รีไฟแนนซ์บ้าน VS รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม อะไรดีกว่ากัน???
12 พ.ย. 65 14:13 น. /
ดู 1,092 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ในปัจจุบันแม้สภาพเศรษฐกิจจะยังอยู่ในขาลง ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคต่างขึ้นราคา ซึ่งเป็นผลมาจากด้วยกันหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้าจีน-สหรัฐ โรคระบาดโควิด-19 ทั้งยังรวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนอาหาร ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลทำให้ธุรกิจต่าง ๆ โดนผลกระทบไปไม่มากก็น้อย ซึ่งในเวลานี้โรคระบาดโควิด-19 เริ่มเบาบางลง จึงทำธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ แต่ถึงกระนั้น เงินก็ยังเป็นสิ่งที่หายากอยู่ดี
จากสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการเงินที่ดี เพื่อที่จะอยู่รอดในสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นจะต้องมีความประหยัด และวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ ซึ่งสามารถเริ่มได้จากการทำใน โดยอาจจะเริ่มสิ่งเล็ก ตัวอย่างเช่นการลดการใช้ไฟฟ้า ลดการน้ำประปา เลิกใช้จ่ายกับสิ่งของที่ไม่มีความจำเป็น หรือของฟุ่มเฟือย ไปจนถึงการลดค่าใช้จ่ายใหญ่ ๆ อย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นต้น
ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร แล้วการรีไฟแนนซ์บ้านกับการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม แล้วการรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมนั้นแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี แล้วสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยรีไฟแนนซ์บ้านจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะหาคำตอบกัน ไปเริ่มกันเลย
รีไฟแนนซ์บ้าน กับ รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม คืออะไร
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน เราจะมาทำความรู้จักกันเสียก่อนว่า รีไฟแนนซ์ นั้นคือการที่เราจะขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ เพื่อนำเงินที่ได้จากผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ไปชำระหนี้จากผู้กู้รายเดิม หรือก็คือการเปลี่ยนเจ้าหนี้จากรายเดิมไปเป็นเจ้าหนี้รายใหม่นั้นเอง
ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนทำการรีไฟแนนซ์นั้นมาจากการที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย หรือหนี้ให้ลดลง ซึ่งเจ้าหนี้รายใหม่จะคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าเจ้าเดิม เพื่อให้คนสนใจอยากที่จะมารีไฟแนนซ์ด้วย ทำให้ค่าชำระต่อเดือนลดลง ผ่อนหมดเร็วขึ้นอีกด้วยหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้นนั่นเอง
รีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือการของสินเชื่อบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ ซึ่งจะทำให้ค่าผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือนลดลง เพราะทางผู้ให้สินเชื่อมักจะจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าผู้ให้สินเชื่อรายเดิม ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการด้านสินเชื่อมากมาย ทำให้ผู้ใช้บริการรีไฟแนนซ์สามารถเปรียบเทียบ เพื่อเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม เป็นการขอสินเชื่อใหม่กับธนาคารเดิม หรือก็คือการขอลดดอกเบี้ยจากเดิมที่เคยชำระอยู่ ให้ลดลงมา เพื่อให้ลดค่าใช้จ่ายลงมา โดยทางผู้ให้สินเชื่อรายเดิมจะทำการพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ ถ้ามีประวัติการชำระที่ดี ตรงเวลา ทางผู้ให้จะพิจารณาลดหย่อนดอกเบี้ยลง เพื่อจูงใจไม่ให้ผู้รีไฟแนนซ์บ้านย้ายไปใช้บริการกับผู้ให้สินเชื่อรายใหม่
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเป็นการเรียกที่ไม่ถูกต้อง
โดยจริง ๆ แล้วการใช้คำว่ารีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมนั้น เป็นการใช้คำที่ผิด เพราะไม่ใช่การรีไฟแนนซ์บ้าน (เปลี่ยนผู้ให้สินเชื่อบ้านรายเดิม เป็นผู้ให้สินเชื่อบ้านรายใหม่) แต่เป็นการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อเดิมที่เรายังผ่อนชำระอยู่ ซึ่งการเรียกที่ถูกต้อง คือการขอ Retention นั้นเอง
ซึ่งการที่เราจะขอลดดอกเบี้ยจากผู้ให้สินเชื่อนั้น มาจากการที่ผู้ให้สินเชื่อต้องการให้ผู้ที่อยากมีบ้าน มาผ่อนชำระบ้านกับตนเอง จึงมีการออกโปรโมชั่นเชิญชวนด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระในช่วง 3-5 ปีแรกในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
ตัวอย่างคือนาย A มียอดหนี้ที่ต้องชำระอยู่ 3,000,000 บาท ซึ่งทางผูให้สินเชื่อคิดอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3% ต่อปี ซึ่งจากดอกเบี้ยแล้ว นาย A จะต้องผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนเป็นเงิน 7,400 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี อัตราดอกเบี้ยอาจจะถูกปรับขึ้น ซึ่งขอยกตัวอย่างเป็น 5% ต่อปี ซึ่งจะปรากฏว่าต้องผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 12,300 บาท ซึ่งต่างจากเดิมอยู่ถึง 4,900 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าเดิมมากกว่า 50% เลยทีเดียวการเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ
รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดี
เนื่องจากการชำระค่าผ่อนบ้านนั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มีวงเงินที่สูงมาก ดังนั้นการเลือกระหว่างการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดดอกเบี้นบ้านจากธนาคารเดิม จึงถือเป็นวิธีที่ผู้ขอกู้จำเป็นต้องทำเมื่อใกล้จะครบกำหนดขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะถ้าไม่ทำเรื่อง ผู้กู้จะต้องเสียค่าผ่อนชำระต่อเดือนที่สูงขึ้นจากเดิมถึง 50% กันเลยทีเดียว
ซึ่งการที่ท่านผู้อ่านจะเลือกว่ารีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดีนั้น จะต้องพิจารณาด้วยกันหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการชำระหนี้ หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ด้วยสินเชื่อบ้านถือเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูง ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลของสัญญาโดยละเอียด และเปีรยบเทียบผู้ให้บริการสินเชื่อหลาย ๆ เจ้า เพื่อหาผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของท่านให้ได้มากที่สุด
รีไฟแนนซ์บ้านต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
คุณสมบัติที่ใช้ในการขอรีไฟแนนซ์บ้านจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้สินเชื่อต่าง ๆ ซึ่งจะมีกฎระบุคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจน แตกต่างกับการขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมที่ใช้เพียงแค่ประวัติการชำระเงินว่าตรงต่อเวลาหรือไม่ เคยค้างค่าผ่อนชำระเกิน 60 วันหรือไม่ เป็นต้น ถ้าทุกอย่างผ่านเกณฑ์ก็จะสามารถขอลดหย่อนดอกเบี้ยได้ในที่สุด
และในวันนี้เราจะขอยกตัวอย่างของผู้ให้บริการสินเชื่อ Refinn ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ กลุ่มเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ และกลุ่มสุดท้าายคือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีคุณสมบัติที่ต้องการแตกต่างกันไปดังนี้
สำหรับพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.อายุงานในบริษัทปัจจุบันต้องไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องผ่านช่วงทดลองงานแล้ว
สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.มีการจดทะเบียนบริษัท และประกอบธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.มีเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้
4.ประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน
จากที่การมาข้างต้น สามารถบอกได้ว่า การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน มีประโยชน์ดังนี้
1. ช่วยลดค่ามูลค่าสินเชื่อที่ต้องจ่าย
ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายเดิมนั้นจะสามารถช่วยให้คุณสามารถลดจำนวนเงินที่ต้องชำระลงได้ ซึ่งถ้าไม่มีการขอลดแล้วล่ะก็ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งจำนวนเงินต้นที่มาก จนอาจทำให้ยอดชำระต่อเดือนอาจเพิ่มขึ้นเท่าตัว และอาจจะทำให้เงินต้นที่ควรชำระลดลง แต่เป็นการจ่ายค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแทน ซึ่งถ้าเงินต้นสูงมาก ยอดชำระมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 50% เลยทีเดียว
2. ลดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้
เนื่อจากการขอรีไฟแนนซ์บ้าน รวมไปถึงการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายเดิมนั้น เปรียบเสมือนการเขียนสัญญาข้อตกลงฉบับใหม่ ซึ่งเราสามารถเสนอข้อตกลงในการผ่อนชำระหนี้ตามความต้องการของตนเองได้
3. สามารถเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ต้องการได้อย่างอิสระ
เนื่องจากในปัจจุบันเริ่มมีผู้ให้สินเชื่อเกิดขึ้นจำนวนมาก จึงมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีการโปรโมท พร้อมทั้งออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนหันมาขอสินเชื่อกับตัวเอง ซึ่งถือเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
สรุป
สำหรับใครที่กำลังศึกษา หรือพิจารณาว่าจะรีไฟแนนซ์บ้าน หรือเลือกการขอลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม ต้องทำการศึกษาข้อมูลทุกรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน เนื่องจากการผ่อนชำระบ้านถือเป็นการผ่อนชำระที่มีวงเงินที่สูง ดังนั้นทางผู้กู้จะต้องเปรียบเทียบผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ทั้งหมดให้ดีเสียก่อน จากนั้นจึงเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด
พื่อความสะดวกสบายในการขอรีไฟแนนซ์บ้าน ทางเราขอแนะนำให้หาที่เว็บไซต์ Refinn ที่รวบรวมโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านทุกธนาคารไว้ในที่เดียว อย่ารอช้า ไปดูกันเลย
ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร แล้วการรีไฟแนนซ์บ้านกับการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม แล้วการรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมนั้นแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี แล้วสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยรีไฟแนนซ์บ้านจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะหาคำตอบกัน ไปเริ่มกันเลย
รีไฟแนนซ์บ้าน กับ รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม คืออะไร
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน เราจะมาทำความรู้จักกันเสียก่อนว่า รีไฟแนนซ์ นั้นคือการที่เราจะขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ เพื่อนำเงินที่ได้จากผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ไปชำระหนี้จากผู้กู้รายเดิม หรือก็คือการเปลี่ยนเจ้าหนี้จากรายเดิมไปเป็นเจ้าหนี้รายใหม่นั้นเอง
ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนทำการรีไฟแนนซ์นั้นมาจากการที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย หรือหนี้ให้ลดลง ซึ่งเจ้าหนี้รายใหม่จะคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าเจ้าเดิม เพื่อให้คนสนใจอยากที่จะมารีไฟแนนซ์ด้วย ทำให้ค่าชำระต่อเดือนลดลง ผ่อนหมดเร็วขึ้นอีกด้วยหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้นนั่นเอง
รีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือการของสินเชื่อบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ ซึ่งจะทำให้ค่าผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือนลดลง เพราะทางผู้ให้สินเชื่อมักจะจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าผู้ให้สินเชื่อรายเดิม ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการด้านสินเชื่อมากมาย ทำให้ผู้ใช้บริการรีไฟแนนซ์สามารถเปรียบเทียบ เพื่อเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม เป็นการขอสินเชื่อใหม่กับธนาคารเดิม หรือก็คือการขอลดดอกเบี้ยจากเดิมที่เคยชำระอยู่ ให้ลดลงมา เพื่อให้ลดค่าใช้จ่ายลงมา โดยทางผู้ให้สินเชื่อรายเดิมจะทำการพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ ถ้ามีประวัติการชำระที่ดี ตรงเวลา ทางผู้ให้จะพิจารณาลดหย่อนดอกเบี้ยลง เพื่อจูงใจไม่ให้ผู้รีไฟแนนซ์บ้านย้ายไปใช้บริการกับผู้ให้สินเชื่อรายใหม่
รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเป็นการเรียกที่ไม่ถูกต้อง
โดยจริง ๆ แล้วการใช้คำว่ารีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมนั้น เป็นการใช้คำที่ผิด เพราะไม่ใช่การรีไฟแนนซ์บ้าน (เปลี่ยนผู้ให้สินเชื่อบ้านรายเดิม เป็นผู้ให้สินเชื่อบ้านรายใหม่) แต่เป็นการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อเดิมที่เรายังผ่อนชำระอยู่ ซึ่งการเรียกที่ถูกต้อง คือการขอ Retention นั้นเอง
ซึ่งการที่เราจะขอลดดอกเบี้ยจากผู้ให้สินเชื่อนั้น มาจากการที่ผู้ให้สินเชื่อต้องการให้ผู้ที่อยากมีบ้าน มาผ่อนชำระบ้านกับตนเอง จึงมีการออกโปรโมชั่นเชิญชวนด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระในช่วง 3-5 ปีแรกในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้
ตัวอย่างคือนาย A มียอดหนี้ที่ต้องชำระอยู่ 3,000,000 บาท ซึ่งทางผูให้สินเชื่อคิดอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3% ต่อปี ซึ่งจากดอกเบี้ยแล้ว นาย A จะต้องผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนเป็นเงิน 7,400 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี อัตราดอกเบี้ยอาจจะถูกปรับขึ้น ซึ่งขอยกตัวอย่างเป็น 5% ต่อปี ซึ่งจะปรากฏว่าต้องผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 12,300 บาท ซึ่งต่างจากเดิมอยู่ถึง 4,900 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าเดิมมากกว่า 50% เลยทีเดียวการเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ
รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดี
เนื่องจากการชำระค่าผ่อนบ้านนั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มีวงเงินที่สูงมาก ดังนั้นการเลือกระหว่างการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดดอกเบี้นบ้านจากธนาคารเดิม จึงถือเป็นวิธีที่ผู้ขอกู้จำเป็นต้องทำเมื่อใกล้จะครบกำหนดขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะถ้าไม่ทำเรื่อง ผู้กู้จะต้องเสียค่าผ่อนชำระต่อเดือนที่สูงขึ้นจากเดิมถึง 50% กันเลยทีเดียว
ซึ่งการที่ท่านผู้อ่านจะเลือกว่ารีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดีนั้น จะต้องพิจารณาด้วยกันหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการชำระหนี้ หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ด้วยสินเชื่อบ้านถือเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูง ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลของสัญญาโดยละเอียด และเปีรยบเทียบผู้ให้บริการสินเชื่อหลาย ๆ เจ้า เพื่อหาผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของท่านให้ได้มากที่สุด
รีไฟแนนซ์บ้านต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
คุณสมบัติที่ใช้ในการขอรีไฟแนนซ์บ้านจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้สินเชื่อต่าง ๆ ซึ่งจะมีกฎระบุคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจน แตกต่างกับการขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมที่ใช้เพียงแค่ประวัติการชำระเงินว่าตรงต่อเวลาหรือไม่ เคยค้างค่าผ่อนชำระเกิน 60 วันหรือไม่ เป็นต้น ถ้าทุกอย่างผ่านเกณฑ์ก็จะสามารถขอลดหย่อนดอกเบี้ยได้ในที่สุด
และในวันนี้เราจะขอยกตัวอย่างของผู้ให้บริการสินเชื่อ Refinn ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ กลุ่มเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ และกลุ่มสุดท้าายคือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีคุณสมบัติที่ต้องการแตกต่างกันไปดังนี้
สำหรับพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.อายุงานในบริษัทปัจจุบันต้องไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องผ่านช่วงทดลองงานแล้ว
สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.มีการจดทะเบียนบริษัท และประกอบธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.มีเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้
4.ประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี
ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน
จากที่การมาข้างต้น สามารถบอกได้ว่า การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน มีประโยชน์ดังนี้
1. ช่วยลดค่ามูลค่าสินเชื่อที่ต้องจ่าย
ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายเดิมนั้นจะสามารถช่วยให้คุณสามารถลดจำนวนเงินที่ต้องชำระลงได้ ซึ่งถ้าไม่มีการขอลดแล้วล่ะก็ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งจำนวนเงินต้นที่มาก จนอาจทำให้ยอดชำระต่อเดือนอาจเพิ่มขึ้นเท่าตัว และอาจจะทำให้เงินต้นที่ควรชำระลดลง แต่เป็นการจ่ายค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแทน ซึ่งถ้าเงินต้นสูงมาก ยอดชำระมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 50% เลยทีเดียว
2. ลดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้
เนื่อจากการขอรีไฟแนนซ์บ้าน รวมไปถึงการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายเดิมนั้น เปรียบเสมือนการเขียนสัญญาข้อตกลงฉบับใหม่ ซึ่งเราสามารถเสนอข้อตกลงในการผ่อนชำระหนี้ตามความต้องการของตนเองได้
3. สามารถเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ต้องการได้อย่างอิสระ
เนื่องจากในปัจจุบันเริ่มมีผู้ให้สินเชื่อเกิดขึ้นจำนวนมาก จึงมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีการโปรโมท พร้อมทั้งออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนหันมาขอสินเชื่อกับตัวเอง ซึ่งถือเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก
สรุป
สำหรับใครที่กำลังศึกษา หรือพิจารณาว่าจะรีไฟแนนซ์บ้าน หรือเลือกการขอลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม ต้องทำการศึกษาข้อมูลทุกรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน เนื่องจากการผ่อนชำระบ้านถือเป็นการผ่อนชำระที่มีวงเงินที่สูง ดังนั้นทางผู้กู้จะต้องเปรียบเทียบผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ทั้งหมดให้ดีเสียก่อน จากนั้นจึงเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด
พื่อความสะดวกสบายในการขอรีไฟแนนซ์บ้าน ทางเราขอแนะนำให้หาที่เว็บไซต์ Refinn ที่รวบรวมโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านทุกธนาคารไว้ในที่เดียว อย่ารอช้า ไปดูกันเลย
แก้ไขล่าสุด 12 พ.ย. 65 14:18 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย sz463257
- บริการรับทำ Sale page ตัวช่วยสำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่จะทำให้ยอดขายดียิ่งขึ้น (เทคโนโลยี)
- 5 เหตุผลว่าทำไมคุณควรลงทุนในบ้านมือสองขอนแก่น (เบ็ดเตล็ด)
- อยากผ่อนรถดอกเบี้ยต่ำกว่าเดิม ให้การรีไฟแนนซ์รถช่วยประหยัดเงินได้มากกว่า (เบ็ดเตล็ด)
- เสียงดังกวนใจ ขจัดปัญหาได้ด้วยฉนวนกันเสียง (เบ็ดเตล็ด)
- โบท็อกคืออะไร ฉีดโบท้อกช่วยเรื่องอะไร ? พร้อมแนะนำการดูแลหลังฉีด (สุขภาพและความงาม)
- ขูดหินปูน สุขภาพดีเริ่มต้นจากเหงือกและฟัน (สุขภาพและความงาม)
- กระทู้โดย sz463257 ทั้งหมด
แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google