เรื่องจริงที่ต้องเข้าใจคือแบนสินค้าและบริการจากนายทุน..ไม่ใช่ทางออกของปัญหาทั้งปวง
3 ต.ค. 64 21:35 น. /
ดู 1,412 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ช่วงระยะหลังมานี้จะเห็นได้ว่าเกิดกระแสติด # แบน สินค้าและบริการต่างๆ กันมาตลอด โดยสินค้าและบริการนั้นๆ การที่แต่ละยี่ห้อโดนแบนก็เกิดขึ้นตามเหตุผลต่างๆ ซึ่งกระทู้นี้จะไม่ขอเอ่ยถึงจุดนั้นเพราะน่าจะค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเองได้ไม่ยาก
สิ่งหนึ่งที่ จขกท. กลับมานั่งพิจารณาก็คือ การแบนสินค้าหรือบริการต่างๆ อันนี้ มันจะส่งผลกระทบถึงรัฐบาลได้จริงหรือ??? แต่ใจหนึ่งก็ยอมรับนะ ว่าพลังแห่งการแบนสินค้า มันส่งผลกระทบต่อแบรนด์นั้นจริงๆ บางร้านมียอดขายลดลง คนลบบัญชีการใช้งาน บางแบรนด์ก็ซวยหน่อยโดนแบนเพราะไปเป็นสปอนเซอร์รายการที่ตนเองไม่เห็นด้วย หนักสุดเลยคือถูกแบนจากทั้งสองขั้วทางการเมือง
แล้วการที่เห็นว่าแบรนด์ได้รับผลกระทบ มันคือชัยชนะที่แท้จริงหรือ? แล้วมันจะทำให้ผลกระทบนี้ส่งผลไปถึงรัฐบาลได้อย่างไร ? มาถึงจุดนี้ จขกท. เองก็ยังมองไม่เห็นปลายทางที่ชัดเจน ว่าจะเกิดการขับเคลื่อนเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบทางการเมืองได้อย่างไร
มันยากมากเลยนะ เพราะกว่าจะขึ้นไปกระทบรัฐบาลมันต้องผ่านกระบวนการความเจ็บช้ำของคนที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำไปเท่าไหร่ กล่าวเช่นนี้อาจจะไม่เห็นภาพ ก็ขอยกตัวอย่างอย่างการแบนร้านสะดวกซื้อ โดยไม่เข้าไปซื้อของ สิ่งที่เกิดขึ้นสิ่งแรกคือยอดขายที่ลดลง คนที่เดือดร้อนคนแรกเลยคือเจ้เจ้าของร้านสะดวกซื้อสาขานั้น ซึ่งเขาก็เป็นเพียงคนทำธุรกิจคนนึงเท่านั้น คนที่กระทบเป็นลำดับถัดมาคือ "พนักงานประจำร้าน" ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่ลงทุนเปิดร้านสะดวกซื้อ หรือเป็นพนักงานเองก็ตามเขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจชุมชนเกิดการขับเคลื่อน เป็นพี่ป้าน้าอาของใครสักคนในระแวกนั้น
ตัดมาในส่วนของการซื้อสินค้ามาขายได้ลดลง ตรงนี้ก็เกิดผลกระทบ เพราะการผลิตและการเดินทางของสินค้า กว่าจะมาถึงร้านที่ขายได้นั้น ก็ต้องผ่านการผลิต ต้องมีลูกจ้าง มีพนักงานในส่วนต่างๆ ซัพพลายเออร์ ผู้ผลิตวัตถุดิบ การขนส่ง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่เป็นหน้าร้าน ก็ได้รับผลกระทบหมด
เหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้เป็นการกล่าวลอยๆ แต่มันคือการพิจารณาตามทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์จากการคิด GDP หรือชื่อในภาษาไทยว่า "ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ" มันคือนับมูลค่าตลาดของสินค้าและบริการขั้นสุดท้ายที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ โดยไม่คำนึงว่าผลผลิตนั้นจะผลิตขึ้นมาด้วยทรัพยากรของชาติใด ซึ่ง GDP ทั่วโลกก็มักจะใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศตัวเองกันแทบจะทั้งสิ้น
GDP นี้จะคิดจากสมการ C+I+G+(X-M) เพื่อความเข้าใจที่ตรงกันของผู้อ่าน จขกท. จะขออธิบายความเป็นมาเป็นไปของแต่ละตัวกันก่อนว่ามันคืออะไร
C = Consumption คือ การบริโภคของภาคเอกชนและประชาชน เป็นการจับจ่ายใช้สอยทั่วไป ซื้ออาหาร ยารักษาโรค เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย โทรศัพท์ รวมไปถึงบริการต่างๆ อย่างดูหนัง นวดแผนโบราณ เป็นต้น โดยสินค้าและบริการต่างๆ การที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องอาศัยกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามที่ จขกท. ได้กล่าวไว้เบื้องต้น
I = Investment คือ การลงทุนของภาคเอกชน ในการก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การลงทุนสร้างโรงงานต่าง ๆ หรือแม้กระทั่ง อุตสาหกรรมรถยนต์ รถไฟฟ้า ฯลฯ
G = Government Spending คือ การใช้จ่ายของรัฐบาล หรือ การลงทุนภาครัฐ ตามนโยบายต่างๆ เช่นการสร้างเขื่อน สร้างระบบสาธารณูปโภค รถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง เป็นต้น
X = Export คือ การส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ
M = Import คือ การนำเข้าสินค้าเข้ามาบริโภค หรือผลิตสินค้าในประเทศ เช่น สินค้าแบรนด์เนม หรือ สารเคมีที่ใช้ผลิตยาก็รวมอยู่ในการนำเข้า
ดังนั้น ถามว่าการติด # แบนสินค้าหรือบริการต่างๆ มันไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับเจ้าของแบรนด์ หรือเจ้าของสินค้านั้น ๆ เพราะในความเป็นจริง กิจกรรมเศรษฐกิจที่บอกไปทั้งหมดนั้น มีคนธรรมดาอย่างเรา ๆ อยู่ในห่วงโซ่นั้นด้วย เพราะระบบเศรษฐกิจแบบนี้ทั่วโลกใช้กันอยู่คือ เสรีทุนนิยม เลยเป็นคำถามของเราคือ คิดว่าการแบนสินค้ามันจึงไม่ใช่ทางออก เพราะมันแทบไม่ได้ส่งผลถึงรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย
บทความอ้างอิงเว็บไซต์พันทิพ : https://pantip.com/topic/41010989
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google