จากเด็กที่เรียนไปดรอปไป คริส เติบโตเข้าสู่วงการจนปลดหนี้ให้ครอบครัว และมีความสุขที่ได้รู้จักกับแฟนๆ จนถึงทุกวันนี้!

6 พ.ย. 64 02:02 น. / ดู 2,607 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เป็นอีกหนึ่งหนุ่มที่ซีรีส์วายได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปอย่างสิ้นเชิง กับการแจ้งเกิดใน Sotus S The Series
สำหรับ คริส พีรวัส และหลังจากนั้นสามารถปลดหนี้ให้ครอบครัวได้สำเร็จ พร้อมกับได้ส่งพี่ชายและน้องสาว
เรียน ก้าวมาเป็นเสาหลักของครอบครัวแสงโพธิรัตน์แบบเต็มตัว
โดยคริสได้มาเผยเรื่องราวที่ครอบครัวเจอวิกฤติทางหนักทางการเงินผ่านรายการ แฉ ว่า
"ด้วยความที่คุณแม่ซีเรียสเรื่องการเรียนของลูกๆ ทั้ง 3 คนว่าอยากให้เรียนดีดีแพงๆ และ ณ ช่วงนั้น
คุณพ่อก็มีธุรกิจที่ดำเนินไปและโอเค แต่พอเจอเศรษฐกิจและเรื่องของการวางแผนการใช้เงินในบ้านที่
ผิดพลาดเลยทำให้เกิดการล้ม เพราะตอนนั้นคุณพ่อซื้อทั้ง บ้าน รถ พอมันล้มทั้งหมดคือหนี้ ตอนคริสมารู้
ก็ช่วงอยู่มหาลัย ซึ่งจะมีจ่ายค่าเทอมค่าดรอปและผมเรียนภาคพิเศษด้วยมันจะแพงกว่าปกติ เขาเลยบอกให้เรา
จำเป็นจะต้องตั้งใจเรียน เพราะช่วงแรกๆ ผมดรอปทุกเทอมเพราะเรียนไม่เก่ง สมมติเรียน 8 ตัวคริสจะชอบดรอป
1 ตัว ก็ 1 หมื่นบาทละ ค่าเทอม 3 หมื่น ซึ่งตอนนั้นคริสไม่ได้มาทางวงการบันเทิง คริสยังทำขายตรงอยู่ ถ้าใครที่มีเฟซบุ๊กคริสอยู่ จะต้องมีแชตที่คริสทักไปหา ว่ามีเวลาว่างสัก 2-3 ชั่วโมงไหม มาซื้ออาหารเสริม ตอนนั้นคิดว่าอยากจ่ายค่าเทอมกับค่าดรอปเอง ตอนนั้นขายได้เงินมา 6 หมื่นบาท ผมดีใจมากเลยที่ขายหมดและได้เงินมาก็จ่ายค่าเทอมกับค่าดรอปเอง "





หลังจากนั้นก็เล่าต่อว่า พอเรียนเข้าสู่ปี 2 แล้วเงินก็เริ่มใกล้หมด จากที่ตอนแรกคิดว่ายังไงก็ไม่ได้เข้าวงการบันเทิง
ทั้งที่มีคนมาชวนไปแคสต์ เพราะตอนนั้นฟันห่าง แต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มก้าวเข้าไปเพราะ เขาถามว่าเล่นดนตรี
ไม่ใช่เหรอเรา และผมเป็นคนที่ชอบเล่นดนตรีมาก อยู่มหาลัยก็จะมีวงของตัวเอง ตอนเขามาชวนก็บอกพระเอกเขาเป็น
มือกลองนะ และเราชอบ Suckseed มากเลยลองไปแคสต์ตีกลองให้เขาดู สุดท้ายก็ผ่าน ตอนนั้นคนไปแคสต์ทั้งหมด
4 คน เขาให้เวลาคนละชั่วโมงครึ่ง แต่ผมเข้าไปผมได้แค่ 15 นาที สุดท้ายเขาโทรกลับมา แต่เขาบอกการแสดงคุณไม่ได้
เลยแต่ตีกลองนี่เยี่ยม การแสดงเลยค่อยไปฝึนฝนเอา





และหลังจากที่หนีให้พ่อให้แม่ได้ก็เก็บเป็นบทเรียนและระวังจำไว้เลย เพราะไม่อยากเห็นภาพที่ มีการยึดรถ
มีจดหมายมาแปะหน้าบ้าน กลัวมากไม่อยากเห็นแบบนั้นอีก เคยแบบพี่ชายขับรถไปเรียน และมีคนให้พี่ชายผมลงจากรถเพราะรถขาดผ่อนมานาน ผมไม่อยากเจอเหตุการณ์แบบนี้แล้ว เลยคิดว่าช่วงนี้เรายังมีแรงมีแพสชั่นในการทำอะไรแบบนี้ก็ขนเก็บไว้เยอะๆ เพลย์เซฟดีกว่า และนอกจากงานขายตรง ไปขายเสื้อผ้าตามตลาดนัด คริสยังเคยเป็นเด็กเสิร์ฟ
ที่ร้านอาหารแถว คริสตัล ปาร์ค ด้วยตอนนั้นอยากเรียนรู้ ไปทำกับเพื่อน





ก่อนจะเล่าพาร์ทของการเข้าสู่วงการบันเทิง ด้วยความที่ก้าวแรกของเรามันเป็นวาย คริสอะไม่เก็ตเลยตอนแรก
ไม่เข้าใจคำว่า จิ้น ซึน ภาษาของสาววาย และตอนไปแคสต์ผมเห็นรองเท้าจอดอยู่ประมาณร้อยๆ คู่เลย และภาพเดิม
มาอีกแล้ว ไม่ได้หรอก คนเยอะขนาดนี้ แต่สุดท้ายเหมือนมีคนรอเราอยู่แล้ว เพราะตอนนั้นคริสเป็นพี่ว้ากในมหาลัย
จริงๆ ด้วย เลยอยากให้พี่ว้ากจริงๆ มาเทสต์หน่อยเลยได้มาเป็น Sotus





พอถูกถามว่าเกร็งไหม เล่นละครแล้วไม่ได้ประกบคู่กับนางเอกผู้หญิง
คริสบอกว่า โชคดีมากที่ได้เป็นพี่สิงโตผมรู้จักกับเขาอยู่แล้ว อยู่ในคณะมหาวิทยาลัยเดียวกันเลย
เราเจอกันบ่อย แล้วมันตลกมากวันที่เราไปแคสต์รอบสุดท้ายเหลือกันสามคน เจอพี่สิงผมกับเขาแต่งตัวเหมือนกันเลย
หัวจรดเท้า คือเพิ่งออกจากมหาลัยด้วยกัน ชุดนักศึกษาผูกไทด์เขียวเซ็ตผมไป ผมเลยรู้สึกว่าถ้าเป็นพี่สิงมันจะง่าย





พร้อมเล่าความประทับใจถึงแฟนๆ ในช่วงแรกๆ หลังจากจะได้รับบทนำใน Sotus ว่า "ตอนที่ได้ผมยังไม่ได้เข้าใน
แกรมมี่ ซึ่งเราจะมีแฟนนิยายของ Sotus อยู่แล้ว ตอนนั้นผมจำได้งานวันเกิดของผมมีแฟนคลับอยู่ 82 คน ผมจำเลขนี้
ได้แม่นเลย มาแฮปปี้เบิร์ธเดย์เค้กเต็มเลยและเราไม่เคยเจอ ผมประทับใจแบบประหลาดๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไง มันอิ่มมาก
มีคนมารักเราโดยที่เพิ่งรู้จักกันเองขนาดนี้เลยเหรอ แบบนี้ใช่ไหมถึงเรียกว่าแฟนคลับ ซึ่งผมมีความสุขมากเลยนะที่ผม
ได้รู้จักกับพวกเขาจนถึงวันนี้ "





หลังจากแสดง Sotus ก็ทำให้มีงานเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งแฟนมีตต่างๆ จนสามารถปลดหนี้ให้ที่บ้าน
พร้อมส่งพี่ชายและน้องสาวเรียนได้ แต่กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ก็ไม่ง่าย เพราะเจ้าตัวบอก ต้องพัฒนาฝีมือการแสดง
อยู่นานเหมือนกัน เพราะผมอ่อนการแสดงจริงๆ แต่พอเราไปอยู่ในเรื่องนั้นแล้ว เราไม่อยากให้แฟนนิยายที่เขาอิน
กับพี่อาทิตย์มากๆ ด้วยลุคเราที่ไม่เหมือนกับนิยายที่พี่อาทิตย์จะต้องไว้หนวดไว้เคราเซอร์ๆ โดยตรง และถ้าจะมาเล่น
ห่วยอีก ก็โอเคต้องตั้งใจ





และแจ๊คหนึ่งในพิธีกรขอถามคั่นว่า ใครเป็นคนสอนให้ทำตัวน่ารัก เป็นนิสัยดี มีสัมมาคารวะ ขนาดนี้
คุณพีบอก ไม่รู้ว่าผมอินกับศาสนาไหม แต่ผมเป็นคริสเตียน คริสเตียนจะชอบให้ความรักก่อนอยู่แล้ว ชอบให้พลังงานบวกกับคน 




ส่วนใช้เวลาเท่าไรในการปลดหนี้ให้ครอบครัวนั่นคือ หลังจาก Sotus บูมประมาณเกือบๆ 2 ปีก็หมดเลย
จนถึงวันนี้ผมยังไม่ได้ถือบัญชีที่ผมทำงานเองเลย ผมให้พ่อแม่หมดเลย คิดว่าเราจะใช้สอยอะไรก็หาเอาจากข้างนอกด้วย
ที่เราสร้างงานเอง อย่าง ร้านข้าวมันไก่ ร้านเสื้อผ้า

ที่คุณเขาเคยบอกว่า พระในบ้านสำคัญที่สุด คือไม่เกินจริงเลยถ้าดูจากการกระทำ ^^




#คริสพีรวัส

ขอบคุณภาพและคลิปจาก
YT: วันบันเทิง oneบันเทิง
@KarlTatawife @saycheese22 @_icezimo
แก้ไขล่าสุด 7 พ.ย. 64 01:46 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google