หลังจาก 5 ปีในวงการ บาส อยากสลัดลุคเคะในมหาลัย และทำเพลงให้คนฟังเชื่อว่าเป็นนักร้องคนหนึ่่ง

5 ก.พ. 65 15:18 น. / ดู 9,698 ครั้ง / 0 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เพิ่งจะฉลองครบรอบ 5 ปีที่กลายมาเป็นเด็กอ้วนผู้เป็นความพลังงานบวกและความสดใส
ให้กับใจแมะๆ กันไปสดๆ ร้อนๆ (4 ก.พ.) สำหรับ บาส สุรเดช แต่กว่าจะมีวันนี้เส้นทางของเขา
ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ กระทู้นี้เลยขอหยิบบทสัมภาษณ์ล่าสุดที่เจ้าตัวได้ไปบอกเล่ามุมมอง
ความคิดกับที่เติบโตขึ้นในตลอดเส้นทางกว่า 5 ปีในวงการกับช่อง FEED มาให้แมะๆ ได้
อ่านว่าเลือกรักเอ็นดูได้ไม่ผิดคน

จากอายุ 17 ถึง 22 ในวันนี้ บาส เล่าว่า มุมมองหลายๆ อย่างมันเปลี่ยนไป ลองถูกผิดเรียนรู้
กล้าที่จะคิดจะทำ กล้าที่จะเปิดอะไรใหม่ๆ เข้ามาในแบบที่คนไม่ค่อยกล้าจะลอง





ย้อนไปในพื้นฐานชีวิตครอบครัวของ ด.ช.สุรเดช คือ พ่อแม่แยกทาง ตาก็ไปทาสี น้าก็ทำงานอยู่โรงพยาบาล
คือไม่มีใครดูแลเราแบบ 100 % นอกจากตอนเด็ก แต่พอเราเริ่มโตอายุประมาณ 8-9 ขวบเราก็ดูแลตัวเอง
อยู่โรงเรียนเคยโดนเพื่อนแบนไม่มีใครคบกินข้าวคนเดียว กว่าจะผ่านอะไรมามันสอนว่าที่จริงแล้วเราไม่ต้อง
แคร์ใคร มันไม่ใช่ปม มันเป็นหนังสือที่หาอ่านไม่ได้ บางคนครอบครัวพร้อมอาจจะไม่รู้จักการดิ้นรน ไม่เจอความลำบาก
ที่เราต้องเจอด้วยตัวเอง วันนี้ผมก็ได้มาเป็นนักแสดงนักร้อง ได้เจอทุกคน มันก็ถือว่าเป็นทางที่ผมเดินมาถูกอย่าง
ไปเป็นนักกีฬา ไปทำหลายๆ อย่างมันก็ไม่ใช่ ตอนนี้มันก็ลงตัว





ถ้าถามถึงหลักคิด บาส มองว่า ทุกคนอาจจะเอาแบบเขาไม่ได้ เพราะเป็นอะไรที่เด็ดขาดเกินไป
ตอนคิดจะเป็นนักกีฬา ก็ลาออกจากโรงเรียนมาอยู่กรุงเทพเลย หาเงินเก็บเงิน ซ้อมปิงปอง มาจากเชียงใหม่
ทำให้เต็มที่เลย ก็ได้เหรียญระดับประเทศ 2 เหรียญ (กีฬาเยาวชนแห่งชาติครั้งที่ 28 - 29) หลังจากตีปิงปอง
คิดว่าจะกลับไปเรียน คิดไปคิดมามีโมเดลลิ่งทักมา เราก็เลยคิดว่าหรือเรามีแววเป็นนักแสดง ก็เลยไม่กลับไปเรียน
เลยมาแคสต์ดู ตอนนั้นที่แม่รู้เราก็บอกอยากลอง แม่ก็บอกจะไปเป็นได้ไง มันอ้วนหน้าตาก็ไม่ได้สู้เขา หล่อก็ไม่หล่อ เราก็บอกลองดู ไปแคสต์สองงานไม่ได้ ตอนนั้นฟังแม่พูดก็ลังเลว่ากลับบ้านดีไหม เราก็ไปที่ตึกนึงเพื่อที่จะให้ผู้ใหญ่เห็น และสนใจไปทุกวันก็ไม่ได้ ก็เลยคิดว่ากลับบ้านดีกว่ามัน 6 เดือนแล้ว และมีพี่คนนึงเรียนแอคติ้งเหมือนมาถามว่า เฮ้ย จะกลับแล้วเหรอ มางานนี้งานสุดท้ายลองมาแคสต์ดูเผื่อจะฟลุค เดือนเกี้ยวเดือน ตอนนั้นเราไปไม่มีใครรู้จักเราเลย คนที่มีแฟนคลับอยู่แล้วเขาก็เชียร์คนของเขา เขาก็อยากให้คนของเขาได้ เขาเลยเปรียบเทียบคนของเขากับผมใครเหมาะกว่ากัน ด่าผมอ้วนเตี้ย แต่เอาจริงก็เชียร์คนของตัวเองไม่ต้องด่าคนอื่นก็ได้ ด่าจนติดเทรนด์ทวิตอันดับหนึ่ง อ่านแรกๆ เสียใจนะ เราไม่เคยทำไรให้ใคร ความคิดเรามีแต่มาทำงานหาเงิน เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงแม่ ถึงวันนั้นอาจไม่ได้ดูแลครอบครัว แต่ต้องดูแลตัวเองได้





แต่ไปๆ มาๆ ก้าวมาสู่การเป็นนักแสดงที่เป็นที่รู้จักระดับเอเชีย ตอนแรกบาส คิดว่าแบบแค่มีคนรู้จักนิดหน่อย มีคนจำชื่อเราได้ก็พอ แต่วันนี้มันเอเชีย หลายๆ ประเทศเขาก็เรียกชื่อเราดังมาก ตอนที่เราไปหา มันภูมิใจ กว่าจะผ่านอะไรที่มันยากลำบาก ผมเดินเอง อยากเต้นก็ต้องฝึกตัวเอง อยากร้องก็ต้องฝึก มันยากมากๆ วันนี้ทำได้ก็ดีใจมากๆ  ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจจริงๆ




เป้าหมายและเส้นทางหลังจากนี้ของบาสคือ อยากมีเพลงที่ทุกคนเชื่อว่าผมร้อง อยากให้ทุกคนเปิดใจฟังว่าผลงาน
ที่เราสร้างมามันไม่ใช่แบบนักแสดงมาร้องเพลง อยากเป็นพาร์ทนักร้องบ้าง แล้วก็อยากแสดงอะไรที่มันแตกต่าง
ชายหญิงบ้าง หรือที่พลิกไปอีกคาแร็กเตอร์ให้มันหลากหลาย ผมเป็นคนชอบอยู่กับเสียงเพลง ถ้าโลกนี้ไม่มีเสียงเพลง
คงน่าจะอยู่ไม่ได้ ก็อยากทำให้ชัดแต่มันทำไม่ได้ เพราะเราเริ่มมากจากนักแสดงคงก็จะเชื่อว่าเราเป็นนักแสดงมาร้อง
เพลงถึงจะดีแค่ไหน ก็สู้นักร้องไม่ได้ แฟนคลับชอบพูดเสมอว่าผมเป็นไอคอนของเคะแบบตัวเล็กน่ารักหน้าสวย
มันจะหลุดยากเพราะคนเชื่อว่าแบบนี่คือสิ่งที่เราเกิดมา มันจะเปลี่ยนยาก แต่สักวันที่เราโตขึ้นก็อยากให้เข้าใจว่าเรา
อยากลองอย่างอื่นบ้าง สิ่งที่มันท้าทายมากกว่าการเป็นเคะอยู่ในมหาลัย





ถ้าพูดถึงมุมมองความรักของบาส ด้วยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบการคบใครแบบบ่อยๆ ผมอยากมีคนเดียวแล้วอยู่ยาว
ไปเลย ผมอยากได้คนที่ดีจริงๆ แต่วันนี้ก็ทำงานไปก่อน ทุกคนยังเป็นความสุขของผมอยู่ ทวิตเตอร์ยังเดิน บาสเด็ก
อ้วน ยังไหลขับเคลื่อนด้วยทุกคนอยู่ มันคือความสุข





ส่วนผลงานล่าสุดกับภาพยนตร์ Tell the World I Love You ก็เป็นผลงานที่มีความดาร์กของตัวละคร
แล้วมีความเป็นจริงของวัยรุ่นที่คนอาจจะไม่ค่อยได้เห็น มันคือความท้าทายของวัยรุ่น มีบทบู๊มีดราม่า ซึ่งมันพลิก
บทบาทจากใสๆ ในมหาลัย ทางพี่พชร์ก็ได้มีเวิร์กช็อปให้กับนักแสดงทุกคน ทางผมพอเวิร์กช็อปเสร็จก็ไปหาหนังเก่าๆ
แนวนี้ดูสีหน้าท่าทางหลายๆ อย่าง อินเนอร์ว่ามันต้องเป็นยังไง ต้องศึกษาด้วยตัวเอง ผมชอบนะ คือมันได้พูดในสิ่งที่เรา
ตีความตัวละครออกมา มีอะไรเสนอพี่พชร์ก็เห็นด้วย ไม่ได้ค้านทุกอย่าง เราก็เอาเหตุผลมาคุยกัน เรื่องนี้มีถ่ายเป็น Long take ผิดข้างหลังนิดเดียวเอาใหม่หมดเลย มีซีนนึงถ่ายตั้งแต่ท้องฟ้าสว่างซีนเดียวถ่ายจนมืด มันแข่งกับเวลา มันยากมาก





การทำงานร่วมกับ เพิร์ธ ธนพนธ์ บาสออกปากชมน้องชายคนนี้ว่า เก่ง น้องเขาแสดงสีหน้าแววตา
คือบอกอะไรไป เพิร์ธทำได้หมด ความจิ้นไม่รู้ แต่เข้าขานี้ไม่แน่ วัยรุ่น น้องเขาไม่ได้ห่างกับผมเยอะ
สองปี เวลามีอะไรเพิร์ธก็บอก ต่อบทไหม ให้มันออกมาโฟลวที่สุด เพื่อที่คนจะได้สนุกไปกับเรา น้องเขาตั้งใจครับ
ก็ฝากด้วย ยังไงมาเป็นกำลังให้บาสเพิร์ธกับหนังเรื่องแรกด้วยนะครับ




#บาสสุรเดช

ขอบคุณภาพและคลิปจาก
YT: FEED
@NTCHR_
แก้ไขล่าสุด 6 ก.พ. 65 01:20 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google