นิชคุณ ยิ้มรับตำแหน่งคุณลุง มีความสุขได้รวมตัว 2PM อีกครั้ง

นักร้องหนุ่ม "คุณ - นิชคุณ หรเวชกุล" เผยความรู้สึกที่ได้เป็นคุณลุง เมื่อ "เชอรีน - ณัฐจารี หรเวชกุล" มีลูกสาว ทั้งยังย้อนเล่าเส้นทางก่อนเป็นสมาชิกวง "2PM" ที่งานนี้ไม่ง่าย แถมเคยคิดท้อ และการรวมตัวกับเพื่อนๆ 2PM หลังจากห่างหายกันไป 5 ปี ในรายการ คุยแซ่บ Show ไม่ได้กลับมาเมืองไทย 2 ปีแล้ว
"คิดถึงเมืองไทย แล้วก็คิดถึงครอบครัวด้วย กลับมาครั้งนี้มีสมาชิกใหม่ในครอบครัวด้วย"

ช่วงโควิดอยู่ที่เกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง
"ผมเป็นคนชอบอยู่บ้าน พยายามไม่ไปที่ที่แออัด มีไปฟิตเนส ไปกินข้าว ข้าวนอก 3 ทุ่มปิดหมดเลย ไปยิมก็ต้องใส่แมสก์ อึดอัดครับแต่ก็ต้องดูแลตัวเอง"

โควิดกระทบอะไรมากที่สุด
"อิสรภาพในการบิน การไปเที่ยว บินไปไทย-เกาหลี หรือเพื่อไปทำงาน ส่วนใหญ่ผมทำงานต่างประเทศ ช่วงนี้บินบ่อยไม่ได้ งานก็ลดลง แต่ได้พักมากขึ้น"

ข่าวโควิดที่ไทยห่วงอะไรมากที่สุด
"ห่วงคุณแม่ คุณยายครับผม จริงๆ คุณยายไม่ค่อยได้ออกจากบ้านเท่าไร ค่อยยังชั่ว แต่คุณแม่ชอบออกไปทำงาน ไปออฟฟิศ เข้าบริษัท ผมจะโทรไปบอกแม่ แม่อยู่บ้านเถอะถ้ามีอะไรให้พี่ชายเอาเอกสารมาให้เซ็น แม่บอกต้องไปดูแลพนักงาน แต่มีมาตรการมีพนักงานไม่กี่คนเข้ามาในออฟฟิศได้ มีการตรวจอยู่ตลอด"

ได้ตำแหน่งเป็นคุณลุง
"แฟนคลับเรียกผมว่าเป็นลุงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว ได้เป็นลุงจริงๆ ความรู้สึกมันแปลกๆ น้องคนสุดท้องของครอบครัวผมไปก่อนคนแรกเลย แต่งก่อนมีลูกก่อน เรา 3 คนที่เหลือก็คนต่อไปจะเป็นใคร เพราะเห็นแม่มีความสุขกับหลานมาก"

อยากมีหลานให้คุณแม่เหมือนกัน
"ใจผมเป็นคนรักชอบอยู่กับเด็ก แต่มันมีหลายปัจจัยจะมีลูกมีครอบครัว ต้องเจอคนที่ใช่จริงๆ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่เจอกันไม่ถูกกันเลิกกันได้ ยิ่งมีลูกมีครอบครัวยิ่งต้องคิดให้เยอะกว่านี้"

ในสายตายังมองว่าน้องสาวเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม
"เพิ่งเจอกัน ทานข้าวด้วยกัน รูปร่างหน้าตายังเป็นเด็กคนเดิมที่ผมรู้จัก แต่การวางตัวการพูดจาเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเยอะเลย อาจจะเป็นเพราะความรับผิดชอบที่มีมากขึ้น เพราะว่าการมีลูก ทำให้ดูเป็นผู้ใหญ่มาก เห็นได้จากการพูดจา รู้สึกภูมิใจและดีใจกับน้องด้วย"


ทำไมถึงไปอยู่ใน 2PM ได้
"ตอนนั้นผมเรียนที่อเมริกา มีคอนเสิร์ต ผมไปกับเพื่อนๆ ชาวเกาหลี มีแมวมองมาเห็นผมอยากให้ไปออดิชันที่เกาหลี ตอนนั้นก็คิดอยู่เพราะผมก็ร้องไม่เป็นเต้นก็ไม่เป็น พูดภาษาเกาหลีก็ไม่ได้ ก็ไปออดิชัน ไม่รู้ว่าเขาชอบผมจากอะไรร้องก็ไม่ได้เต้นก็ไม่ได้ ไม่มีทักษะในด้านนี้เลย ไม่ได้หวังอะไรแต่ 2-3 อาทิตย์ให้หลังเขาก็โทรกลับมา บินมาเดือนหน้าเลยได้ไหม เริ่มฝึกซ้อม"

ตอนนั้นกดดันไหม
"กดดันครับ รู้สึกเหมือนมองอนาคตไม่เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะต้องไปประเทศใหม่ที่ผมไม่เคยไปมาก่อนต้องไปเรียนรู้ตั้งแต่ 0 ขึ้นมา เรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างใหม่ ตื่นเต้น แต่คุณพ่อคุณแม่บอกว่าโอกาสมันเป็นหนึ่งในล้าน ลองไปเถอะ ถ้าไม่ได้ก็กลับมาเรียน ลองอยู่สักปีหนึ่ง"

เป็น 2PM ได้เพราะคุณพ่อคุณแม่
"เพราะคุณยายครับผม คุณยายชอบ Full House เป็นแฟนพี่เรน (Rain) ตอนแรกก็ไม่มีใครให้ไป เขาก็ถามไปบริษัทไหน บอกว่า JYP คุณยายบอกไปเลยเดี๋ยวนี้ ก็เลยไป"

ตารางการซ้อมเป็นอย่างไร
"ในบริษัทมีห้องซ้อมเต้น มีห้องซ้อมร้อง ข้างบริษัทจะมีหอ เหมือนไปอยู่โรงเรียนประจำครับ เช้าเข้าบริษัทมีตอกบัตร ซ้อม เรียน พักเที่ยง ต้องอยู่ถึงประมาณ 4 ทุ่ม ถึงจะตอกบัตรกลับบ้านได้ มีต้องออกไปเรียนภาษาเกาหลี ก็ต้องกลับมาเรียนร้อง เต้น หรือแร็ป"

เวลาท้ออะไรเป็นกำลังใจให้ไปต่อ
"ครอบครัว สิ่งแรกเลย ไปอยู่เกือบ 6 เดือนผมบอกกับคุณพ่อคุณแม่ว่าอยากจะกลับไปเรียนต่อ พ่อบอกลองอยู่ให้ครบปีก่อน ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยคิดกันอีกที แต่สิ่งที่ขับเคลื่อนผมจริงๆ คือคำว่าห่วย คำว่าทำไม่ได้ คำพวกนี้ทำให้ผมรู้สึกโกรธ ความโกรธมันเป็นแรงผลักดันให้ผมที่ทำยังไงก็ได้ที่จะไม่ได้ยินคำๆ นี้ต่อไป"

มีคนมาพูดแบบนี้ด้วยเหรอ
"มีครับ ทุกๆ เดือนจะมีการเทสต์ เหมือนขึ้นเวที เราจะเลือกเพลงที่ซ้อมร้อง ซ้อมเต้น แล้วทั้งเดือนนั้นก็คือซ้อมแค่นั้น ทุกๆ เดือนจะมีการสอบเขาก็จะถ่ายวีดีโอไว้เพื่อดูพัฒนาการของแต่ละคน คนที่บ่นเราคือคนที่คอยดูแลเด็กฝึกหัด ตอนนั้นมีประมาณ 40 กว่าคน เหมือนการแข่งขันเลย ถ้าเขาดูแล้วไม่มีการพัฒนาเขาก็ตัดออก เขาจะดูเรื่องฝีมือกับเรื่องนิสัย เพราะถ้าเดบิวต์มันจะมีผลกระทบกับกลุ่มกับบริษัท"

เป็นเด็กฝึก 2 ปีได้เป็นศิลปินเลย
"ใช่ครับ ถือว่าสั้น ซึ่งมาตรฐานประมาณ 4-5 ปี ณ ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรต่อไป ก่อนหน้านั้นจะมีถ่ายรายการก่อน เป็น 2AM กับ 2PM คนจะงง เราอันไหนกันแน่"


สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย คนไทยกรี๊ดมาก
"มีกระแสตั้งแต่ผมเริ่มไป ก่อนจะเดบิวต์ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดอยู่ พี่เรนเขามีโฆษณาไทยนมเปรี้ยวไทยที่เขากำลังจะถ่าย ทางบริษัทบอกค่ายเรามีเด็กไทยเอามาถ่ายด้วยกันได้ไหม ผมก็ถ่ายโฆษณาตัวนั้นเต้นอยู่ข้างหลังอยู่ไกลๆ หลังจากนั้นก็มีคนเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นว่าเด็กคนนั้นคือ เรน 2 ก็เลยได้รับความสนใจมาเรื่อยๆ ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดแล้ว"

แต่ช่วงหนึ่งที่พักวงไป
"มีช่วงที่เพื่อนเข้ากรมไป ช่วงนั้นประมาณเกือบ 5 ปี ก็มีกลับมาทำงานที่เมืองไทยบ่อยขึ้น มีออกโซโลอัลบัมที่ญี่ปุ่นที่เกาหลี ทำงานเดี่ยวไป"

มีข่าว 2PM กลับมา
"เมื่อปีที่แล้วเราก็ได้ปล่อยเพลงออกมา เป็นความรู้สึกที่พี่น้อง 6 คนเพื่อนที่สนิทกันมากๆ เหมือนนัดกันไปกินข้าว มันคือความรู้สึกอย่างนั้น เรา 6 คนรักกันมาก เป็นเหมือนครอบครัวเลย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี เราไม่ได้ห่วงว่ามันจะปังขนาดไหน ทำรายได้มากน้อยขนาดไหน แต่นี่คือสิ่งที่ทำให้พวกเรามีความสุขคือการมารวมตัวกัน ทำงานด้วยกัน"

ยกเลิกงานหมด
"ต้องแคนเซิลหมดเพราะโควิด เราตั้งใจว่าออกอัลบัมแล้วเราจะทัวร์ทุกๆ ประเทศที่เราไปได้ เพราะว่าอยากไปเจอแฟนๆ มาก เพราะห่างหายไป 5 ปี แฟนๆ ก็คิดถึงเราก็คิดถึงแฟนๆ สำหรับศิลปินการเล่นคอนเสิร์ตเป็นอะไรที่สนุกที่สุดแล้ว มันมีความสุขครับผม"

จะไปทัวร์ที่ไหนต้องวางแผนกับค่าย
"ค่ายจะจัดแผนมาให้ อยากทำอันไหนบ้าง ถ้าไม่ติดโควิดจะมีคอนเสิร์ตแน่นอน ตอนนี้เบรคไว้ก่อน"

ต้องกลับมาซ้อมเต้นอีก
"ใช่ครับ ถ้าจะถามเรื่องอายุไม่เท่าไรครับ เราทุกคนในช่วงเวลาที่ไม่ได้เป็นวง ทุกคนจะดูแลสุขภาพของตัวเองดีมาก แต่สิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุดเวลาซ้อม บริษัทจะมีกฎไว้ว่าอยู่ในบริษัทต้องใส่หน้ากากตลอดเวลา มันลำบากมาก เวียนหัวมาก เพราะต้องเต้นอยู่กับหน้ากาก"

มองอนาคตเอาไว้อย่างไร
"ผมว่าทำทุกวันให้ดีที่สุดดีกว่าครับผม เพราะว่าผมตั้งแต่เดบิวต์เราตั้งไว้เลยว่า อนาคตเราต้องได้ที่หนึ่งภายในกี่ปี ด้วยความโชคดีมันก็ได้ตามที่เราตั้งไว้ ถ้าผมตั้งว่าเป้าหมายที่สูงที่สุดของผมคืออันนี้ มันก็จะทำให้หยุดแค่นั้น ทุกๆ ครั้งที่มีงานใหม่เข้ามาผมก็ทำงานนั้นให้ดีที่สุด"


#คุณนิชคุณ