ปวดเข่าอย่างนี้...เป็นเพราะอะไร

21 มิ.ย. 64 16:09 น. / ดู 2,571 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ข้อเสื่อมหรือปวดข้อ พบเป็นสาเหตุอันดับแรกของอาการปวดข้อในคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป หรือหลังวัยหมดประจำเดือน และจะพบมากตามอายุที่มากขึ้น ถือเป็นโรคเรื้อรังที่ไม่ค่อยมีโรคแทรกซ้อนที่อันตรายร้ายแรง แต่ก็สร้างความทรมาณและลำบากให้แก่ผู้สูงอายุได้เยอะทีเดียว และที่เป็นกันอย่างกว้างขวางคงจะหนี "ข้อเข่าเสื่อม" ไปไม่ได้
แม้ข้อเข่าจะเป็นเพียงส่วนประกอบของร่างกายที่หลายคนมองข้าม แต่ก็มีบทบาทต่อการเคลื่อนไหวของร่างกายมากเลยทีเดียว หลายคนมีพฤติกรรมการใช้ข้อเข่าที่ไม่เหมาะสม จนส่งผลให้ข้อเข่าเสื่อมก่อนวัยอันควร
ข้อเข่าก็เปรียบเสมือนบานพับที่เชื่อมระหว่างหัวกระดูกต้นขา และเบ้ากระดูกหน้าแข้ง ซึ่งปลายกระดูกทั้งสองจะมีกระดูกอ่อนคลุมไว้ และจะมีน้ำเลี้ยงคอยหล่อลื่นเพื่อช่วยลดแรงกระแทกในขณะที่เราเคลื่อนไหว ดังนั้นการเสื่อมสลายของผิวกระดูกอ่อนบริเวณดังกล่าวนี่เอง จึงเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ข้อเข่าติดขัด และเกิดการอักเสบ บวม และรู้สึกปวดตามมา อาการเหล่านี้คือ "อาการข้อเข่าเสื่อม"

สาเหตุสำคัญ
เกิดจากข้อเสื่อมตามวัย หรือข้อรับน้ำหนักมากเกินไปหรือมีการบาดเจ็บ ทำให้กระดูกอ่อนตรงผิวข้อต่อสึกกร่อนและมีกระดูกงอกเพราะมีหินปูนมาเกาะขรุขระ เวลาเคลื่อนไหวข้อจึงทำให้เกิดอาการปวดในข้อ นอกจากนี้อาจมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ น้ำหนักมาก ข้อที่เป็นได้บ่อย มักเป็นข้อที่รับน้ำหนักมาก ได้แก่ ข้อเข่า ข้อสะโพก ข้อกระดูกสันหลัง ข้อกระดูกคอ
อาการ
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดตามข้อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการปวด เข่า สะโพก หลัง ต้นคอ หากปวดนาน ๆ จนกลายเป็นการปวดเรื้อรังอาจมีเสียงดังกรอบแกรบขณะที่เคลื่อนไหว อาการปวดข้อนี้มักจะเป็นตอนกลางคืน หรือเวลาอากาศเย็นชื้น หรืออากาศเปลี่ยนแปลง ข้อที่ปวดมักจะไม่มีอาการบวมแดงร้อน แต่ถ้าเป็นมาก อาจมีอาการบวม และมีน้ำขังอยู่ในข้อ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะมีอาการทั่วไปเป็นปกติทุกอย่าง

การรักษาข้อเข่า
1.ปัจจุบันการรักษาข้อเข่าเสื่อม สามารถทำได้หลายวิธี โดยหากอาการของโรคยังไม่รุนแรง ถ้ามีอาการปวดให้พักข้อที่ปวด อย่าเดินมาก ยืนมาก ใช้น้ำร้อนประคบและกินยาแก้ปวดพาราเซตามอล บรรเทา เป็นครั้งคราว ถ้ามีอาการปวดมาก อาจให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
2.พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะทำให้อาการปวดข้อกำเริบ เช่น ห้ามยกของหนัก อย่ายืนนาน นั่งพับเพียบ หรือขัดสมาธิ เป็นต้น พยายามนั่งในท่าเหยียดเข่าตรง
3.พยายามบริหารกล้ามเนื้อที่เคลื่อนไหวข้อให้แข็งแรง แต่การฝึกกล้ามเนื้อควรเริ่มทำเมื่ออาการปวดทุเลาลงแล้ว
4. ถ้าอาการไม่ดีขึ้นใน 3-4 สัปดาห์ หรือบวมตามข้อ หรือมีอาการปวดร้าวหรือชาตามแขน ร่วมกับปวดคอ ขา หรือหลัง แนะนำให้ไปโรงพยาบาล

ทั้งนี้แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้การรักษาด้วยการฉีดน้ำหล่อลื่นผิวข้อเข่า เพื่อลดการเสียดสีขณะเคลื่อนไหว โดยวิธีนี้จะสามารถทำได้กับเฉพาะผู้ที่ไม่เคยมีการติดเชื้อในข้อเข่าเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากมีอาการปวดที่รุนแรงเรื้อรังมานาน แพทย์ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผู้ป่วยผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมทดแทนข้อเข่าที่เสื่อม

ที่มา เปาโล สมุทรปราการ
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | _uwu_ | 21 มิ.ย. 64 22:59 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

#2 | babala | 22 มิ.ย. 64 16:38 น.

   

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google