Sale Page คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการทำการตลาด

ธุรกิจจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับยอดขาย สินค้าจะขายได้มากน้อยเเค่ไหน ขึ้นอยู่กับว่าเรานำเสนอสินค้าเราได้น่าสนใจเเค่ไหน การนำเสนอธุรกิจ สินค้า บริการ ทางออนไลน์ ไม่มีวิธีที่ตายตัว สามารถทำได้หลายรูปเเบบ หนึ่งในนั้น คือ การนำเสนอผ่านทาง Sale Page ซึ่งเปิดกว้างให้เราสามารถใช้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ก่อนอื่นเลย มารู้จักกันก่อนว่า Sale Page คืออะไร เเล้วเราสามารถใช้งานมันอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีให้ธุรกิจของคุณ

Sale Page คืออะไร

Sale Pageหรือเว็บไซต์หน้าเดียว เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่ใช้ในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ โดยมักถูกใช้ในการนำเสนอสินค้า บริการ หรือธุรกิจต่างๆ โดยหลักการของมันคือ เป็นเว็บไซต์ที่จะนำเสนอข้อมูลเพียงหน้าเดียวเท่านั้น ไม่มีการคลิกเปลี่ยนไปหน้าอื่น เเต่จะเป็นการเลื่อนหน้าจอดูข้อมูลเรื่อยๆในหน้านั้นเพียงหน้าเดียว ดังนั้นข้อมูลที่จะใส่ใน Sale Page ต้องมีความกระชับ ไม่มากเกินไป อ่านเเล้วเข้าใจได้ง่าย

ซึ่งมันก็สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของคนในยุคนี้ได้ อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้า เเต่คนไทยไม่ชอบอ่านอะไรที่มีตัวอักษรเยอะมาก ดังนั้น Sale Page ที่มีข้อมูลไม่เยอะเกินไป จะช่วยดึงความสนใจผู้บริโภคให้เข้ามาดู Sale Page ของเรา สร้างโอกาสที่จะเปลี่ยนคนทั่วไปให้มาเป็นลูกค้าของเรา ความนิยมของ Sale Page ดูได้จากมีบริการรับทำ Sale Page มากมาย เห็นได้ทั่วไปในอินเตอร์เน็ต

เเต่สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีข้อมูลจำนวนมากที่ต้องการนำเสนอ จะทำอย่างไรได้บ้าง สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ อาจจะไม่ใช่ Sale Page เเต่เป็นสื่อการนำเสนอที่เรียกว่า Landing Page

Sale Page ต่างกับ Landing Page อย่างไร

จากที่เรากล่าวไว้ข้างต้น ว่าสื่อในการนำเสนอมีทั้ง Sale Page และ Landing Page เพื่อให้สามารถใช้งานได้เหมาะสมกับธุรกิจของเรามากที่สุด เราต้องเข้าใจความเเตกต่างของ Sale Page และ Landing Page ว่าต่างกันอย่างไร

ความเเตกต่างของ Sale Page และ Landing Page คือ จำนวนหน้าที่ใช้เเสดงผล สำหรับ Sale Page จะเเสดงผล อธิบายข้อมูลทั้งหมด จบในหน้าเดียว ส่วน Landing Page การเเสดงผล จะเเบ่งข้อมูลออกเป็นหลายหน้า เว็บไซต์ทั่วๆไป มักจะเป็น Landing Page โดยจะมีการเเบ่งข้อมูลตามหมวดต่างๆ หน้า Home, Product / Service, About us, Contact us, News

Sale Page มีค่าใช้จ่ายในการทำที่น้อยกว่า เหมาะกับผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ยังมีงบในการทำการตลาดน้อย ส่วน Landing Page มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า เหมาะกับบริษัท หรือองค์กรใหญ่ๆ ที่มีข้อมูลจำนวนมากต้องการนำเสนอ มีงบเพียงพอในการดำเนินการ
Sale Page มีประโยชน์อย่างไร

ช่วยเพิ่มยอดขาย
Sale Page ที่มีการออกเเบบสวยงาม นำเสนอน่าสนใจ ดึงดูดให้คนเข้ามาดูเซลเพจของเรามาก เปิดโอกาส ให้เราสามารถเพิ่มลูกค้าได้ หากข้อมูลที่เรานำเสนอตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ก็สามารถสร้างยอดขายในการขายออนไลน์ได้อย่างเเน่นอน

อย่างไรก็ตาม ต้องมั่นใจว่า Sale Page ของเรา นำเสนอข้อมูลได้น่าสนใจ ตอบโจทย์ ตรงประเด็น เเละมีการลงใน Social Media ที่กลุ่มเป้าหมายของเราเข้าไปใช้เยอะ ถึงจะทำให้ Sale Page ของเราเเสดงประสิทธิภาพได้สูงที่สุด

ช่วยให้ลูกค้าใช้ง่าย
Sale Page มีการออกเเบบให้นำเสนอข้อมูลครบจบในหน้าเดียว ทำให้คนเข้าชมไม่ต้องกดเปลี่ยนหลายหน้า สามารถเลื่อนเเถบอ่านข้อมูลได้ง่ายๆเลย ข้อมูลที่สำคัญ จะถูกนำมาใส่ในเซลล์เพจ เพื่อให้ลูกค้าเข้าใจสินค้า บริการของเราได้ในเวลาอันสั้น

นอกจากนี้ยังมีการออกเเบบ ใสฟังก์ชันต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางการชำระเงิน การติดต่อสอบถามผู้ขายโดยตรง ซึ่งออกเเบบให้เน้นใช้งานได้ง่าย เเต่การจะใส่ฟังก์ชันอะไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับบเจ้าของ Sale Page อยากให้มีอะไรบ้าง

ช่วยปิดการขาย
Sale Page ถูกออกเเบบให้เน้นใช้งานได้ง่าย ทุกอย่างต้องจบได้ใน Sale Page ไม่ว่าจะเป็นการหาข้อมูลของสินค้า เพื่อประกอบตัดสินใจก่อนจะซื้อ ไปจนถึงหากลูกค้าตัดสินใจซื้อเเล้ว ต้องสามารถจ่ายเงิน เเจ้งที่อยู่จัดส่ง มีบริการหลังการขาย ถ้ามีปัญหา หรือข้อสงสัย ก็มีช่องทางในการติดต่อผู้ขายได้ ดังนั้นในการขายออนไลน์เราสามารถปิดการขายได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเเอดมิน เพราะสามารถทำทุกอย่างด้วยระบบ Manual

นอกจากนี้ต้องมีระบบซัพพอทหลังบ้าน บันทึกข้อมูลการซื้อขาย อัพเดทสถานะสินค้าของลูกค้าว่าส่งถึงเเล้วหรือยัง กรณีมีปัญหาสินค้าไปไม่ถึงลูกค้า จะได้มีการตรวจสอบย้อนหลังเพื่อเเก้ปัญหาได้
องค์ประกอบสำคัญของ sale page

เพื่อให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เซลเพจในการขายออนไลน์ ต้องมีองค์ประกอบที่ครบถ้วน เพื่อจะได้ช่วยให้เราปิดการขายได้ง่าย เพราะหากขาดไปสักอย่าง การปิดการขายอาจจะไม่ง่ายนัก ดังนั้นมาดูกันว่าองค์ประกอบสำคัญของ Sal Page ที่ขาดไม่ได้เลยมีอะไรบ้าง

1.Picture
ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือวีดีโอที่โชว์สินค้า สามารถใช้ได้ทั้งนั้น การตัดสินใจซื้อสินค้า คนมักอยากเห็นก่อนว่าสินค้ามีหน้าตาอย่างไร เพราะการขายออนไลน์ ไม่เหมือนกับการขายของหน้าร้าน ที่สนใจชิ้นไหนสามารถ หยิบดูได้เลย ดังนั้นการขายออนไลน์ ต้องมีภาพสินค้าโชว์ให้เห็นชัดเจน ซึ่งการใส่รูปภาพลงใน Sale Page จะช่วยให้ Sale Page ดูน่าสนใจมากกว่ามีเเค่ตัวอักษรเพียงอย่างเดียว

2.Text
เมื่อมีภาพสินค้า ทำให้คนดูรู้จักหน้าตาสินค้าเเล้ว เเต่รูปภาพก็ไม่สามารถที่จะบอกสรรพคุณสินค้าได้อย่างครบถ้วน ดังนั้นการบรรยายด้วยตัวอักษรจะช่วยขยายความ ทำให้คนดูเข้าใจสินค้าเราได้มากขึ้น โดยรายละเอียดของสินค้า ที่ต้องบรรยายด้วยตัวอักษรก็จะมีดังนี้
-สรรพคุณของสินค้า : บรรยายเพื่อให้คนดูสามารถพิจารณาได้ว่าสินค้าตัวนี้มีสรรพคุณอะไรบ้าง และมันมสามารถช่วยตอบสนองความต้องการผู้ซื้อได้หรือเปล่า
-ราคาของสินค้า : เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่าสินค้าตัวนี้มีราคาเท่าไหร่ และจำนวนเงินที่เขามีสามารถซื้อได้หรือไม่ในเว็ปเซลเพจ
-โปรโมชันของสินค้า : อาจจะเป็นส่วนลด ของแถม หรือการซื้อ 1 แถม 1 เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคมาสนใจสินค้าของเรามากขึ้น

3.Call to action
เมื่อเราสามารถจูงใจให้คนสนซื้อสินค้าของเราได้เเล้ว หากลูกค้าอยากจะซื้อสินค้าของเราเเล้ว ช่องทางในการซื้อสินค้าทางออนไลน์ ช่องทางการชำระเงิน ช่องทางการติดต่อกับลูกค้า จะเรียกว่า Call to action เพราะถึงเเม้ว่า Sale Page ของเราจะดึงดูดให้คนซื้อสินค้าสำเร็จ เเต่ขั้นตอนในการซื้อสินค้า ซับซ้อน การปิดการขายก็จะเป็นเรื่องยากทันที
สรุป

Sale Page เป็นวิธีการนำเสนอสินค้า บริการ ทางออนไลน์ ที่สะดวกต่อผู้ซื้อ ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับผู้ขาย สำหรับเจ้าของธุรกิจ ที่อยากเพิ่มช่องทางในการขาย เพิ่มยอดขาย ให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ Sale Page ก็เป็นอีกทางเลือกที่ควรนำไปพิจารณา

เเต่สำหรับมือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์ การทำเซลเพจดีๆสักอันก็อาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการหาบริษัทผู้เชี่ยวชาญ ที่รับทำ Sale Page ก็จะเป็นตัวช่วยเราให้มี Sale Page ดีๆเป็นของตัวเองในราคาถูก