นจำนวน 63 ล้านโดส ในสิ้นปีนี้เทียบกับจำนวนประชากร 66 ล้านคน ดังนั้นสิ้นปี 2564 คนไทยก็ยังได้วัคซีนไม่ถึง 50% ซึ่งป่านนั้นคนทั้งโลก เขาคงฉีดวัคซีนกันครบแล้ว และเริ่มกลับมาเปิดภาคธุรกิจเต็มรูปแบบ รวมถึงเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกันแล้ว

11.การไปคาดหวังกับผู้ผลิตยี่ห้อเดียว มันไม่มีทางหรอก ที่จะได้วัคซีนครอบคลุมทั้งประเทศ สุดท้ายรัฐบาลเลยต้องเชิญโรงพยาบาลเอกชน ตั้งคณะทำงาน เพื่อหา "วัคซีนทางเลือก" ขึ้นมา หรือแปลง่ายๆว่า ภาคเอกชนมาช่วยที เพราะภาครัฐเองก็จนปัญญาแล้ว

12.รัฐบาลไม่เห็นความสำคัญว่า เวลา 1 วันที่ฉีดวัคซีนช้ากว่าชาติอื่น เศรษฐกิจจะมีมูลค่าเสียหายมหาศาลแค่ไหน นี่ล่ะคือสิ่งที่เกิดขึ้น และเมื่อคุณไม่สามารถควบคุมไวรัสได้ ก็ง่ายดี ถ้าจะโทษประชาชนว่า "ก็การ์ดตกกันเอง" หรือไม่ก็ "ไม่ระวังกันเอง" โดยไม่ยอมรับความจริงเลยว่า ตัวเองบริหารผิดพลาดขนาดไหน
ตามไปอ่านบทวิเคราะห์เพิ่มเติมกันได้ที่ ลิ้งค์เฟสบุ๊ก Workpoint https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=1577297182639554&id=153951094974177


.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องข่าวประชาสัมพันธ์ ...
แก้ไขล่าสุด 19 เม.ย. 64 10:22 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google