โรคเอดส์ คืออะไร สาเหตุ อาการ การรักษา การป้องกัน 2025

29 ส.ค. 68 14:33 น. / ดู 2,738 ครั้ง / 1 ความเห็น / 1 ชอบจัง / แชร์
โรคเอดส์ (AIDS) คืออะไร?
โรคเอดส์ (AIDS) ไม่ใช่ไวรัส แต่เป็น กลุ่มอาการระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อเชื้อ HIV เข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 จนมีจำนวนต่ำกว่า 200 เซลล์/ลบ.มม. ทำให้ร่างกายอ่อนแอและไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้ ส่งผลให้เกิด "การติดเชื้อฉวยโอกาส" เช่น วัณโรค ปอดบวม หรือมะเร็งบางชนิด
ข้อแตกต่างสำคัญ:
HIV (Human Immunodeficiency Virus): คือ ชื่อของไวรัส ที่โจมตีระบบภูมิคุ้มกัน
AIDS (Acquired Immunodeficiency Syndrome): คือ ภาวะของโรคในระยะสุดท้าย ที่เกิดจากเชื้อ HIV

ดังนั้น ทุกคนที่เป็นเอดส์จะต้องติดเชื้อ HIV มาก่อน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อ HIV จะเป็นเอดส์ หากได้รับการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว

สาเหตุและการติดต่อ
โรคเอดส์มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งสามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดโดยตรง ช่องทางหลักๆ ได้แก่:
การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน: เป็นช่องทางที่พบบ่อยที่สุด ทั้งทางช่องคลอด ทวารหนัก และปาก
การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน: พบมากในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด รวมถึงการใช้อุปกรณ์สักหรือเจาะร่างกายที่ไม่สะอาด
การติดต่อจากแม่สู่ลูก: เกิดขึ้นได้ระหว่างตั้งครรภ์ การคลอด หรือการให้นมบุตร (ปัจจุบันสามารถป้องกันได้เกือบ 100% หากแม่ได้รับยาต้านไวรัส)
การรับเลือดหรือผลิตภัณฑ์เลือดที่มีเชื้อ: ปัจจุบันมีความเสี่ยงน้อยมากเนื่องจากมีกระบวนการคัดกรองที่เข้มงวด
สำคัญ: HIV ไม่ติดต่อ ผ่านการสัมผัสในชีวิตประจำวัน เช่น การกอด, การจับมือ, การใช้ห้องน้ำหรือภาชนะร่วมกัน, น้ำลาย, หรือเหงื่อ

อาการของโรคเอดส์
อาการของโรคเอดส์มักเป็นผลมาจากภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก:

อาการทั่วไป:
น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบสาเหตุ
มีไข้เรื้อรัง หรือเหงื่อออกมากผิดปกติในตอนกลางคืน
อ่อนเพลียรุนแรง
ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย
ท้องเสียเรื้อรัง
มีฝ้าขาวในช่องปาก

อาการจากการติดเชื้อฉวยโอกาส:
วัณโรค (TB): เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ
ปอดอักเสบนิวโมซิสติส (PCP): ทำให้ไอแห้ง หายใจลำบาก
เชื้อราขึ้นสมอง: ทำให้ปวดศีรษะรุนแรง คอแข็ง
มะเร็งบางชนิด: เช่น มะเร็งคาโปซิซาร์โคมา (Kaposi's sarcoma) ซึ่งทำให้เกิดผื่นสีม่วงแดงตามผิวหนัง

การรักษาและการป้องกัน
การรักษา
ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีรักษาโรคเอดส์ให้หายขาด แต่สามารถควบคุมเชื้อไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย ยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy - ART) ซึ่งมีเป้าหมายคือ:
กดปริมาณไวรัสในเลือดให้น้อยที่สุด จนอยู่ในระดับที่ "ตรวจไม่พบ" (Undetectable)
เมื่อตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ผู้ติดเชื้อจะไม่สามารถส่งต่อเชื้อให้ผู้อื่นได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือที่เรียกว่า U=U (Undetectable = Untransmittable)
ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ผู้ติดเชื้อมีสุขภาพแข็งแรงและมีอายุขัยใกล้เคียงกับคนทั่วไป

การป้องกัน
การป้องกันการติดเชื้อ HIV คือหัวใจสำคัญในการควบคุมโรคเอดส์ ซึ่งทำได้หลายวิธี:
ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง: เป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง
ยาเพร็พ (PrEP - Pre-Exposure Prophylaxis): คือยาสำหรับ ผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ แต่มีความเสี่ยงสูง โดยทานวันละ 1 เม็ดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ สามารถลดความเสี่ยงได้มากกว่า 99%
ยาเป๊ป (PEP - Post-Exposure Prophylaxis): คือยาต้านไวรัสฉุกเฉินสำหรับ ผู้ที่เพิ่งมีความเสี่ยงมา เช่น ถุงยางแตกหรือถูกล่วงละเมิดทางเพศ ต้องเริ่มทานให้เร็วที่สุด ภายใน 72 ชั่วโมง และทานต่อเนื่อง 28 วัน
ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
ตรวจเลือดหาเชื้อ HIV เป็นประจำ: การรู้สถานะของตัวเองและคู่จะช่วยให้วางแผนป้องกันและรักษาได้อย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตามการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ดีที่สุด: Safe Clinic
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | sushiiwasabii | 29 ส.ค. 68 14:33 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google