การเยียวยาผู้ประกอบการในสนามบิน อีกหนึ่งทางรอด
23 ต.ค. 65 16:07 น. /
ดู 1,250 ครั้ง /
3 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
เรทกระทู้
ในวันที่ยอดไม่เข้าเป้า การเยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินจำเป็นหรือไม่
« เมื่อ: วันนี้ 16:04 น »
ตอบโดยอ้างถึงข้อความ แก้ไขข้อความแก้ไข ลบข้อความลบทิ้ง
Send E-mail
แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?
ปิด
ปิด
ก่อนที่เราจะไปประเด็นว่าการที่ ทอท. เยียวยาดิวตี้ฟรี รวมถึงผู้ประกอบการในสนามบินนั้นมันผิด พรบ.การเงินการคลังหรือไม่ เราอาจจะต้องกลับไปพิจารณาถึงที่มาที่ไปของการเยียวยาในครั้งนี้ดีกว่า
เท่าที่ติดตามประเด็นนี้มาการที่ ทอท. ออกมาเยียวยา ก็เหมือนกับเป็นตัวแทนของภาครัฐ ที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการภายในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ (เช่าขายของ ขายอาหาร) หรือผู้ที่ประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีมาก็ดี ที่พวกเขาได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศของไทยเป็นระยะเวลาก็ 2 ปี เพิ่งจะมาเปิดประเทศ เดือนกรกฏาคมผ่านมา
และเนื่องจากนโยบายการปิดประเทศทำให้ไม่มีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการสนามบิน ธุรกิจในสนามบินไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติ และถ้า ทอท. ไม่ได้ช่วยเหลือ สิ่งที่จะตามมาก็คือ "สนามบินร้าง" เพราะร้านต่างๆ ก็อาจจะต้องถอนตัวกันหมด
ขอบคุณภาพจาก https://www.thansettakij.com/business/512831
จากนั้น ทอท.เองก็ต้องขาดรายได้ ทอท.เล็งเห็นแล้วว่า ควรที่จะรักษาพวกเขาเหล่านั้นไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ ไว้ประเทศกลับมาเปิดให้เดินทางได้อย่างเต็มที่เมื่อไหร่ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาประมูล หรือทำสัญญากันใหม่อีก
และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นประเด็นกันมาอย่างยาวนานคือสัญญาสัมปทานของดิวตี้ฟรี
ในกรณีนี้ จขกท. เข้าใจ ทอท. อย่างยิ่ง เพราะถ้ามีการยกเลิกสัญญา ทอท.ก็เสียผลประโยชน์เหมือนกัน
เพราะก่อนที่จะมีโควิด ได้มีการประมูลดิวตี้ฟรีกันมาโดยผู้ที่ชนะ คือผู้ที่บอกว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับ ทอท. ด้วยตัวเลขที่สูงที่สุด และมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในรายละเอียดการประมูลนั้น ทาง ทอท.เอง ก็ได้มีการประมาณการผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการในสนามบิน
ถ้า ทอท. ไม่ได้มีตัวเลขสัญญานี้ไม่งั้นผู้ประมูลคงไม่สามารถที่จะประเมินการจ่ายผลตอบแทนสัมปทานได้หรอก
ในเมื่อเกิดเคสการระบาดโควิด ที่ทุกฝ่ายไม่เคยเจอมาก่อน ปิดประเทศจนตัวเลขผู้ใช้บริการสนามบินก็ลดลง นักท่องเที่ยวต่างชาติแทบจะไม่ต้องพูดถึง มีจำนวนเป็น 0 กินเวลาเป็นขวบปี คนที่ทำธุรกิจในนั้นจะไปหารายได้จากไหน
แล้วยังจะให้ยึดการจ่ายผลประโยชน์เหมือนเดิม จนผู้ที่ชนะประมูลไม่สามารถจ่ายอัตราเท่าเดิมได้ เท่ากับว่าต้องออกไป
ทอท. ต้องเดินหน้าทำสัญญาใหม่ ในสภาวการณ์เช่นนี้การทำประมูลใหม่ ใครจะอยากเข้ามาประมูลเพื่อลงทุน ถ้ามีคนเข้ามาประมูล ผลตอบแทนที่สัญญาว่าจะให้ ก็คงไม่ได้เยอะเท่ากับเจ้าเดิม
ทอท. คงเล็งเห็นแล้วแหละ ว่าต้องมีการเยียวยา อย่างน้อยก็ให้พ้นวิกฤตไปในช่วง 2-3 ปีนี้ก่อน ทุกเจ้ายังอยู่กับ ทอท. เหมือนเดิม เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง สามารถเปิดประเทศมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการได้อย่างเดิม ก็เท่ากับว่า ทอท. ก็มีโอกาสที่จะกลับมารับผลตอบแทนในสัญญาเดิม อย่างที่ไม่เคยมีผู้ประมูลจากเจ้าไหนให้มาก่อน
ขอบคุณภาพจาก https://mgronline.com/business/detail/9620000026056
เหตุการณ์โควิดนี่มันสุดวิสัยจริงๆ แต่ด้วยความที่ ทอท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ตกเป็นเป้านิ่งใหญ่ให้ใครต่อใครตั้งคำถามได้อยู่แล้ว
ว่าการกระทำแบบนี้เป็นการเอื้อผลประโยชน์หรือไม่?
การที่เยียวยาแบบนี้มันผิดต่อ พรบ. การเงินฯ หรือไม่?
สำหรับข้อคำถามต่างๆ ทาง ทอท. ได้ออกมาชี้แจงแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดตามด้ามลิงค์ด้านล่างนี้เลย https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/51258
สำหรับประเด็นนี้ จขกท. ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนที่ออกมาตั้งคำถามพวกนี้ก็ไม่พ้นเกมการเมือง ที่เอาไว้ใช้โจมตีรัฐบาล ซึ่งก็เป็นอีก 1 ในหลายๆ ประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการตีความด้วย
ว่าตีความแบบไหนถึงจะเข้าข่ายผิด หรือไม่ผิด
จขกท. จึงอยากที่จะนำเสนอ อีกมุมหนึ่งเพื่อให้เห็นว่าประเด็นนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อเอาให้ทุกท่านได้ลองอ่านและรวบรวมข้อมูลไปพิจารณากันครับ
ในวันที่ยอดไม่เข้าเป้า การเยียวยาผู้ประกอบการในสนามบินจำเป็นหรือไม่
« เมื่อ: วันนี้ 16:04 น »
Send E-mail
แบ่งปันกระทู้นี้ให้เพื่อนคุณอ่านไหมคะ?
ปิด
ปิด
ก่อนที่เราจะไปประเด็นว่าการที่ ทอท. เยียวยาดิวตี้ฟรี รวมถึงผู้ประกอบการในสนามบินนั้นมันผิด พรบ.การเงินการคลังหรือไม่ เราอาจจะต้องกลับไปพิจารณาถึงที่มาที่ไปของการเยียวยาในครั้งนี้ดีกว่า
เท่าที่ติดตามประเด็นนี้มาการที่ ทอท. ออกมาเยียวยา ก็เหมือนกับเป็นตัวแทนของภาครัฐ ที่ออกมาช่วยเหลือผู้ประกอบการภายในสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นผู้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์ (เช่าขายของ ขายอาหาร) หรือผู้ที่ประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีมาก็ดี ที่พวกเขาได้รับผลกระทบจากการปิดประเทศของไทยเป็นระยะเวลาก็ 2 ปี เพิ่งจะมาเปิดประเทศ เดือนกรกฏาคมผ่านมา
และเนื่องจากนโยบายการปิดประเทศทำให้ไม่มีผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการสนามบิน ธุรกิจในสนามบินไม่สามารถดำเนินงานได้อย่างปกติ และถ้า ทอท. ไม่ได้ช่วยเหลือ สิ่งที่จะตามมาก็คือ "สนามบินร้าง" เพราะร้านต่างๆ ก็อาจจะต้องถอนตัวกันหมด
ขอบคุณภาพจาก https://www.thansettakij.com/business/512831
จากนั้น ทอท.เองก็ต้องขาดรายได้ ทอท.เล็งเห็นแล้วว่า ควรที่จะรักษาพวกเขาเหล่านั้นไว้ เพื่อให้ทุกฝ่ายยังสามารถดำเนินธุรกิจไปได้ ไว้ประเทศกลับมาเปิดให้เดินทางได้อย่างเต็มที่เมื่อไหร่ จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาประมูล หรือทำสัญญากันใหม่อีก
และอีกส่วนหนึ่งที่เป็นประเด็นกันมาอย่างยาวนานคือสัญญาสัมปทานของดิวตี้ฟรี
ในกรณีนี้ จขกท. เข้าใจ ทอท. อย่างยิ่ง เพราะถ้ามีการยกเลิกสัญญา ทอท.ก็เสียผลประโยชน์เหมือนกัน
เพราะก่อนที่จะมีโควิด ได้มีการประมูลดิวตี้ฟรีกันมาโดยผู้ที่ชนะ คือผู้ที่บอกว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนกับ ทอท. ด้วยตัวเลขที่สูงที่สุด และมากขึ้นกว่าเดิม แต่ในรายละเอียดการประมูลนั้น ทาง ทอท.เอง ก็ได้มีการประมาณการผู้โดยสารที่จะเข้ามาใช้บริการในสนามบิน
ถ้า ทอท. ไม่ได้มีตัวเลขสัญญานี้ไม่งั้นผู้ประมูลคงไม่สามารถที่จะประเมินการจ่ายผลตอบแทนสัมปทานได้หรอก
ในเมื่อเกิดเคสการระบาดโควิด ที่ทุกฝ่ายไม่เคยเจอมาก่อน ปิดประเทศจนตัวเลขผู้ใช้บริการสนามบินก็ลดลง นักท่องเที่ยวต่างชาติแทบจะไม่ต้องพูดถึง มีจำนวนเป็น 0 กินเวลาเป็นขวบปี คนที่ทำธุรกิจในนั้นจะไปหารายได้จากไหน
แล้วยังจะให้ยึดการจ่ายผลประโยชน์เหมือนเดิม จนผู้ที่ชนะประมูลไม่สามารถจ่ายอัตราเท่าเดิมได้ เท่ากับว่าต้องออกไป
ทอท. ต้องเดินหน้าทำสัญญาใหม่ ในสภาวการณ์เช่นนี้การทำประมูลใหม่ ใครจะอยากเข้ามาประมูลเพื่อลงทุน ถ้ามีคนเข้ามาประมูล ผลตอบแทนที่สัญญาว่าจะให้ ก็คงไม่ได้เยอะเท่ากับเจ้าเดิม
ทอท. คงเล็งเห็นแล้วแหละ ว่าต้องมีการเยียวยา อย่างน้อยก็ให้พ้นวิกฤตไปในช่วง 2-3 ปีนี้ก่อน ทุกเจ้ายังอยู่กับ ทอท. เหมือนเดิม เมื่อทุกอย่างคลี่คลายลง สามารถเปิดประเทศมีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการได้อย่างเดิม ก็เท่ากับว่า ทอท. ก็มีโอกาสที่จะกลับมารับผลตอบแทนในสัญญาเดิม อย่างที่ไม่เคยมีผู้ประมูลจากเจ้าไหนให้มาก่อน
ขอบคุณภาพจาก https://mgronline.com/business/detail/9620000026056
เหตุการณ์โควิดนี่มันสุดวิสัยจริงๆ แต่ด้วยความที่ ทอท. เป็นรัฐวิสาหกิจ ก็ตกเป็นเป้านิ่งใหญ่ให้ใครต่อใครตั้งคำถามได้อยู่แล้ว
ว่าการกระทำแบบนี้เป็นการเอื้อผลประโยชน์หรือไม่?
การที่เยียวยาแบบนี้มันผิดต่อ พรบ. การเงินฯ หรือไม่?
สำหรับข้อคำถามต่างๆ ทาง ทอท. ได้ออกมาชี้แจงแล้ว สามารถอ่านรายละเอียดตามด้ามลิงค์ด้านล่างนี้เลย https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/51258
สำหรับประเด็นนี้ จขกท. ก็ต้องยอมรับว่ากลุ่มคนที่ออกมาตั้งคำถามพวกนี้ก็ไม่พ้นเกมการเมือง ที่เอาไว้ใช้โจมตีรัฐบาล ซึ่งก็เป็นอีก 1 ในหลายๆ ประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับการตีความด้วย
ว่าตีความแบบไหนถึงจะเข้าข่ายผิด หรือไม่ผิด
จขกท. จึงอยากที่จะนำเสนอ อีกมุมหนึ่งเพื่อให้เห็นว่าประเด็นนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร เพื่อเอาให้ทุกท่านได้ลองอ่านและรวบรวมข้อมูลไปพิจารณากันครับ
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google