การตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจแบบ EST และ Echo เพื่อป้องกันไม่ให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ
19 ก.ค. 64 16:36 น. /
ดู 1,137 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#หัวใจเต้นผิดจังหวะ
อาการของหัวใจเต้นผิดจังหวะนั้นเกิดขึ้นมาจากระบบไฟฟ้าของหัวใจเอง และพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ความเครียด และการสูบบุหรี่ เป็นต้น ถึงแม้โรคนี้จะป้องกันได้ยาก แต่สามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจทั้ง EST และ Echo ซึ่งการตรวจทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันดังนี้
1.การตรวจ EST คือ วิธีการทดสอบสมรรถภาพของหัวใจ โดยให้ผู้ป่วยออกกำลังกายต่าง ๆ เช่น วิ่งบนลู่วิ่ง หรือการตรวจวิ่งสายพาน และปั่นจักรยาน วิธีดังกล่าวจะเป็นการสร้างแรงเค้นต่อกล้ามเนื้อหัวใจเพื่อตรวจสอบว่า ขณะที่ร่างกายกำลังออกกำลังอย่างหนักนั้นหัวใจมีภาวะขาดเลือดหรือไม่ เพราะขณะออกกำลังหัวใจจะต้องการเลือดและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยง หากมีเลือดและออกซิเจนมาหล่อเลี้ยงไม่เพียงพอจะส่งผลให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก ความดันเลือดลดลง และหัวใจเต้นผิดปกติ โดยเครื่อง EST แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ แบบสายพานไฟฟ้า (Treadmill) สามารถปรับตั้งโปรแกรมการทดสอบได้หลากหลายกว่า โดยสามารถปรับได้ทั้งความเร็วและความชันของสายพานวิ่ง และที่เป็นแบบจักรยาน (Bicycle ergometer) เครื่องมือนี้จะมีราคาถูกกว่า กินเนื้อที่ในการติดตั้งน้อยกว่า และยังใช้ได้ดีในผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องการเดินกับการทรงตัวอีกด้วย
2. ECHO คือ การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Echocardiogram หรือ Echocardiography) ใช้หลักการสะท้อนกลับของคลื่นเสียงความถี่สูงที่ปลอดภัย โดยปล่อยคลื่นเสียงจากหัวตรวจ (Transducer) ซึ่งดูคล้ายไมโครโฟนผ่านผนังทรวงอกเข้าไปถึงหัวใจ เมื่อคลื่นเสียงผ่านอวัยวะต่าง ๆ ก็จะเกิดการสะท้อนกลับที่แตกต่างกันระหว่างน้ำกับเนื้อเยื่อ คอมพิวเตอร์จะนำสัญญาณเหล่านั้นมาแปลงเป็นภาพแสดงบนหน้าจอ
การป้องกันหัวใจเต้นผิดจังหวะด้วยเครื่อง ECHO มีความปลอดภัยสูงจึงไม่ต้องงดน้ำและอาหาร งดอาหารแต่ในกรณีที่มียารับประทานเท่านั้น โดยก่อนตรวจเจ้าหน้าที่จะให้เปลี่ยนเสื้อ หากเป็นผู้หญิงต้องถอดเสื้อชั้นในออกก่อน โดยเจ้าหน้าที่จะทำการติดอุปกรณ์ เพื่อเฝ้าสังเกตคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การตรวจจะใช้เวลาประมาณ 20-40 นาที หากผู้ป่วยเป็นเบาหวานและใช้อินซูลินอยู่ ให้ใช้อินซูลินครึ่งหนึ่งของปกติและให้งดอาหารเช้า เว้นแต่แพทย์จะสั่งไม่ให้งด หากผู้ป่วยโรคเบาหวานรับประทานยารักษาอยู่ให้งดยาในตอนเช้า ส่วนการตรวจโดยวิธีการ EST จะใช้ในกรณีผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ แต่ไม่แสดงอาการผิดปกติ เช่น ผู้สูบบุหรี่จัด, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีระดับไขมันในเลือดสูง, ผู้ป่วยเบาหวาน, ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเป็นต้นค่ะ
#หัวใจเต้นผิดจังหวะ
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google