รีไฟแนนซ์บ้าน VS รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม อะไรดีกว่ากัน???

12 พ.ย. 65 14:13 น. / ดู 1,092 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
ในปัจจุบันแม้สภาพเศรษฐกิจจะยังอยู่ในขาลง ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคต่างขึ้นราคา ซึ่งเป็นผลมาจากด้วยกันหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน สงครามการค้าจีน-สหรัฐ โรคระบาดโควิด-19 ทั้งยังรวมไปถึงปัญหาการขาดแคลนอาหาร ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลทำให้ธุรกิจต่าง ๆ โดนผลกระทบไปไม่มากก็น้อย ซึ่งในเวลานี้โรคระบาดโควิด-19 เริ่มเบาบางลง จึงทำธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ แต่ถึงกระนั้น เงินก็ยังเป็นสิ่งที่หายากอยู่ดี
จากสิ่งที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า การบริหารจัดการเงินที่ดี เพื่อที่จะอยู่รอดในสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นจะต้องมีความประหยัด และวางแผนการใช้เงินอย่างรอบคอบ ซึ่งสามารถเริ่มได้จากการทำใน โดยอาจจะเริ่มสิ่งเล็ก ตัวอย่างเช่นการลดการใช้ไฟฟ้า ลดการน้ำประปา เลิกใช้จ่ายกับสิ่งของที่ไม่มีความจำเป็น หรือของฟุ่มเฟือย ไปจนถึงการลดค่าใช้จ่ายใหญ่ ๆ อย่างการรีไฟแนนซ์บ้าน เป็นต้น

ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดถึงการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร แล้วการรีไฟแนนซ์บ้านกับการรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม แล้วการรีไฟแนนซ์ธนาคารเดิมนั้นแตกต่างกันอย่างไร ควรเลือกแบบไหนดี แล้วสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยรีไฟแนนซ์บ้านจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะหาคำตอบกัน ไปเริ่มกันเลย



รีไฟแนนซ์บ้าน กับ รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม คืออะไร
ก่อนที่เราจะเข้าเรื่องการรีไฟแนนซ์บ้าน เราจะมาทำความรู้จักกันเสียก่อนว่า รีไฟแนนซ์ นั้นคือการที่เราจะขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน หรือผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ เพื่อนำเงินที่ได้จากผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ไปชำระหนี้จากผู้กู้รายเดิม หรือก็คือการเปลี่ยนเจ้าหนี้จากรายเดิมไปเป็นเจ้าหนี้รายใหม่นั้นเอง

ซึ่งเหตุผลที่ทำให้คนทำการรีไฟแนนซ์นั้นมาจากการที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย หรือหนี้ให้ลดลง ซึ่งเจ้าหนี้รายใหม่จะคิดดอกเบี้ยต่ำกว่าเจ้าเดิม เพื่อให้คนสนใจอยากที่จะมารีไฟแนนซ์ด้วย ทำให้ค่าชำระต่อเดือนลดลง ผ่อนหมดเร็วขึ้นอีกด้วยหรือช่วยให้ผ่อนหมดได้เร็วขึ้นนั่นเอง

รีไฟแนนซ์บ้าน
การรีไฟแนนซ์บ้าน คือการของสินเชื่อบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ ซึ่งจะทำให้ค่าผ่อนชำระบ้านในแต่ละเดือนลดลง เพราะทางผู้ให้สินเชื่อมักจะจูงใจด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ถูกกว่าผู้ให้สินเชื่อรายเดิม ซึ่งในปัจจุบันก็มีผู้ให้บริการด้านสินเชื่อมากมาย ทำให้ผู้ใช้บริการรีไฟแนนซ์สามารถเปรียบเทียบ เพื่อเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด

รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม
การรีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิม เป็นการขอสินเชื่อใหม่กับธนาคารเดิม หรือก็คือการขอลดดอกเบี้ยจากเดิมที่เคยชำระอยู่ ให้ลดลงมา เพื่อให้ลดค่าใช้จ่ายลงมา โดยทางผู้ให้สินเชื่อรายเดิมจะทำการพิจารณาจากประวัติการชำระหนี้ ถ้ามีประวัติการชำระที่ดี ตรงเวลา ทางผู้ให้จะพิจารณาลดหย่อนดอกเบี้ยลง เพื่อจูงใจไม่ให้ผู้รีไฟแนนซ์บ้านย้ายไปใช้บริการกับผู้ให้สินเชื่อรายใหม่

รีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมเป็นการเรียกที่ไม่ถูกต้อง
โดยจริง ๆ แล้วการใช้คำว่ารีไฟแนนซ์บ้านธนาคารเดิมนั้น เป็นการใช้คำที่ผิด เพราะไม่ใช่การรีไฟแนนซ์บ้าน (เปลี่ยนผู้ให้สินเชื่อบ้านรายเดิม เป็นผู้ให้สินเชื่อบ้านรายใหม่) แต่เป็นการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อเดิมที่เรายังผ่อนชำระอยู่ ซึ่งการเรียกที่ถูกต้อง คือการขอ Retention นั้นเอง

ซึ่งการที่เราจะขอลดดอกเบี้ยจากผู้ให้สินเชื่อนั้น มาจากการที่ผู้ให้สินเชื่อต้องการให้ผู้ที่อยากมีบ้าน มาผ่อนชำระบ้านกับตนเอง จึงมีการออกโปรโมชั่นเชิญชวนด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระในช่วง 3-5 ปีแรกในอัตราดอกเบี้ยที่ถูกลง ซึ่งจะขอยกตัวอย่างดังต่อไปนี้

ตัวอย่างคือนาย A มียอดหนี้ที่ต้องชำระอยู่ 3,000,000 บาท ซึ่งทางผูให้สินเชื่อคิดอัตราดอกเบี้ย 3 ปีแรกอยู่ที่ 3% ต่อปี ซึ่งจากดอกเบี้ยแล้ว นาย A จะต้องผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนเป็นเงิน 7,400 บาท แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3 ปี อัตราดอกเบี้ยอาจจะถูกปรับขึ้น ซึ่งขอยกตัวอย่างเป็น 5% ต่อปี ซึ่งจะปรากฏว่าต้องผ่อนชำระเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 12,300 บาท ซึ่งต่างจากเดิมอยู่ถึง 4,900 บาทเลยทีเดียว ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมากกว่าเดิมมากกว่า 50% เลยทีเดียวการเสียค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ



รีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดี
เนื่องจากการชำระค่าผ่อนบ้านนั้นถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มีวงเงินที่สูงมาก ดังนั้นการเลือกระหว่างการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดดอกเบี้นบ้านจากธนาคารเดิม จึงถือเป็นวิธีที่ผู้ขอกู้จำเป็นต้องทำเมื่อใกล้จะครบกำหนดขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพราะถ้าไม่ทำเรื่อง ผู้กู้จะต้องเสียค่าผ่อนชำระต่อเดือนที่สูงขึ้นจากเดิมถึง 50% กันเลยทีเดียว

ซึ่งการที่ท่านผู้อ่านจะเลือกว่ารีไฟแนนซ์บ้าน หรือ ขอลดดอกเบี้ยบ้านดีนั้น จะต้องพิจารณาด้วยกันหลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาในการชำระหนี้ หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ ด้วยสินเชื่อบ้านถือเป็นสินเชื่อที่มีวงเงินสูง ดังนั้นจึงต้องมีการศึกษาข้อมูลของสัญญาโดยละเอียด และเปีรยบเทียบผู้ให้บริการสินเชื่อหลาย ๆ เจ้า เพื่อหาผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของท่านให้ได้มากที่สุด

รีไฟแนนซ์บ้านต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง
คุณสมบัติที่ใช้ในการขอรีไฟแนนซ์บ้านจะแตกต่างกันไปตามผู้ให้สินเชื่อต่าง ๆ ซึ่งจะมีกฎระบุคุณสมบัติไว้อย่างชัดเจน แตกต่างกับการขอลดดอกเบี้ยจากธนาคารเดิมที่ใช้เพียงแค่ประวัติการชำระเงินว่าตรงต่อเวลาหรือไม่ เคยค้างค่าผ่อนชำระเกิน 60 วันหรือไม่ เป็นต้น ถ้าทุกอย่างผ่านเกณฑ์ก็จะสามารถขอลดหย่อนดอกเบี้ยได้ในที่สุด

และในวันนี้เราจะขอยกตัวอย่างของผู้ให้บริการสินเชื่อ Refinn ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่มผู้ที่ต้องการขอสินเชื่อออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ คือ กลุ่มพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ กลุ่มเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ และกลุ่มสุดท้าายคือผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีคุณสมบัติที่ต้องการแตกต่างกันไปดังนี้

สำหรับพนักงานบริษัท ราชการ รัฐวิสาหกิจ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 15,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.อายุงานในบริษัทปัจจุบันต้องไม่น้อยกว่า 3 เดือน และต้องผ่านช่วงทดลองงานแล้ว

สำหรับเจ้าของกิจการ เจ้าของธุรกิจ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.มีการจดทะเบียนบริษัท และประกอบธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

สำหรับคนที่ประกอบอาชีพอิสระ
1.สัญชาติไทย อายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 65 ปี
2.รายได้รวมตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน ขึ้นไป
3.มีเอกสารแสดงแหล่งที่มาของรายได้
4.ประกอบอาชีพมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี

ประโยชน์ของการรีไฟแนนซ์บ้าน
จากที่การมาข้างต้น สามารถบอกได้ว่า การรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้าน มีประโยชน์ดังนี้

1. ช่วยลดค่ามูลค่าสินเชื่อที่ต้องจ่าย
ไม่ว่าจะเป็นการรีไฟแนนซ์บ้าน หรือการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายเดิมนั้นจะสามารถช่วยให้คุณสามารถลดจำนวนเงินที่ต้องชำระลงได้ ซึ่งถ้าไม่มีการขอลดแล้วล่ะก็ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งจำนวนเงินต้นที่มาก จนอาจทำให้ยอดชำระต่อเดือนอาจเพิ่มขึ้นเท่าตัว และอาจจะทำให้เงินต้นที่ควรชำระลดลง แต่เป็นการจ่ายค่าดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นแทน ซึ่งถ้าเงินต้นสูงมาก ยอดชำระมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นจากเดิมถึง 50% เลยทีเดียว

2. ลดระยะเวลาในการผ่อนชำระหนี้
เนื่อจากการขอรีไฟแนนซ์บ้าน รวมไปถึงการขอลดอัตราดอกเบี้ยบ้านจากผู้ให้สินเชื่อรายเดิมนั้น เปรียบเสมือนการเขียนสัญญาข้อตกลงฉบับใหม่ ซึ่งเราสามารถเสนอข้อตกลงในการผ่อนชำระหนี้ตามความต้องการของตนเองได้

3. สามารถเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ต้องการได้อย่างอิสระ
เนื่องจากในปัจจุบันเริ่มมีผู้ให้สินเชื่อเกิดขึ้นจำนวนมาก จึงมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีการโปรโมท พร้อมทั้งออกโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจให้ผู้คนหันมาขอสินเชื่อกับตัวเอง ซึ่งถือเป็นประโยชน์กับผู้บริโภคเป็นอย่างมาก

สรุป


สำหรับใครที่กำลังศึกษา หรือพิจารณาว่าจะรีไฟแนนซ์บ้าน หรือเลือกการขอลดหย่อนอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารเดิม ต้องทำการศึกษาข้อมูลทุกรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน เนื่องจากการผ่อนชำระบ้านถือเป็นการผ่อนชำระที่มีวงเงินที่สูง ดังนั้นทางผู้กู้จะต้องเปรียบเทียบผู้ให้สินเชื่อรายใหม่ทั้งหมดให้ดีเสียก่อน จากนั้นจึงเลือกผู้ให้สินเชื่อที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้มากที่สุด

พื่อความสะดวกสบายในการขอรีไฟแนนซ์บ้าน ทางเราขอแนะนำให้หาที่เว็บไซต์ Refinn ที่รวบรวมโปรโมชั่นรีไฟแนนซ์บ้านทุกธนาคารไว้ในที่เดียว อย่ารอช้า ไปดูกันเลย
แก้ไขล่าสุด 12 พ.ย. 65 14:18 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย sz463257

แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | BaanBaan | 15 พ.ย. 65 17:40 น.



ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google